
โธ่ 'หนู'จะให้หัวเราะ หรือว่าร้องไห้
โธ่คนอย่าง "หนู" ต้องร้องเพลง "จะให้หัวเราะ หรือว่าร้องไห้ ก็ไม่ต่างกัน เมื่อหัวใจฉัน มันพังยับไป.."
“กลับบ้านเราเถอะ” ถ้อยวลีที่หลุดออกมาจากปากของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ใช่จุดยืนของพรรคภูมิใจไทย ในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ก็เป็น “ลูกเล่น” เดิมๆ ที่นักการเมืองอาวุโส มักใช้อยู่เป็นประจำ เพื่อเรียกร้องความสนใจ
วันที่ 1 มิ.ย.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมรับมือนักข่าวสภาอยู่แล้ว เมื่อถูกถามประเด็น “ชาดา” ท้วงติงการจัดทำงบประมาณ โดยไม่ให้ความสำคัญกับกระทรวงสาธารณสุข
“พล.อ.ประยุทธ์” อธิบายว่า ได้ทำความเข้าใจกับ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว รวมถึงมีการพูดคุยกันในคณะรัฐมนตรีด้วย
นักข่าวพยายามจะโยงมาถึง “ประโยคเด็ดโดนใจ” ของชาดา พล.อ.ประยุทธ์ก็ตอบว่า “ก็แล้วแต่ เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคที่จะไปพิจารณาเอง”
หากนักข่าวนำประเด็นเดียวกันนี้ ไปถาม “อนุทิน” ก็คงไม่ได้คำตอบที่ไม่แตกต่างไปจาก พล.อ.ประยุทธ์
ถ้าถอดความจากคำพูดประโยคชวน “กลับบ้าน” ของชาดา อารมณ์ของ “เสี่ยหนู” ในวันนี้ ก็คล้ายเนื้อในเพลง “วานนี้รักวันนี้ลืม” ของสายัณห์ สัญญา “จะให้หัวเราะหรือว่าร้องไห้ ก็ไม่ต่างกัน เมื่อหัวใจฉันมันพังยับไป ฉันปลงสังขารไขลานหัวใจ อย่างหมดอาลัยอยู่ไปวันวัน..”
เสี่ยหนู ต้องครวญเพลงสายัณห์
++
ชิงคะแนน
++
ในวิกฤตโควิด ปี 2564 อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีสาธารณสุข ไม่ใช่พระเอก เพราะเชื้อมันแรงมาก และคลัสเตอร์ใหญ่ๆ เกิดในชุมชนเมือง และโรงงานอุตสาหกรรม บทบาทของ อสม. จึงไม่โดดเด่นเหมือนปีที่แล้ว
เฉพาะหน้านี้ ค่ายสีน้ำเงิน จึงโฟกัสอีเวนท์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
1.ศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ โดยกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ดูแลสถานที่ฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรบริการขนส่งสาธารณะทุกประเภททั้งภาครัฐและภาคเอกชน ตั้งเป้าฉีดวันละประมาณ 10,000 คน
2.ป้ายรณรงค์ฉีดวัคซีน ที่ ส.ส. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ออกไปเคลื่อนไหวระดมชาวบ้านมาลงทะเบียนฉีดวัคซีน ซึ่งมีการทำป้ายเชิญชวน โดยใช้ภาพ “อนุทิน” กับ ส.ส. หรืออดีตผู้สมัคร ส.ส. จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์
“เสี่ยหนู” บอกนักข่าวว่า ให้ปลดป้ายเหล่านั้นแล้ว แต่เอาเข้าจริง ในหลายพื้นที่ ก็ยังติดหราอยู่ พร้อมกับการมอบเอกสารการทำประกันภัยโควิด-19 ให้ อสม. และ รพ.สต.
จับตาเลือกตั้งครั้ง ค่ายบุรีรัมย์อาจเปลี่ยน
++
ยุบสภาก็เหนื่อย
++
คอลัมนิสต์การเมือง ไม่ว่าสำนักไหน ต่างวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่า หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และการฉีดวัคซีนโควิดได้รับการปูพรมไปเยอะแล้ว น่าจะมีการยุบสภา ผ่าทางตันความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล
สำหรับค่ายสีน้ำเงิน ถ้าจำเป็นต้องเลือกตั้งใหม่ในระยะอันใกล้นี้ ก็ถือว่ายังไม่พร้อมเรื่อง “กระแส”
1.“เสี่ยหนู” มาแรงด้วยนโยบายกัญชาเพื่อการแพทย์ และการสร้างขุมพลัง “อสม.” แต่มาเจอโควิดรอบใหม่ และการจัดการซื้อวัคซีนป้องกันโควิดที่ล้าช้า ก็เสียแต้มบุญไปเยอะ
2.เมื่อปลดล็อกกัญชาได้ ก็มีเสียงโอดครวญว่า กัญชาไม่เสรี พวกใครพวกมัน มือใครยาวสาวได้สาวเอา
3.กระแสคนรุ่นใหม่ไม่ตอบรับค่ายสีน้ำเงิน เหมือนช่วงหาเสียงปี 2561-2562 เนื่องจาก “เสี่ยหนู” นำภูมิใจไทย มาหนุน “3 ป.” หรือระบอบประยุทธ์
4.กรณีการเปิดศึกทะเลาะกับพรรคก้าวไกล เรื่องวัคซีนการเมือง กลายเป็นจุดอ่อน ยิ่งทำให้เยาวชนคนรุ่น Gen Z ถอยห่าง
“เสี่ยหนู” เป็นคนชอบร้องเพลง ชอบเฮฮาปาร์ตี้ ฉะนั้น คนใกล้ตัวเสี่ยหนู ควรหาคาราโอเกะเพลง “วานนี้รักวันนี้ลืม” ของสายัณห์ สัญญา มาให้เสี่ยหนูฝึกร้องโดยด่วน
“จะให้หัวเราะหรือว่าร้องไห้ ก็ไม่ต่างกัน เมื่อหัวใจฉันมันพังยับไป ฉันปลงสังขารไขลานหัวใจ อย่างหมดอาลัยอยู่ไปวันวัน..”