คอลัมนิสต์

"พลพรรคคนรักทักษิณ" ยามนี้..ทำอะไร( 1 )

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไม่วาจะเป็นวาทะ "เลิกเล่นการเมืองก็ดี ขออยู่เลี้ยงหลานก็ดี หรืออยากกลับบ้านของชายวัย 72 ปีที่สังคมได้ยินได้ฟังมาเนืองๆ" น่าจะไม่ใช่ความจริงกับสิ่งที่บังเกิดจากคนไกลบ้านชื่อ "ทักษิณ" / เจาะประเด็นร้อน โดยเมฆาในวายุ

ช่วงนี้กระแส "โทนี่ วู้ดซัม" ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆในการแสดงความเห็นทางการเมืองรายสัปดาห์ผ่านโลกออนไลน์ เพราะสื่อหลากสำนักจะจับ วรรคทองของชายวัย 72 ปี มาพาดหัวข่าวและขยายผลต่อ  โดยคนในเครือข่ายที่ยังนิยมชมชอบ"นายทักษิณ  ชินวัตร" ยังคงแสดงจุดยืนที่เด่นชัดเกี่ยวกับการขับเคลื่อน"คนที่รัก พรรคที่ชอบ"แบบไม่ห่างเหินจากคนไกลบ้าน     

 

ฉะนั้นวาทะ" เลิกเล่นการเมืองก็ดี ขออยู่เลี้ยงหลานก็ดี หรืออยากกลับบ้าน" ของชายวัย 72 ปีที่สังคมได้ยินได้ฟังมาเนืองๆ " 

น่าจะไม่ใช่ความจริงกับสิ่งที่บังเกิดจากคนไกลบ้านผู้นี้

 

เพราะ"คนไกลบ้าน"ยังบัญชาเกมการเมืองให้พรรคเพื่อไทยด้วยการ "ปั่นกระแสชูผลงานตัวเองและพรรค" อวดชาวบ้านและดิสเครดิตรัฐบาลชุดปัจจุบันแบบไม่ยั้งมือ

 

อย่าลืมว่าตั้งแต่ ปี 2544-ปัจจุบัน  เหตุผลซึ่ง"คนไกลบ้าน-คนในครอบครัว"เดินมาถึงบันไดขั้นสูงสุดทางการเมือง ( 3 อดีตนายกรัฐมนตรีจากสาแหรกชินวัตรคือ นายทักษิณ-นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (น้องเขย)-นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร )จนต้องตกบันไดเพราะความเหลิงลม

 

วันนี้กำลังพยายามปั่นกระแสลมใต้ปีกให้เกิดขึ้นอีกครั้งนั้น อย่าลืมว่าการขับเคลื่อนหลากกลยุทธทั้งบนดิน-ใต้ดินที่สังคมรับรู้  แน่นอนว่าทักษิณและครอบครัวย่อมใช้พลพรรค"คนรักแม้ว"มาเป็นจิ๊กซอว์เดินจังหวะแทนในบางห้วง เพราะคนในครอบครัวติดบ่วงกรรม 

 

"พลพรรคคนรักทักษิณ" ที่ดำเนินการขยับหมากการเมืองตามบัญชาการนายใหญ่-นายหญิงและเครือญาติเมื่อวันก่อน ย่อมรับผลกรรมต่อเนื่องมาจนวันนี้  โดยบางคนได้ดิบได้ดี แต่บางชีวิตตกกระป๋อง กับการทำงานให้คนไกลบ้าน   บางชีวิตยอมตีจากเพราะเจ็บแล้วจำ

 

แต่บางราย"ยังคงอยู่ สู้เพื่อนาย"แบบไม่รู้ใครหลอกใคร 

 

กลเกมที่คนไกลบ้านวางไว้ตอนนี้คือเพื่อไทย ต้องชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ในงวดหน้าให้ได้ แม้จะยากกว่าเมื่อครั้งที่ไทยรักไทยปักธงได้สองครั้ง-พลังประชาชนหนึ่งสมัย-เพื่อไทยยุคนารีขี่ม้าขาวหนึ่งงวด  

