คอลัมนิสต์

ฟันธงได้เลย "พล.อ.ประยุทธ์"ไม่ตั้งพรรคการเมือง โดยรามจักร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

8 ปีมานี้สามารถศึกษาหมากเกมการเมืองของพลเอกประยุทธ์ได้ชัดเจนว่าใช้ลีลากระบวนท่าเดียวกันกับพลเอกเปรม คือไม่สังกัดพรรคการเมือง ไม่ตั้งพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองบางกลุ่มจะพร้อมกันสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ติดตามได้ที่เจาะประเด็นร้อน โดย รามจักร

 

การเตรียมการเลือกตั้งกำลังคึกคัก ทุกพรรคกำลังเคลื่อนไหวในการจัดวางผู้สมัครกันจนราวกับว่ากำลังจะมีการเลือกตั้งและมีคำถามมากมายว่าพลเอกประยุทธ์จะตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ ? และจะสังกัดพรรคไหน ?

 

ฟันธงได้เลยว่าพลเอกประยุทธ์จะไม่ตั้งพรรคการเมืองและจะไม่เข้าสังกัดพรรคการเมืองใด

 

8 ปีมานี้สามารถศึกษากระบวนท่าทางการเมืองของพลเอกประยุทธ์ได้ชัดเจนว่าใช้ลีลากระบวนท่าเดียวกันกับพลเอกเปรม คือไม่สังกัดพรรคการเมือง ไม่ตั้งพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองบางกลุ่มจะพร้อมกันสนับสนุนให้เป็นนายก และทำให้พลเอกเปรมอยู่ในตำแหน่งได้ถึง 8 ปี

 

เพราะถ้าหากตั้งพรรคการเมืองเองก็ต้องสุ่มเสี่ยงกับความขัดแย้งภายในพรรค และการหาประโยชน์มาหล่อเลี้ยงนักการเมืองในพรรค ทั้งต้องสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งกับพรรคการเมืองอื่น สู้การลอยตัวไม่ได้

 

ยิ่งรัฐธรรมนูญปัจจุบันให้อำนาจ ส.ว. โหวตเลือกนายกได้ ทำให้พลเอกประยุทธ์มีแต้มต่อมากเพราะมีฐาน ส.ว. รองรับ แต่จะมีจำนวนเท่าใดนั้นก็ต้องดูกันต่อไป ตรงจุดนี้จึงทำให้พลเอกประยุทธ์เนื้อหอมเพราะมีฐานที่จะสนุนเป็นนายกที่แน่นอนจำนวนหนึ่ง


พรรคการเมืองใดที่รวบรวมเสียงได้เพียง 125 เสียงก็พร้อมที่จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกได้ ในขณะที่พรรคคู่แข่งจะต้องรวบรวมเสียงให้ได้ 251 เสียงและจะต้องมีเสียงสนับสนุนเพิ่มอีก 125 เสียงจึงจะมีคะแนนเสียงเลือกนายกเกินครึ่งหนึ่งคือเกิน 375 เสียง

 

ดังนั้น พลเอกประยุทธ์จึงไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคหรือตั้งพรรค แต่จะมีบางพรรคเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ


สำหรับพรรคเพื่อไทย แม้คาดหมายว่าจะชนะเลือกตั้งครั้งหน้าแบบแลนด์สไลด์คือได้เสียงแตะ 250 เสียงก็ยังต้องรวบรวมเสียงเพิ่มอีก 126 เสียงเป็นอย่างน้อย แต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะถ้าเพื่อไทยทุ่มเทจนรวบรวมเสียงได้ขนาดนี้แล้วก็ใช่ว่าจะไม่สามารถดึงเสียงจาก ส.ส. หรือ ส.ว. ได้
 

เพราะเหตุนี้จึงมีข่าวการยุบพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยให้ได้ยินกันอยู่ทุกวัน เพราะมีความเป็นไปได้ที่ 2 พรรคนี้อาจจะรวมกันหรือสนับสนุนกันให้จัดตั้งรัฐบาล


แต่บทเรียนในการยุบพรรคไทยรักษาชาติในช่วงหลังสมัครรับเลือกตั้งทำให้ผู้สมัครทั้งหมดหมดสิทธิ์รับเลือกตั้งนั้น เป็นบทเรียนที่ถูกเปิดเผยออกมาแล้วจะนำมาใช้ใหม่อีกครั้งหนึ่งจะได้ผลหรือไม่ ยังน่าสงสัย


 เพราะถ้าสถานการณ์คับขันก็เป็นไปได้ว่าก่อนเวลาสมัครรับเลือกตั้งก็อาจมีการแผนจั๊กจั่นทองลอกคราบโยกผู้สมัครทั้งหมดมาสังกัดพรรคใหม่ที่เตรียมไว้ก็ได้ โดยจัดให้กรรมการบริหารเดิมเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ

logoline