คอลัมนิสต์

แก้ ม.112 เพื่อไทย เสี่ยงตายหรือไม่ ไม่รู้ แต่เสี่ยงแน่นอน ทักษิณชอบลองดี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลายประเด็นที่ทักษิณเปิดออกมานั้น ล้วนแต่ทำแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิรโทษกรรมสุดซอย โครงการรับจำนำข้าว และการเสนอทูลกระหม่อมหญิงเป็นนายกฯ ทักษิณไม่ใช่คนคิดตื้นๆ มุมมองตอนหนึ่ง เจษฎ์ โทณวณิก ต่อท่าทีเพื่อไทย โหนกระแสแก้"ม.112" ติดตามได้ที่เจาะประเด็นร้อน

อุณหภูมิการเมืองฮอตปรอทแตกขึ้นมาทันทีที่พรรคเพื่อไทย เปิดประเด็นขอหนุนแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา112 หรือ "ม.112" และ ม.116 เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้ชุมนุมและเยาวชน เจน Y เจน Z ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า แต่จะแก้ไขได้จริงหรือไม่ หรือจะเป็นเกมเสี่ยงตาย ท้าทายสถาบัน ดร.เจษฎ์ โทณวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย วิเคราะห์เจาะลึกให้ได้ทราบกันใน “เจาะประเด็นร้อน” 

 

ประเด็นแรก ดร.เจษฎ์ ชี้ว่าต้องดูในรายละเอียดว่ามีการเสนอแก้ไขในประเด็นใดเป็นสำคัญ ถ้าเป็นในแง่ของการแก้ไขปรับลดโทษลงจากเดิมจากที่จำคุกตั้งแต่ 3 ปี-15 ปี เหลือเป็นตั้งแต่ 3 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี อาจคุยกันได้ แต่ถ้าเขียนข้อกฎหมาย โดยเพิ่มเติมว่าต้องวิพากษ์วิจารณ์ได้ ก็ต้องดูว่าที่เขียนทั้งหมดนั้น เป็นเหตุเป็นผลในทางกฎหมายมากน้อยแค่ไหน ต้องฟังกันก่อนว่าคืออะไร 

 

นอกจากนี้ ต้องทำความเข้าใจกันว่าสังคมเข้าใจกันไหมว่าดูหมิ่นผู้อื่นเป็นอย่างไร หมิ่นประมาทผู้อื่นเป็นอย่างไร แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อผู้อื่นเป็นอย่างไร ถ้าเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้ ก็จะเคารพสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น และใช้สิทธิ เสรีภาพอย่างถูกต้อง ส่วนคนที่ไม่สามารถเคารพ ไม่สามารถใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างถูกต้อง ก็จะมีปัญหากับกฎหมายเหล่านี้ เพราะถ้าปฏิบัติแบบนี้กับบุคคลทั่วไปได้ ก็อาจจะปฏิบัติกับเจ้าพนักงาน กับศาล กับสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เช่นกัน ต้องมองภาพกว้าง ไม่ใช่เสนอแล้วจบ

 

ดร.เจษฎ์ โทณวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย

 

อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจะถูกดำเนินคดี ม.112 ด้วยทุกครั้ง กรณีนี้ ดร.เจษฎ์ มองว่าต้องดูว่าเกิดอะไรขึ้นในการชุมนุม ถ้าชุมนุมและเรียกร้องสิทธิ เสรีภาพและเรียกร้องผลักดันให้รัฐบาลทำอันใดอันหนึ่ง หรือพูดถึงระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แค่นั้น แล้วมีโทษตาม ม.112 อันนี้คิดว่ามีปัญหา แต่ถ้ามีการจาบจ้วง ล่วงเกินและดูหมิ่น แต่ไม่มีความผิด อันนี้คงผิดปกติ

 

"ถ้ามีการด่า จาบจ้วง ล่วงเกิน มีการดูหมิ่น และหมิ่นประมาท และแสดงความอาฆาตมาดร้าย ตามกรอบเกณฑ์กฎหมายที่เป็นธรรมอย่างเข้าใจได้ ถ้าไม่มีความผิดตาม ม.112 จะเป็นเรื่องประหลาด" ดร.เจษฎ์ ชี้ประเด็น

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยโหนกระแสเปิดประเด็นแก้ไข ม.112 ดังเช่นพรรคก้าวไกล หลังพรรคเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง”-แพทองธาร ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาพรรค เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายเพื่อไทยแลนด์สไลด์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า จะถือเป็นเกมเสี่ยงตายและท้าทายสถาบันหรือไม่ ดร.เจษฎ์ ชี้ว่าเสี่ยงแน่นอน 

 

"เสี่ยงตายหรือไม่ ไม่รู้ แต่เสี่ยงแน่นอน แต่คุณทักษิณ เป็นคนชอบลองดี ชอบขี่ม้าพยศอยู่แล้ว ฉะนั้น เรื่องเสี่ยงคุณทักษิณ อาจจะไม่ค่อยได้คิดมากมายถึงขั้นว่าจะเสี่ยงถึงขั้นตายไหม แต่ก็คงรู้ว่าเสี่ยงแน่" ดร.เจษฎ์ กล่าว 

 

ในเกมการเมืองเพื่อเดินหมากให้ได้รับชัยชนะนั้น ดร.เจษฎ์ เจาะลึกให้เห็นภาพและตัวตนที่แท้จริงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทยว่ามี 3 ลักษณะด้วยกัน คือ 1.ภาษานักลงทุน เสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง  โดยนายทักษิณ เป็นคนที่คิดและแสดงบริบทเสี่ยงสูงแบบนี้หลายครั้ง และครั้งล่าสุดคือเสนอทูลกระหม่อมหญิงเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งจะบอกว่านายทักษิณ ไม่เกี่ยวข้อง คงไม่ใช่เด็ดขาด  