 

แม้เพื่อไทยยังไม่เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯแต่พอจับเค้าได้ลางๆว่าใครบ้างจะมาเป็น1ใน3รายชื่อสร.1 ซึ่งพท.จัดส่งประชัน  เพราะอย่างไรเสีย โลโก้"นายห้างดูไบ"จะตีตราประทับอย่างไม่เป็นทางการให้กับ"ร่างทรง-นอมินี-โคลนนิ่ง"อยู่แล้ว

 

แต่ขุนพล-ขุนศึกที่จะพาฝันของนายห้างดูไบให้แตะฝั่งนั้น เพราะส่วนใหญ่นั้น คนเหล่านี้จะร่วมสังฆกรรมกันมาตั้งแต่ก่อร่างสร้างตัวกับทรท.-วันนี้   แม้บางคนจะมาสวมสิทธิในช่วงกลางก็ตาม

 

 ลองย้อนกลับไปดูว่า บุคคลเหล่านี้ในวันวานและเวลานี้ ทำอะไรกันอยู่บ้าง

 

"พลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรค และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรองเลขาธิการพรรค ในฐานะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย" โดนข้อหาร่วมกันให้เงินสนับสนุนแก่พรรคพัฒนาชาติไทยและพรรคแผ่นดินไทย เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ลงแข่งขันกับผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องมีคะแนนเสียงถึง 20% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น และร่วมกันสนับสนุนให้มีการตัดต่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลการเป็นสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่เป็นสมาชิกไม่ครบ 90 วัน ให้ครบ 90 วัน (การเลือกตั้ง2เม.ย.2549 หลังสามพรรคคือ ประชาธิปัตย์ ชาติไทย มหาชน บอยคอตการเลือกตั้ง)

 

บทสรุปขณะนั้น  ทรท.โดนยุบพรรค กรรมการบริหารพรรค 111 คน โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี  โดย"บิ๊กแอ๊ด"วางมือทางการเมืองไปแล้ว แต่"เฮียเพ้ง"ยังกลับมาเป็นรมว.พลังงานสมัยรัฐบาลนารีขี่ม้าขาว และไม่นานมานี้คนโตย่านเกศินีวิลล์ประกาศวางมือทางการเมือง แต่ความจริง"เฮียเพ้ง"ยังคงเป็น1ในแม่ทัพหลังบ้านทางการเมืองให้คนไกลบ้านในเวลานี้อยู่  

 

พงษ์ศักดิ์  รักตพงษ์ไพศาล คีย์แมนสำคัญ พร้อมขานรับนโยบายจากคนแดนไกล

 

ส่วนคนในองค์กรอิสระที่ร่วมขบวนนี้ที่ติดบ่วงกรรมไปด้วยนั้น พบว่าเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2559   "พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. และนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต." ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก คนละ 2 ปี พร้อมกับเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งคนละ 10 ปี กรณีไม่เร่งสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงว่าพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549 และทำให้พรรคไทยรักไทยได้ประโยชน์

 

"หมอเลี๊ยบ"  สุรพงษ์  สืบวงศ์ลี อดีตรมว.ไอซีที

 

“หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรมช.สาธารณสุข อดีต รมว.ไอซีที และอดีตโฆษกรัฐบาลในรัฐบาลพรรคไทยรักไทยทั้งสองสมัย ต่อมา "หมอเลี๊ยบ"ขยับเป็นรองนายกฯและรมว.คลังในรัฐบาลพลังประชาชน ควบด้วยเก้าอี้เลขาธิการพรรคพปช.นั้น สมัยที่"หมอเลี้ยบ" ทำงานกับรัฐบาลไทยรักไทย1  มีการขยับ"การแปลงหุ้นสัมปทานดาวเทียมเอื้อประโยชน์ชินคอร์ปอเรชั่น" จนเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนำมาขับเคลื่อนขับไล่"คนหน้าเหลี่ยม"เมื่อปี2548-2549

 

