คอลัมนิสต์

ปัญหาหนี้รุมเร้า? "สจ.ดำ" ธวัชชัย ทองอ่อน ก่อเหตุฆ่ายกครัวหรือยากจะเยียวยา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สายเลือดคนคอน ของ “สจ.ดำ” ธวัชชัย ทองอ่อน อดีตสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ตัดสินใจใช้มัจจุราชสังหาร ลูกสาวในวัยน่ารัก 2 คน 11 ขวบ และ 13 ขวบ ภรรยา และจ่อขยับตัวเองตามไปด้วย

ในตอนบ่ายของวันที่ 10 พฤศจิกายน เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดในทาวน์โฮม 3 ชั้นของหมู่บ้าน กลางเมือง เดอะปารีส กรุงเทพ-กรีฑา ซ.7 แยก 10 

ธวัชชัย ทองอ่อน หรือ "สจ.ดำ" อดีตสมาชิกภาพองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เขตอำเภอฉวาง และประธานสภาจังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างปี 2547-2551 ซึ่งเป็นช่วงที่ "วิทูรย์ เดชเดโช" เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช

ธวัชชัย ทองอ่อน อายุ 48 ปี คนพื้นที่รู้จักในชื่อ "ส.จ.ดำ" คนดังในพื้นที่คนหนึ่ง ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักกันดี แต่การเลือกตั้งครั้งถัดมา "สจ.ดำ" แพ้การเลือกตั้ง เขาตัดสินใจวางมือทางการเมือง ย้ายครอบครัวขึ้นไปอยู่กรุงเทพมหานคร และเปิดบริษัทดำเนินธุรกิจการจัดหาครุภัณฑ์ทางการศึกษา และเข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองบ้างเป็นบางครั้งเช่นร่วมชุมนุมกับ กปปส. จนกระทั่งมีการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557

"สจ.ดำ" เปิดร้านอาหารแนวปักษ์ใต้อยู่หลังรามคำแหง "เสบียงทิพย์" เป็นห้องแถวสองห้อง ซึ่งในช่วงหลังๆจะเป็นแหล่งชุมนุมของนักการเมืองสายใช้ "แทน" ชัยชนะ เดชเดโช สายัณห์ ยุติธรรม จะแวะไปรับประทานอาหารรสชาติถูกปากที่ร้านนี้เป็นประจำ หรือแม้กระทั้ง "เดอะหนุ่ย" ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ก็เคยแวะไปทานข้าว

 

 "สจ.ดำ" แม้จะวางมือจากสนามเลือกตั้ง แต่เขาไม่ได้ทิ้งภารกิจทางการเมือง เขายังแวะเวียนไปรัฐสภาบ่อยๆ เพราะเขาเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ”ประจำ “ชิณวรณ์ บุณยเกียรติ์” ส.ส.นครศรีธรรมราชอยู่ด้วย ถือเป็นคนกว้างคนหนึ่งของนครศรีธรรมราช

"สจ.ดำ" เคยมีหมายจับและถูกจับกุมหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ จ.226/2562 ในข้อหาผิด พ.ร.บ.เช็ค หรือเช็คเด้งนั้นเองโดยตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าหมู่บ้านอันดา ถนนคู้คลองสิบ แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กทม. เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2562

ต้นเรื่องมาจาก "สจ.ดำ" ได้ชักชวนผู้เสียหายมาร่วมทุนทำธุรกิจด้วยกัน โดยอ้างว่าบริษัทของตนเองได้ชนะการประมูลรับเหมาจัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) ที่จะนำไปแจกจ่ายตามโรงเรียนต่างๆ กว่า 2,500 โรงเรียน ในวงเงินประมูล เครื่องละ 100,000 บาท รวมวงเงินทั้งหมด 250,000,000 บาท สจ.ดำยังอ้างว่าตนเองสามารถจัดซื้อเครื่องถ่ายเอกสารได้ในราคาถูก และจะได้รับกำไรจากส่วนต่างของราคาเครื่องถ่ายเอกสารตกเครื่องละ 19,445 บาท คิดเป็นเงินกำไรรวมกว่า 48 ล้านบาท พร้อมกับนำเอกสารที่อ้างว่าได้รับมาจาก สพฐ. สำนักงบประมาณ เอกสารใบเสนอราคา และใบสั่งซื้อมาแสดงให้ดูเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

 

จนผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินมาร่วมลงทุนเป็นเงิน 15 ล้านบาท ต่อมาผู้เสียหายว่าบริษัทของ "สจ.ดำ" ไม่ได้เป็นผู้ชนะการประมูลโครงการดังกล่าว จึงพยายามทวงถามขอเงินลงทุนกลับคืน ก่อนที่ สจ.ดำจะคืนเงินลงทุนเป็นเช็คเงินสด แต่เช็คเด้ง จึงเข้าแจ้งความกับ สน.หัวหมาก กระทั่งออกหมายจับดังกล่าว และติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ในที่สุด

"สจ.ดำ" ถูกจับกุมอีกครั้งเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2562 ตำรวจกองปราบปรามนำกำลังเข้าจับกุมข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม-ฉ้อโกง จับกุมตัวได้ที่บริเวณภายในห้างแม็คโคร สาขาบางกะปิ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ

สืบเนื่องจากประมาณเดือนมิถุนายน ปี 2560 สจ.ดำได้ก่อเหตุหลอกลวงเอาเงินจากผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง โดยการอ้างว่าสามารถดำเนินการให้ผู้เสียหายได้รับงานจัดซื้อจัดจ้างโครงการงบอุดหนุนเฉพาะกิจให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมทั้งอ้างว่ารู้จักทีมงานเลขาฯ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นโดยจะประสานงานกับองค์การบริหารส่วนตำบลที่ได้รับงบจัดซื้อจัดจ้าง แต่มีข้อแม้ว่าผู้เสียหายกลุ่มนี้จะต้องยอมจ่ายเงินเป็นค่าดำเนินการจำนวนกว่า 29 ล้านบาท ด้วยความที่เห็นว่า สจ.ดำเคยมีตำแหน่งการเมืองท้องถิ่นและมีการนำเอกสารราชการเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวมาให้ผู้เสียหายดู จึงหลงเชื่อยอมจ่ายเงินตามที่ร้องขอ

แต่ต่อมาผู้เสียหายกลุ่มนี้ได้ตรวจสอบไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงทราบว่าไม่มีโครงการดังกล่าวตามอ้างซึ่งเอกสารราชการโครงการนั้นเป็นเอกสารที่ สจ.ดำทำปลอมขึ้นมาเพื่อตบตา ทางผู้เสียหายกลุ่มนี้จึงได้รวมตัวกันมาเข้าร้องเรียนกับทางกองปราบฯ จนมีการออกหมายจับและจับกุมตัว

 

เมื่อวาน "สจ.ดำ" นัดเคลียร์กับ "สมรักษ์ คำสิงห์" ที่ร้านเสบียงทิพย์ โดยนัดคืนเงิน 10 ล้านบาท อันเป็นภาระหนี้ที่เกิดขึ้นจากการวิ่งเต้นจัดหา "ล็อตตารี่" ให้กับคณะของสมรักษ์ แต่รับเงินไปแล้ว กลับไม่ได้รับล็อตเตอรี่ตามข้อตกลง ซึ่ง สจ.ดำ นัดสมรักษ์ให้มารับเงินคืนที่ร้านของเขา แต่ถึงเวลานัด 14.00 น.สมรักษ์ไม่เห็นหน้า สจ.ดำ จึงตามไปที่บ้านย่านกรุงเทพ-กรีฑา แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า สจ.ดำ และครอบครัวเสียชีวิตหมดแล้ว
การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวด้วยการเด็ดชีพลูกสาวสองคนที่เขารักมาก พร้อมภรรยา และตัวเขาเอง น่าจะเกิดจากปัญหาที่หนักอึ้ง ที่เขาเองก่อไว้จนยากจะเยียวยา-แก้ไข จึงตัดสินใจทิ้งปัญหาไปแต่สิ่งที่เราไม่รู้ และจะเป็นปริศนาต่อไป เพราะคนอยู่ในเหตุการณ์จากไปหมดแล้ว คือก่อนก่อเหตุได้มีการพูดคุยกันในครอบครัวหรือ พูดกันเรื่องอะไร แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบอกว่า ได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกัน จากนั้นเสียงปืนจึงตามมา
นี้คือเส้นทางขีวิตของ "สจ.ดำ" ที่วิ่งแล่นอยู่บนถนนแห่งความเสี่ยง แล้วปัญหาก็สุมอกจนไม่อาจจะแบกรับได้อีกต่อไป เขาตัดสินใจพาลูกพาเมียที่เขารักยิ่งไปด้วย


เรื่อง : นายหัวไทร  

logoline