 

2. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ต้องมีการตัดคะแนนกันเองอยู่แล้วเพราะคะแนนเสียงจะทับซ้อนกันอยู่ ดังนั้นจะทำยังไงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงมาจากพรรคก้าวไกล ทั้งเสียงในพื้นที่และในระดับประเทศ จึงมีการเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบัน หรือเรื่องที่คนรุ่นใหม่ เรื่องที่เด็กสมัยนี้อยากได้ และ

 

3. ถ้าไม่เลือกข้อ 1 กับ ข้อ 2 พรรคเพื่อไทยก็เลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับพรรคก้าวไกล ซึ่งที่ผ่านมานายทักษิณ เป็นคนที่ท้าทายสถาบันหลักของชาติมาโดยตลอด

 

“ผมเชื่อว่าคุณทักษิณ ได้สร้างวิถีทางการท้าทายสถาบันหลักของประเทศมาตลอด สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์  คุณทักษิณแสดงวิถีทางการท้าทายมาเสมอ ตั้งแต่รัชสมัยรัชกาลก่อนและรัชสมัยของรัชกาลนี้ และมีต่อเนื่องตั้งแต่ตอนเป็นพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย สีที่ใช้คือสีแดง สีขาว สีน้ำเงิน ต่อมาจนถึงปัจจุบันมีแต่สีแดงล้วน  นั่นก็แสดงชัดอยู่แล้วสิ่งที่ได้ทำเรื่อย ๆ หลายวาระก็แสดงออกแบบนั้น ก็คือท้าทาย” ดร.เจษฎ์ ย้ำ


ขณะเดียวกัน ถ้ามองลึกถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทยในการกระโดดเข้ามาแก้ไข ม.112 ในครั้งนี้ จะไปจนสุดทาง หรือทำเพียงแค่เรียกเรตติ้งจากมวลชน เพราะก่อนหน้านี้ในสมัยของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ก็ไปเพียงครึ่งทางและสะบัดทิ้ง

 

ประเด็นนี้ ดร.เจษฎ์ ฟันธงแบบตรงประเด็นว่าการเดินหน้าแล้วถอยหลัง ไม่ใช่วิสัยและนิสัยของคนที่ชื่อทักษิณ ชินวัตร เพราะหลายประเด็นที่นายทักษิณ เปิดออกมานั้น ล้วนแต่ทำแบบสุดๆ ดันสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิรโทษกรรมสุดซอย โครงการรับจำนำข้าว และการเสนอทูลกระหม่อมหญิงเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายทักษิณไม่ใช่คนที่คิดตื้นๆ

 

กลุ่มมวลชนพยายามจุดประเด็นล่ารายชื่อเสนอสภาให้แก้กม.มาตรา112 จนพรรคการเมืองฝ่ายค้านออกมารับลูกทันที

 

สำหรับสังคมไทยจะเห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 หรือไม่นั้น ดร.เจษฎ์ วิเคราะห์ว่า ถ้ามองเฉพาะว่า ม.112 คือ ม.112 สังคมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามีรายละเอียดถึงการแก้ไขในประเด็นต่าง ๆ มีประเด็นที่น่ารับฟังได้ อาจจะมีคนจำนวนหนึ่งรับไปพิจารณา แต่ถ้าเป็นแบบพรรคก้าวไกล แบบอดีตพรรคอนาคตใหม่เคยเสนอไว้ หรือที่บรรดาคณะก้าวหน้าทั้งหลายเสนอ สังคมส่วนใหญ่คงไม่เห็นด้วย และในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรก็คงถูกตีตก ซึ่งคงมีเพียงพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเท่านั้นที่เห็นด้วย ส่วนพรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเสรีรวมไทยเอาด้วยไหม พรรคประชาธิปัตย์อาจจะขยับซ้ายขยับขวา แต่พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐคงไม่เอาด้วยแน่นอน 

 

ในตอนท้าย ดร.เจษฎ์ หวังใจลึกๆ ว่าประเด็นนี้จะจบลงด้วยดีในเวทีสภาผู้แทนราษฎร และไม่เกิดปัญหาตามมาบนท้องถนน 

 

"ผมหวังว่าจะจบในสภา และจบแบบที่เป็นเรื่องของตัวแทน ส.ส.ทั้งหลายเสนอกัน พูดคุยกันและใช้วิถีทางกฎหมาย ผ่าน -ไม่ผ่าน และถ้าไม่ผ่าน คงไม่มีการตีฆ้องร้องป่าวจาบจ้วงล่วงเกินอะไรเพื่อให้เกิดปัญหาในบ้านเมืองอีก ก็หวังว่าจะไม่เกิด แต่ก็คงยาก อาจจะเกิดก็ได้ ตามแนวโน้นสถานการณ์ที่เป็นอยู่และเป็นมา และอาจจะเป็นไป ก็คงต้องรอดู" ดร.เจษฎ์ ระบุ

 

ทั้งหมดคือความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต้องติดตามและจับตาดูว่าพรรคเพื่อไทยจะช่วงชิงคะแนนนิยมและความสนใจจาก ม.112 และเดินหน้าไปจนสุดทางเพื่อให้เกิดการแก้ไขอย่างแท้จริง หรือเพียงแค่เล่นละครหลอกตาและหาเสียงกับกลุ่มวัยโจ๋เท่านั้น

 

หมากเกมนี้.. ต้องติดตามตอนต่อไปในเวทีสภาผู้แทนราษฎร

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