กรณีดังกล่าว กลายเป็นคดีที่"หมอเลี้ยบ"ติดคุก 1 ปี หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2559 โดยวินิจฉัยว่า  "นพ.สุรพงษ์" อนุมัติให้แก้ไขสัญญาโดยให้บริษัทชิน แซทฯ ลดสัดส่วนผู้ถือหุ้นบุคคลสัญชาติไทยจาก 51% ให้เหลือ 40% ทำให้เกิดความเสี่ยงในการครอบงำกิจการของชาวต่างชาติที่จะมีผลต่อกิจการโทรคมนาคม  ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายกิจการโทรคมนาคม ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ได้นำเสนอต่อ ครม.ตามขั้นตอน  

 

วันนี้"หมอเลี๊ยบ"กลับมาทำหน้าที่หนึ่งในพิธีกรรายการสนทนา CARE Talk x CARE clubHouse  ซึ่งนายใหญ่จากดูไบคือแขกรับเชิญในทุกสัปดาห์าและรับลูกเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันอย่างดี 

 

"ร.ต.อ.วรเดช  จันทรศร"  อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(ก.อ.) นักเรียนเตรียมทหารรุ่น9 รุ่นพี่ของ "ไอ้ตั้ง นักเรียนเตรียมทหารรุ่น10" มาร่วมงานแบ็กอัพการเมืองให้ทรท.และได้รับการโปรโมทให้ขยับขยายตามสายงาน และห้วงปี2547 มีกระแสข่าวว่า"ข้อสอบเอ็นทรานซ์รั่ว" ในช่วงที่นส.แพรทองธาร ชินวัตร จะเอนทรานซ์เข้าคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ รวบทั้งมีการปรับเกณฑ์แบบแปลกๆ(ก่อนหน้านี้บุตรของนายทักษิณคือ นายพานทองแท้ถูกจับได้ว่าทุจริตการสอบ ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมทั้งนส.พิณทองทาก็โดนข้อสังเกตการเข้าเรียนและย้ายคณะที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้)และทำให้ลูกสาวคนเล็กของนายใหญ่"เอนทรานซ์ติด"

 

จนมีการขยายผลว่าข้อสอบรั่วหรือไม่....และเป็นรอยด่างให้กับวงการศึกษาไทยครั้งใหญ่ ตอนนั้นนายทักษิณ รวมทั้ง  อดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยืนยันว่า “ไม่รั่ว” รวมทั้งแสดงพฤติกรรมปกป้องคนผิดมาตลอด แต่เมื่อผลสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ มีข้อสรุปว่า “ข้อสอบรั่ว” เพราะอดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาดำเนินการ" ไม่โปร่งใส มีการเปิดดูข้อสอบหรือนำข้อสอบไปเก็บไว้ในห้องทำงาน"

 

แม้ผลสอบสวนทางวินัยของศธ.ในตอนนั้นจะชี้ว่า “ร.ต.อ.วรเดช ” เปิดซองข้อสอบจริงแต่ไม่มีการรั่วไหลและไม่สร้างผลเสียหายต่อทางราชการ เห็นควรให้งดโทษทางวินัยและให้ว่ากล่าวตักเตือน

 

ห้วงนั้น สังคมได้เห็นภาพและข้อความของคนหน้าเหลี่ยมที่ดำเนินการในเรื่องนี้ว่า" "ตอนนี้กำลังมีความพยายามตะแบง   พยายามจะลากลูกผมเข้าไป ซึ่งผมก็เสียใจที่เกิดขึ้นและอยากจะยกมือไหว้สวยๆ แก่สื่อมวลชนทั้งหลาย อย่าทำร้ายลูกผมเลยนะครับ ขอเถอะ เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร ไปสมัครเรียนที่ไหนก็ไปกับเพื่อนเหมือนเด็กทั่วๆไป แต่บังเอิญเป็นลูกนายกฯอย่าลงโทษเขาเลย พ่อเขาก็ไม่ได้ปล้นชาติ แต่นั่งทำงานรับใช้ชาติ ขอร้องเถอะ ขอให้คิดถึงหัวอกคนมีลูกบ้าง อย่าให้ลูกต้องมาใช้กรรมเพราะว่าพ่อได้ทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองเลย"

