เช็คจังหวะลุงตู่ มั่นใจเต็มกระเป๋า "อยู่ยาว 4 ปี-คัมแบ็ค"
"...ก็ต้องปี 66 ถ้าบ้านเมืองสงบสุข เราก็อยู่ให้ครบวาระไปก็เท่านั้นเอง" ชัดซะยิ่งกว่าชัดต่อดำรงอยู่บนเก้าอี้นายกฯ ทว่าคำยืนยันของ"ลุงตู่"ครั้งนี้ มีผลไปถึงกลุ่มก๊วนในพปชร.ที่ยังไม่ลงรอยกับลุงตู่ จะวางตัวอย่างไร ติดตามได้จากเจาะประเด็นร้อน โดย อสนีบาต
น่าจะมีความมั่นใจเต็มกระเป๋าสำหรับ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หลังจากยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า รัฐบาลชุดนี้จะอยู่จนถึงเดือนมีนาคม 2566
"ผมยังอยู่ในการเป็นรัฐบาลอยู่ไม่ใช่หรือ"
เมื่อถามว่า ถึงเดือนมี.ค. 2566 ใช่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ ตอบว่า "ก็ใช่สิ ตามกรอบกฎหมายเขียนไว้เช่นนั้นไม่ใช่หรือ จะอยู่ถึงปี 67 ได้ไหมล่ะ ไม่ได้ ก็ต้องปี 66 ถ้าบ้านเมืองสงบสุข เราก็อยู่ให้ครบวาระไปก็เท่านั้นเอง"
และตอนนี้ลุงตู่เป็นนักการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์
" ก็ต้องเป็น เพราะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ผมเป็นทหารอยู่หรือเปล่าล่ะ ผมเป็นทหารเกษียณแล้วนะ และการมียศนำหน้า จะให้ไปลดยศ หรือตัดยศออกไปก็คงไม่ใช่ เพราะเป็นยศที่ได้รับพระราชทานมา"
รวมทั้งตอบคำถามที่ว่าเมื่อเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วจะลงเลือกตั้งด้วยหรือไม่ "พล.อ. ประยุทธ์" บอกว่า" เป็นเรื่องของอนาคตและรอให้ใกล้เลือกตั้งก่อน ยังไม่ถึงเวลา ขออย่าเพิ่งถามตอนนี้"
ส่วนบิ๊กบราเธอร์แห่งค่าย 3ป."พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ"รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตอบชัดหลังชาวบ้านขอให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดย"ลุงป้อม"ย้ำอีกครั้งว่า "ไม่เป็นหรอก เดินยังไม่ไหวเลย"
ในเมื่อ"ลุงตู่-ลุงป้อม"ชัดเจนแล้วแบบไม่แทงกั๊กทางการเมืองเช่นนี้ (หลังจากสร.1ลงพื้นที่จ.อุดรธานี(เมืองหลวงของคนเสื้อแดงและฐานกำลังของพรรคเพื่อไทยในแดนอีสาน) พร้อมกับพล.อ.ประวิตร รวมทั้งแกนนำพรรคที่เป็นรัฐมนตรีหลายคนเมื่อเร็วๆนี้) เพราะเสียงเชียร์จากมวลชนที่มาให้กำลังใจนั้นเติมพลังให้"ลุงตู่"แบบเกินร้อย
แม้จะมีบางเสียงที่ส่งสัญญาณไปให้"ลุงตู่"ระคายหูว่า " ไม่ไหวก็ให้เกษียณ ให้คนอื่นมาทำแทน"แต่ระบอบประชาธิปไตยนั้นเสียงส่วนน้อยก็ต้องรับฟัง
