คอลัมนิสต์

"ม็อบ14พฤศจิกา"หลังคำวินิจฉัยศาลรธน.จังหวะก้าวที่พึงระวังสูงสุด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คำวินิจฉัยศาลรธน.ที่ชี้ให้เห็นว่า มีขบวนการล้มล้างการปกครองฯพร้อมสั่งให้เลิกกระทำ จึงเป็นคำเตือนแรกให้รู้ว่าจากนี้ไป ขบวนการดังกล่าวไม่ได้รับการคุ้มครองตามรธน.อีกต่อไปการเคลื่อนของ"ม็อบ14พฤศจิกา"เป็นอย่างไร ติดตามจากเจาะประเด็นร้อน โดย เมฆาในวายุ


แม้จะมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วเกี่ยวกับการชุมนุมของ"กลุ่มสามนิ้ว"ในการเรียกร้องสิบข้อเสนอปฏิรูปว่า "ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" เพื่อให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันไปทบทวนการดำเนินการช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้   แต่เหมือนกับว่าบรรดาผู้ชุมนุม แกนนำ และกองเชียร์จะไม่ปฏิบัติตาม โดยอ้างว่า”ปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้าง”  ความชัดเจนประการหนึ่ง "กลุ่มราษฎร" และกลุ่มใหม่ในชื่อ "กลุ่มไม่เอาสมบูรณาญาสิทธิราชย์" นัดรวมพลกันวันที่ 14 พ.ย. เป็น "ม็อบ14 พฤศจิกา" เพื่อเคลื่อนพลจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปที่ท้องสนามหลวง ต่อต้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

"ม็อบ14พฤศจิกา"หลังคำวินิจฉัยศาลรธน.จังหวะก้าวที่พึงระวังสูงสุด

แต่หากไปเหลียวมองบริบทต่างๆนานาที่บังเกิดขึ้นในหลากวาระ มันก็พอมองเห็น "กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา"  และยามนี้จะเห็นว่าการเตรียมที่จะลุยไฟต่อโดยไม่สนใจใดๆของบรรดาคีย์แมนของ"กลุ่มสามนิ้ว"นั้น แม้จะได้ใจจากกองเชียร์ แต่หากมองอีกมุมนั้น คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง(ผลโพลล์หลายสำนักที่เผยแพร่เมื่อหลายวันก่อน) ไม่ต้องพูดถึงขั้วตรงข้ามที่เตรียมรันเวย์และช่องทางที่จะดำเนินการตามกฎหมายตามขั้นตอนเพื่อให้ศึกนี้ยุติเร็วที่สุด 

 

มองทั้งกระดานแล้ว เกมนี้เหมือนจะจบแต่ไม่จบอย่างเป็นทางการ เพราะการเตรียมขยับหมากใหม่จาก"กลุ่มสามนิ้ว"  ฝ่ายกุนซือน่าจะกำลังวางแผนใหม่เพื่อหายุทธวิธีในการลุยต่อ เพราะมองแล้วหมากบางตัวจ่อขยับ...แม้บรรดาแกนนำการชุมนุมและนักการเมืองบางคนจะโดนข้อกล่าวหาจากฝ่ายรัฐไปเป็นหางว่าวก็ตาม เพราะข้อความและลีลาสารพันที่ปรากฏหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเหตุ"10ส.ค. 2563" นั้น  น่าจะเป็นมูลเหตุการณ์ลุยแบบนอกกติกาและไม่มีกฎหมายสูงสุดรองรับ  ค่อนข้างแน่ชัดว่า การขยับหมากตัวนี้จ่อบังเกิดจากฝ่ายสามนิ้วและมีท่าทีว่าจะเพิ่มดีกรีความรุนแรงเสียด้วย

 

"รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1-3 เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ

 

ส่วนบรรดาผู้ชุมนุมที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยเล่าเรียนนั้น น่าจะเป็นกองกำลังที่พร้อมออกปฏิบัติการในสนามและโลกออนไลน์ เพราะความฝันสิบข้อของพวกเขาสลายลงไปแล้ว  แต่ความหวังอันบางเบายังเหลือให้มีแรงสู้ ตรงนี้คือหมากที่กุนซือฝ่ายสามนิ้วจะใช้ปลุกระดมและชักชวนให้ออกมาลุยอีกยก

 

อีกหนึ่งตัวเร่งที่จะเป็นปัจจัยหลักปั่นกระแสใหม่คือ ลีลาของแกนนำบางส่วนที่ตอนนี้อยู่ในเรือนจำเป็นการชั่วคราวนั้น  ต้องมองว่าจะทำอย่างไร รวมทั้งแกนนำคนอื่นๆที่จ่อเข้ากระบวนการยุติธรรม หากสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาในการสู้คดีโดนระงับจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุด แกนนำพวกนี้จะอ้างการใช้สิทธิในการสื่อสารความในใจของตัวเองอย่างไรเพื่อเร้าอารมณ์มวลชนอีกระลอก


ภาวะแบบนี้  เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงของรัฐคงต้องเตรียมตัวเนิ่นๆและแสวงหาข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ในการจับกุมและสั่งฟ้องคดีอย่างแน่นหนา เพื่อมิให้โดนตำหนิว่ากลั่นแกล้งรังแก

 

แต่สิ่งที่ต้องมองให้ลึกไปกว่านั้นคือ หากแกนนำที่เป็นคนการเมือง อาทิ คณะก้าวหน้า พรรคก้าวไกล รวมทั้งนักวิชาการบางส่วน และเครือข่ายองค์กรเอกชนระหว่างประเทศที่เป็นเสมือนหัวเชื้อในการให้ข้อมูลและการหนุนหลากวิธีนั้น หากมีการดำเนินทางกฎหมายกลุ่มเหล่านี้ ฝ่ายรัฐบาลต้องรัดกุม เพื่อมิให้แรงกระเพื่อมเพิ่มดีกรีและไปเข้าทางอีกฝ่ายหนึ่งในการเปิดเกมรุกต่อในขั้นต่อไป

 

กระแสนี้น่าจะมีผลกับหมากกลการเมืองกระดานใหญ่แบบชัดแจ้ง บางพรรคที่ยืนบนปีกขวา บางพรรคหนุนปีกซ้าย จะปรากฎจุดยืนเหล่านี้ต่อสังคมอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ เพราะเวลาหนึ่งปีเศษของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่เหลืออยู่นั้นเชื่อว่า พลเอกประยุทธ์จะยืนบนหลักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนเป็นจุดขาย  

 

ส่วนบางพรรคที่หนุนปีกซ้ายนั้นจะงัดกลยุทธ์ใดออกมาหาแต้มก็ต้องติดตาม  และน่ามองว่าพรรคใดที่มิแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ จะบอกสังคมอย่างไร

 

เกมนี้ไม่ง่ายสำหรับ"พลเอกประยุทธ์"หากต้องการปิดปัญหานี้ให้ยุติโดยเร็ว และน่าจะเหนื่อยสำหรับขั้วตรงข้าม"ลุงตู่"ที่จะปั่นกระแสใหม่ในเกมเดิมให้เร้าอารมณ์มวลชนออกมาลุยกันต่อ

 

"ม็อบ14พฤศจิกา"หลังคำวินิจฉัยศาลรธน.จังหวะก้าวที่พึงระวังสูงสุด

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