 

โดยเคสนี้ร.ต.อ.วรเดชก็ต้องรับผลกรรมจากการดำเนินการดังกล่าวด้วยการลาออกจากราชการด้วยรอยแผลที่ไม่อาจลบออกจากหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไปได้

จตุพร พรหมพันธ์  แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติที่เพิ่งได้รับอิสรภาพโดยยืนยันไม่ข้องแวะกับทักษิณ ชินวัตร

" คนเสื้อแดง" กำลังพลทั้งในและนอกสภาของคนไกลบ้านที่เคยขึ้นหม้อสุดขีดเมื่อหลายปีก่อน  ตอนนี้พบว่า แกนนำนปช.บางคนเข้าๆออกๆเรือนจำ   บางคนต้องสู้คดีที่ยังไม่สิ้นสุดกระบวนความ  บางคนลี้ภัยไปต่างแดน จนกระแสสีแดงเริ่มรวยริน  

 

นปช.วันนี้แตกสาขาเป็นสองสาย โดย จตุพร พรหมพันธุ์ แยกตัวไปหนึ่งเส้นทางที่ไม่ขึ้นตรงกับนายห้างดูไบแล้ว อีกสายหนึ่งคือ"รมต.เต้น"  ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ยังอาสาเคลื่อนตัวให้พรรคและม็อบในข่ายของฝั่งตรงข้าม3ป.อยู่


“วราเทพ  รัตนากร”  รมช.คลังกับคดีหวยบนดิน  คดีนี้ “ทักษิณ” เป็นจำเลยที่ 1โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ย.2552  พบว่าการดำเนินการของครม.บิ๊กแม้วนั้นผิด โดย“วราเทพ ” จำคุก 2 ปี แต่รอการลงโทษ พร้อมกับจำเลยคนอื่นๆ อาทิ “สมใจนึก เองตระกูล” อดีตปลัดกระทรวงการคลัง


“วิโรจน์ นวลแข"  วันที่ 26 ส.ค. 2558 สังคมรับรู้คำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องทักษิณ จำเลยที่หนึ่งกับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลย กรณีอนุมัติให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้ให้บริษัทในกลุ่มของบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) รวมเป็นเงินกว่า 9.9 พันล้านบาทโดยมิชอบ เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย หนึ่งในนั้นมีชื่อของวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยและคณะ โดยพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 18 ปีกับนายวิโรจน์ (คดีนี้เกิดขึ้นในห้วงที่ทักษิณเป็นสร.1และเชื่อมโยงมายังบุตรชายคนโตของตัวเองคือนายพานทองแท้ ร่วมฟอกเงินโดยมีความสัมพันธ์กับ"รัชฎา"  บุตรชายอดีตผู้บริหารกฤษฎามหานคร และรับโอนเงิน10 ล้านบาทจากเช็คที่ออกโดยนายวันชัย) 

 

ความพัวพันของเช็คแบงก์กรุงไทยกรณีนี้ที่โยงถึงนายพานทองแท้นั้น ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2562 เห็นว่าพฤติการณ์ของ"พานทองแท้" ตามที่นำสืบมา ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่านายวิชัย  อดีตผู้บริหารกฤษดามหานคร ได้เงินจากการทุจริต เมื่อจำเลยไม่รู้จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฟอกเงินและความโล่งใจบังเกิดสุดๆของโอ๊คเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ค.2563 รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เเถลงกรณีอัยการมีคำสั่งชี้ขาดไม่ยื่นอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อท.245/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง"โอ๊ค" คดีกล่าวหาร่วมกันฟอกเงิน 10 ล้านบาท จากเหตุที่ธนาคารกรุงไทย อนุมัติสินเชื่อให้เครือกฤษดามหานคร โดย"เนตร นาคสุข"   รักษาราชการเเทนอัยการสูงสุด ได้พิจารณาเเล้วมีความเห็นตามควรไม่อุทธรณ์คดีตามที่สำนักงานชี้ขาดคดีทำความเห็นมา จึงมีความเห็นชี้ขาดเมื่อวันที่ 24 พ.ค.2564 ไม่ยื่นอุทธรณ์คดีนี้