แต่รหัสการเมืองล่าสุดที่"ลุงตู่"สื่อออกมาแบบไม่ต้องตีความกันเยอะนั้น แสดงว่าตอนนี้น่าจะ "มั่นใจขั้นสูงสุด"ในการกุมสภาพการเมืองของ"รัฐบาล-รัฐสภา"ไว้ได้ในเวลาที่มีอยู่ จึงกล้าปักหมุดการเมืองไว้จนครบอายุสี่ปีของรัฐบาล และมีแนวโน้มว่าหย่อนบัตรผู้แทนราษฎรรอบหน้า "ลุงตู่"มีโอกาสกลับตึกไทยคู่ฟ้าอีกวาระแม้ต้องลุ้นการวินิจฉัยตามที่ฝ่ายค้านจุดประเด็น “วาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของพล.อ. ประยุทธ์ สิ้นสุดวันไหน"
โดยอ้างอิงรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ระบุว่า "นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”
เพราะอย่าลืมว่า"ลุงตู่"เป็นหัวหน้าคสช.แล้วขึ้นเป็นหัวหน้ารัฐบาลตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2557 ประกาศราชกิจจานุเบกษา พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 และครองตำแหน่งสร.1สมัยที่สอง เมื่อผลการลงมติของส.ส.และส.ว.747 คน ด้วยคะแนน 500 เสียง จากผลการเลือกตั้งส.ส. 24 มีนาคม 2562
เกมนี้เคยทำนายไว้ว่า "ลุงตู่"เชื่อว่า การนับวาระสร.1สองสมัยติดต่อกันนั้นในยุค"เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน"เป็นกรณีพิเศษและไม่อาจใช้กติกาหลักนับห้วงเวลาย้อนหลังไปได้ ดังนั้นการนับการดำรงตำแหน่งสร.1ต้องเริ่มนับวาระหลังการหย่อนบัตรเลือกตั้งส.ส.24มีนาคม2562
อีกทั้ง ภาวะการบ้าน-การเมืองยามนี้ "ลุงตู่และทีมงาน"น่าจะอ่านจังหวะของขั้วตรงข้ามที่ออกกิจกรรมต่างๆนานามานับไม่ถ้วนแล้วนั้น คำตอบที่ได้รับคือ "ยังขย่มเรือเหล็กให้รั่วและล่มกลางอ่าวไม่ได้"
แม้บางคราวจะมี"รอยปริ"จากคนกันเองในบางลีลาและจังหวะการเมืองก็ตาม แต่การปรับบทของ"ลุงตู่"ให้แนบชิดรมต.ซึ่งเป็นแกนนำพรรคพปชร.มากขึ้น พร้อมพบปะส.ส.อย่างใกล้ชิดในห้วงเวลาตามกระแสข่าวปรากฏ ย่อมแสดงให้เห็นว่า"ลุงตู่"ประเมินจังหวะการเมืองไปอีกชั้นหนึ่งและจัดระเบียบในพปชร.ได้ลงตัวระดับหนึ่งแล้ว จึงพลิกบทแสดงในการใกล้ชิดมวลชนต่างจังหวัดที่มีนัยทางการเมืองต่ออนาคตของพปชร.มากขึ้น
จับภาพ การลงพื้นที่พร้อมกันของพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร ที่จ.อุดรธานี นับเป็นครั้งแรก และลบคำครหาพี่ใหญ่-น้องเล็กแตกคอแยกทางเดิน หลังจากที่สร.1ปราบกบฏในครม.ด้วยการปลด"ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า" หลุดรมช.เกษตรและสหกรณ์-"นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" พ้นรมช.แรงงานช่วงเสร็จศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดย"ผู้กองคนดัง-มาดามบิ๊กอายส์"เป็นคนคู่ใจของ"ลุงป้อม" แต่ต้องกระเด็นไปและเคยออกอาการฟึดฟัดจะตั้งพรรคอีสานล้านนาแต่สุดท้ายก็กลับคำพูด
