ตรวจแถวพรรคการเมือง หลังเสร็จศึกเลือกตั้งอบต. คณะก้าวหน้า คือตัวอย่างแรกของร่างทรงก้าวไกล ส่งผู้สมัคร 196 อบต. คว้ามาได้ 38 ที่นั่ง ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จการเมืองสนามเล็ก เมื่อมองพรรคการเมืองขนาดใหญ่อาจมีผลแตกต่างกัน ติดตามได้ที่เจาะประเด็นร้อน เมฆาในวายุ
จบภารกิจหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกและสมาชิกอบต.ทั่วไทย 5,300แห่ง (นายก อบต.ทั้งหมด 5,300 คน และ สมาชิกสภา อบต. 56,641 คน )ไปแล้ว ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการปรากฏแล้ว ใครเป็นใคร ใกล้ชิดขั้วการเมืองใดบ้างนั้น คนการเมืองย่อมรู้ดีและน่าจะเป็นลายแทงเบื้องต้นเกี่ยวกับฐานคะแนน
แต่ที่แน่ๆคณะก้าวหน้า ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งอบต. 196 อบต. ใน 50 จังหวัดทั่วประเทศ คว้าเก้าอี้มาได้ 38 ที่นั่ง หรือคิดเป็น 19.4 เปอร์เซนต์ ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จในการสนามเลือกตั้งท้องถิ่น
สำหรับ 85 พรรคการเมืองที่ยังอยู่ในทะเบียนระบบของกกต.เกี่ยวกับการวางแผนเลือกตั้งส.ส.งวดหน้า
รู้ๆกันอยู่ว่า อบต.คือเซลล์การเมืองที่แทรกในหมู่บ้าน ตำบลทั่วไทย หากนักการเมือง-พรรค-กลุ่มการเมืองใดๆเชื่อมสัมพันธ์กับผู้บริหารอบต.ที่ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ไว้ได้อย่างแนบแน่น การหาแต้มในหมู่บ้านตำบลนั้นๆก็สะดวกไประดับหนึ่งสำหรับสนามผู้แทนราษฎร
ขณะเดียวกัน พรรคต่างๆที่กกต.รับรองว่ายังเคลื่อนไหวทำกิจกรรมพรรคการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนั้น แน่นอนว่า น่าจะมีบางพรรคที่ส่อแววจอดป้ายหน้าหากไม่ขยับจังหวะตามกติกาที่วางไว้ แต่เชื่อเลยว่าปีหน้าฟ้าใหม่นั้น หลากพรรคขยับจังหวะกันแบบรัวๆ
อ่านเพิ่มเติมคลิก >> เช็คที่นี่ "ผลเลือกตั้งอบต." นายกฯอบต.และสมาชิก 5พันกว่าแห่งทั่วประเทศ
ภาพ"มิตรแท้-มิตรเทียม"จะเริ่มฉายแววในแวดวงการเมืองว่าเบื้องต้นแกนนำพรรคใดแตะมือหลวมๆกับขั้วใดบ้าง และปักหมุดว่า คู่แข่งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ คือ ใครและพรรคใด
โดยเป้าหลักที่น่าจะโดนถล่มคือ"พรรคพลังประชารัฐ" นำโดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยแกนนำหลักที่ร่วมสังฆกรรมล้อมพปชร.เพื่อปิดประตูตีแมวคือ"พรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกล" โดยมีแนวร่วมคือพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรคน้องใหม่ที่จ้องตัดแต้มพรรคของลุงป้อมใน 400 เขตเลือกตั้ง ที่สะเทือนไปยัง 100 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พปชร.อย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้การจับมือทุบพปชร.ของเพื่อไทยและก้าวไกลนั้น แต่สองพรรคนี้ก็ยังซ่อนดาบในรอยยิ้มที่จะต้องชิงแต้มกันเอง พรรคเพื่อไทยนั้นน่าจะสะดวกกว่าพรรคอื่นกับกติกาคราวนี้ แต่ต้องเตะตัดขาพรรคก้าวไกลที่เป็นคู่แข่งลำดับต้นสำหรับขั้วการเมืองเดียวกัน งานนี้รอดูว่าพรรคก้าวไกลจะส้มหล่นเหมือนโอกาสที่พรรคอนาคตใหม่ได้รับจากการหย่อนบัตรคราวที่แล้วหรือไม่(ยุบพรรคไทยรักษาชาติและพื้นที่นั้นๆพรรคเพื่อไทยไม่ส่งผู้สมัครส.ส.)
"ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า" เลขาธิการพรรคพปชร.ฟุ้งล่าสุดว่า บ่หยั่น พร้อมแล้วกับ 350 เขตเดิม รอเพียง 50 เขตใหม่เท่านั้น แต่หากมองไปยังขุนพลของ"ลุงป้อม"ยามนี้ หากเพ่งดีๆจะพบว่า ส.ส.บางชีวิตของพปชร.ส่อเค้าเดินหน้าลำบาก
อาทิ "เอกราช ช่างเหลา" ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และแกนนำอีสานเหนือ ที่สื่อท้องถิ่นรายงาน
ล่าสุด(https://www.esanbiz.com/content/61a1db087aefbceece39dbdf ) ว่า ผลพวงจากคดีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นหลายร้อยล้านบาทที่เอกราชไปเกี่ยวพันนั้นเริ่มบังเกิดผลแล้ว
"ร้อยเอกธรรมนัส"ก็ยังลูกผีลูกคนหากยังสังกัดพปชร.เพราะหัวหน้าพรรคย้ำแล้วว่า แคนดิเดตสร.1ของพปชร.คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งหลากสื่อยังรายงานตรงกันว่า นายพลนอกราชการ-ผู้กองนอกราชการยังอยู่ในภาวะ"ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" แม้ภาพวันนี้"ลุงป้อม"ย้ำชัดว่า พปชร.หนุน"ลุงตู่" และ3ป.อยู่กันแบบชั่วฟ้าดินสลายก็ตาม
วันที่ 8 ธ.ค.ลุ้นคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่จะตัดสินสถานภาพ ส.ส. 5 อดีตแกนนำกปปส. หลังถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุกและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง โดยหนึ่งในนั้นคือ"พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์"อดีตรมว.ดีอีเอสและแกนนำพปชร. "ธนิกานต์ พรพงศาโรจน์" ส.ส.กทม.ที่โดนสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่จากกรณีเสียบบัตรแทนกัน "สิระ เจนจาคะ" ส.ส.กทม.ที่รอลุ้นผลในวันที่ 22 ธ.ค. ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ชะตา"คุณสมบัติ ส.ส."ในคดีเคยต้องคำพิพากษาฉ้อโกง รอลุ้นว่า "ปารีณา ไกรคุปต์"ส.ส.ราชบุรี ในคดีถือครองที่ดินโดยมิชอบนั้นผลจะออกมาแบบใด "วิรัช รัตนเศรษฐ" แกนนำพรรคและครอบครัว ที่ต้องไปสู้คดีโกงงบสนามฟุตซอล
รวมทั้งข่าวปั่นช่วงนี้ว่า เร็วๆนี้มุ้งนั้นมุ้งนี้ในพปชร.เตรียมตีกรรเชียงชิ่ง"ลุงป้อม"เพื่อกลับไปค่ายเดิมเมื่อวันวาน
เมื่อมองไปยังรายชื่อส.ส.ข้างต้น-มุ้งต่างๆในพปชร.เพื่อเทียบเคียงกับราคาคุยดังกล่าวของผู้กองคนดังโวไว้นั้นจะเข้าเป้าหรือไม่...
วิญญูชนนำไปวิเคราะห์กันเอาเอง
สถานการณ์ด้านอื่นๆนั้น หากมองไปยังพรรคร่วมรัฐบาล -พรรคร่วมฝ่ายค้านในยามนี้ แน่นอนว่าส.ส.หลายชีวิตปันใจกันเห็นๆ และรอสักระยะจะมองเห็นว่า"ใครจะเปลี่ยนสีเสื้อ-ย้ายพรรคบ้าง" เพราะข้อกำหนดในการย้ายพรรคของรัฐธรรมนูญ 2560 คือ "หากมีเหตุยุบสภาต้องสังกัดพรรค 30 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อมีการยุบสภา รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดว่า ต้องกำหนดวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ระยะเวลาดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้ ส.ส. ย้ายจากพรรคการเมืองหนึ่งไปอีกพรรคการเมืองหนึ่งได้"
ทำนายไว้ล่วงหน้าเลยว่า ช่วงปลายไตรมาสที่สอง-ต้นไตรมาสที่สามของปีหน้า จะพบกระแสข่าว"การย้ายค่ายแบบเซอร์ไพรส์การเมืองที่จะบังเกิดหลายคราว" และภาพจะชัดเจนหลังศึกซักฟอกครั้งสุดท้ายยุติ (การเมืองไทยเป็นเช่นนี้เสมอจากบันทึกการเมืองเมื่อวันวาน)เพราะคนการเมืองมองออกว่า ควรแทงหวยกับเจ้ามือรายใด เพื่อโอกาสที่จะได้รับรางวัลนั้นๆ (พรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้มี 18พรรค 271 ชีวิต
ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านมี 211 ส.ส. จาก 7 พรรค และหนึ่งเสียงของ"มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ " อดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ) โดยเฉพาะ"งูเห่าการเมืองเวอร์ชั่นล่าสุด"นั้นพบว่า ส.ส.บางคนฝังตัวอยู่ในพรรคก้าวไกลแต่หัวใจอยู่ค่ายสีน้ำเงิน บางคนมีชื่ออยู่พรรคฝ่ายค้านแต่มติการไว้วางใจ-ไม่ไว้วางใจเสนาบดีคราวที่แล้วมันก็อ่านรหัสออกว่า "ผู้แทนราษฎรเหล่านี้วันหน้าจะแตะมือกันอย่างไรทางการเมือง"
และเป็นไปได้ยิ่งว่าเร็ววันนี้จะพบพรรคใหม่ๆจากคนการเมืองในวันวานที่แยกตัวจากต้นสังกัดมาเลือกเส้นทางลุยของตัวเอง เพราะเวลาของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เหลืออยู่ราว 1 ปีเศษ(เลือกตั้ง24มี.ค.2562-ครบวาระสี่ปี 23มี.ค.2566 (อายุรัฐบาลตามกติกาคือ 4 ปี)) และยิ่งกระแสการทำนายทายทักว่าลุงตู่อาจอยู่ไม่ครบวาระลอยมาเสมอๆเพราะเส้นทางในและนอกพรรคที่หนุน"ลุงตู่นั้นพบว่าสารพันปัญหาสะสมไว้คล้ายMine Land (กับระเบิด)หากลุงตู่พลาดก้าวใด รับรองว่าเละตุ้มเป๊ะ
แม้กระบอกเสียงรัฐบาล"ธนกร วังบุญคงชนะ"และแรมโบ้อีสาน"เสกสกล อัตถาวงศ์"จะออกตัวแทนลุงตู่มาเป็นระยะว่า สี่ปีนี้ไทยแลนด์มีประมุขฝ่ายบริหารชื่อ"พลเอกประยุทธ์"แต่ลุงตู่ก็ออกตัวแนวแทงกั๊กว่า ไม่รู้ว่าจะอยู่ครบเทอมไหม อะไรจะเกิดก็ว่าไปตามกติกาและการเมือง
แต่ใครที่จะลงแข่งขันสนามส.ส.งวดหน้า เวลาที่เหลืออยู่ จะเรียกว่ามากก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะหนึ่งปีเศษนั้น การที่จะทำให้สังคมรู้จักทั่วประเทศ 400 เขตเลือกตั้งนั้น เอาเข้าจริงแล้ว มันใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่...
พรรคและว่าที่พรรคการเมืองยามนี้ที่มองเห็นภาพชัดๆ คือ "วินท์ สุธีรชัย" อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาตั้งกลุ่มรวมไทยยูไนเต็ดที่พร้อมจะเปลี่ยนภสภาพเป็นพรรครวมไทยยูไนเต็ด เพื่อมา สร้างการเมืองในแนวทางตัวเอง
"คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" บิ๊กเนมแห่งพรรคไทยสร้างไทยทยอยทาบคนบ้านเดียวกันและต่างขั้วมาร่วมงาน
"กรณ์ จาติกวณิช" หัวหน้าพรรคกล้า ทาบทามและเปิดตัวคนการเมืองที่สอบตกงวดที่แล้วและอกหักกับสังกัดเดิมมาร่วมขบวนปั้นพรรค
ตอนนี้คนการเมืองที่ยังรีรอ เช่น "จาตุรนต์ ฉายแสง"ที่แตะมือ"เศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์" รวมทั้งคนเสื้อแดงและอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยและไทยรักษาชาติ แยกตัวมาสร้าง"พรรคเส้นทางใหม่"ที่รับรู้มาหลายเพลาแล้วนั้น "เสี่ยอ๋อย"ก็ยังไม่ขยับให้แน่ชัดว่าจะเอาอย่างไรกันแน่ เพราะบัตรเลือกตั้งสองใบ มันเอื้อกับพรรคใหญ่บางพรรค และยิ่งฐานคะแนนจะต้องแชร์กับต้นสังกัดเดิมแล้วนั้น โอกาสของเสี่ยอ๋อยก็น้อยลงเรื่อยๆ แม้คนเดือนตุลาที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ยังเปิดประตูรับเสี่ยอ๋อยกลับสังกัดเดิม/"นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" อดีตส.ส.พัทลุง 8 สมัย จากค่ายสีฟ้าจ่อย้ายสังกัดและมีแววแตะมือสร้างพรรคใหม่กับ"กลุ่มสี่กุมาร"ที่ไขก๊อกจากพรรคพลังประชารัฐ
เพียงเท่านี้ก็ฝุ่นตลบและส่อแววการแข่งขันเเบบแพ้ไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ และรอชมฉากทัศน์ใหม่การเมืองในห้วงหลังปีใหม่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนการเมืองว่า จะเปลี่ยนสีเสื้อ-ย้ายพรรค-แสดงจุดยืนทางการเมืองอย่างไร
ปีหน้าการเมืองไทยคงสนุกนึก.......
ข่าวที่เกี่ยวข้อง