 

"เสี่ยไก่" วัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดนข้อหาทุจริตการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรในช่วงปี2548-49  โดยการสอบสวนเรื่องนี้ใช้เวลานับสิบปี วันที่ 14 มิ.ย. 2560 ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดเสี่ยไก่ ต่อมาวันที่ 24 ก.ย. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษา"นายวัฒนา"  นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548–2549 นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) นายอภิชาติ หรือ(เสี่ยเปี๋ยง )จันทร์สกุลพร อดีตนักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ "อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง" อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย และกลุ่มเอกชน รวม 14 ราย เป็นจำเลย คดีถูกกล่าวหาว่าทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร    

 

โดยสั่งให้จำคุก"วัฒนา" เป็นเวลา 99 ปี ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี พร้อมจำคุกเสี่ยเปี๋ยง  เป็นเวลา 66 ปี ให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี จำคุก น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง เป็นเวลา 20 ปี น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว  เป็นเวลา 44 ปี  และจำคุกนายอริสมันต์ เป็นเวลา 4 ปี  ส่วนคนอื่นๆโดนโทษจำและปรับ และยกฟ้องจำเลยบางคน  คดีนี้เสี่ยไก่ขอประกันตัวมาสู้คดี และตอนนี้นายวัฒนาย้ายไปสังกัดพรรคไทยสร้างไทยเรียบร้อยหลายนาทีแล้ว

"พิชิต ชื่นบาน"กับตำนานถุงขนม 2 ล้าน  ปฐมบทของเรื่องนี้มาจากคดี “ที่ดินรัชดา” ซึ่ง “ทักษิณ ” และ “คุณหญิงพจมาน  ณ ป้อมเพ็ชร์” ผู้ถูกกล่าวหาคดีนี้ในช่วงนั้นต้องสู้ความ โดยพบว่าวันที่ 10มิ.ย.2551  ระหว่างที่พิจารณาคดี  นายวิชิตและพวกในตอนนั้นทำหน้าที่ทนายความให้กับผู้ถูกกล่าวหาและเกิดประเด็น “ถุงขนม” (มีการใส่เงิน 2 ล้านบาทในถุงขนมไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง )      

 

"อนันต์ วงศ์ประภารัตน์"  เลขานุการศาลฎีกา (ผู้กล่าวหา) ไปตรวจดูความเรียบร้อยที่ศาลฎีกาฯ  โดยม.ล.ฐิติพงศ์ ชมพูนุช นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา แจ้งเรื่องที่1ในคณะทนายความของนายทักษิณ "นำสิ่งของซึ่งเป็นถุงกระดาษสีขาวปิดสกอตเทปใสมิดชิดมาให้เจ้าหน้าที่ว่าจะรับไว้ได้หรือไม่ เมื่อเปิดถุงแล้วพบธนบัตร 1,000 บาท จำนวน 2 ตั้ง ตั้งละ 10 มัด รวมประมาณ 2 ล้านบาท  อนันต์จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ส่งคืน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่นายทักษิณ จะเดินทางมาถึงศาลเพื่อรายงานตัว"    

 

คดีนี้มีการตัดสินลงโทษเรื่องการให้สินบนศาลและการละเมิดอำนาจศาล กับทีมงานถุงขนม 3 ชีวิต แต่ต่อมา "พิชิต"ได้เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทยและยังเป็นทีมกฎหมายให้พรรคไทยรักษาชาติในเวลาต่อมา

 

....ยังมีอีกหลายคนร่วมวีรกรรมสนองนายใหญ่  ยาวเป็นหางว่าว จึงขอยกยอดไว้ในตอนต่อไป  โปรดติดตาม.... 
 

 

logoline