อย่าลืมว่า...ตอนนี้กบฏสองชีวิตเหลือเพียงเก้าอี้ส.ส.พะเยาและเลขาธิการพรรค-เหรัญญิกพรรค และพยายามลงพื้นที่ชิงหน้าข่าวอย่างสม่ำเสมอ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่ง"พีรพันธุ์ สารีรัฐวิภาค"เข้าไปในพปชร.แล้ว ด้วยการผ่าอำนาจพ่อบ้านพรรคไปให้แกนนำหลายคนรับงานแทน โดยที่"ลุงป้อม" แต่งตั้งพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคที่วางแผนเดินหน้าพรรคแทน ร.อ. ธรรมนัส
อย่าลืมว่า ....ช่วงถัดมา "พล.อ.ประยุทธ์" ลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัดถี่ยิบและ"ลุงป้อม"ก็ดำเนินการเช่นกัน แต่แปลกตรงที่รมต.แกนนำพรรคกระจายกำลังในการลงพื้นที่กับแกนนำ3ป.อย่างชัดเจน(ลุงตู่ควงแขนพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยบ่อยครั้ง ส่วน"ลุงป้อม"ไปกับ2กบฏและแกนนำพรรคบางขั้ว เช่น วิรัช รัตนเศรษฐ)แกนนำบางคนในพปชร.ที่ยังเป็นเสนาบดีก็สวิทช์จังหวะไปกับ"ลุงตู่"บ้างลุงป้อมบ้าง ท่ามกลาง3ป.แตกคอกันเพราะ 2กบฏ ในรัฐบาล-พปชร.(รวมทั้งมีกระแสข่าวการตั้งพรรคสำรองมากมาย แต่ยังไม่มีการยืนยันจนถึงตอนนี้) แต่ภาพที่พี่ใหญ่-น้องเล็กเยือนเมืองอุดรคราวนี้มันก็สยบข่าวลือต่างๆนานาไปได้
อย่าลืมว่า.... หลังพ้นหน้าที่ในครม. "ผู้กองคนดัง-มาดามบิ๊กอายส์" เน้นการไปต่างจังหวัดเพื่อดูกิจกรรมพรรคและฟุ้งว่าจะปักธงผู้แทนฯในจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ โดยรู้กันว่า2กบฏนั้นเลือกไปในพื้นที่ที่ยังไร้การจับจองจากแกนนำพรรคพปชร.หลากขั้ว นัยว่า ขอไปควบคุมดูแลพื้นที่ร้างส.ส.ด้วยตัวเอง และแปลกตรงที่ผู้กองคนดังไม่เอ่ยถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครั้งหน้าของพปชร.ว่าคือใคร และโยนให้หัวหน้าพรรคเป็นคนคลายปมนี้เอง
ท่ามกลางกระแสข่าวว่ากลุ่มสามมิตรของ"สมศักดิ์ เทพสุทิน" อาจจะย้ายกลับพรรคเพื่อไทย โดยรมต.แห่งเมืองสุโขทัยตอบว่า "เป็นเรื่องงาน ที่บางคนไม่มีโอกาสทำงานของตัวเอง และขอให้ไปถามสื่อที่เขียนฉบับแรก เรารู้กันหมดว่าใครเริ่มตรงนี้ แต่ขออย่าไปทำลายกัน ตนก็ไม่อยากพูด และยังไม่มีการพูดคุยอะไรกันทั้งสิ้นเกี่ยวกับข่าวที่ออกมา ทั้งนี้ ได้สอบถามกับคนที่รักกันทางการเมือง ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น" แค่นี้ก็อ่านออกแล้วว่า"สมศักดิ์"กล่าวถึงใคร....
การย้ำชัดจุดยืนแบบนี้ ภาวะของผู้กองคนดังที่พยายามขับเคลื่อน พปชร.ให้ได้ผู้แทนฯมากสุดในเกมหน้า(และสร้างส.ส.ในปีกของตัวเองให้มากสุดเพื่อราคาทางการเมืองวันหน้า) ตรงนี้จะคลาดสายตาไม่ได้
เพราะไม่มีใครยอมใครเป็นแน่แท้