คอลัมนิสต์

เปิดเส้นทางคดี"ปารีณา"ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง ปมรุกที่ดินรัฐ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คดี"ปารีณา ไกรคุปต์ " ส.ส. ราชบุรี พลังประชารัฐ ฝ่าฝืนจริยธรรมปมรุกที่ดินรัฐและศาลฎีกาสั่งรับคำร้อง ของ ป.ป.ช. ที่กล่าวหาเธอไว้พิจารณา อันส่งผลให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.นั้น... ไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นในการปิดฉากเธอในทางการเมืองเท่านั้นแต่อาจ"ตลอดไป"

กรณีศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องที่ ป.ป.ช. กล่าวหา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรงปมครอบครองที่ดินรัฐโดยมิชอบ รุกที่ป่าสงวนและ ส.ป.ก.กว่า 711 ไร่ หมู่ 6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

และส่งผลให้ น.ส.ปารีณา วัย 44 ปีและเป็น ส.ส.มาถึง 4 สมัย ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที 

สืบเนื่องจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด น.ส. ปารีณา ว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงใน 2 ข้อหา

คือ 1.เป็น ส.ส. กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมหรือที่เรียกว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน

 และ 2.เป็น ส.ส. กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย

 25 มีนาคม 2564 องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา พิจารณาแล้วเห็นว่า ป.ป.ช. บรรยายพฤติการณ์ชัดเจนและดำเนินการครบถ้วนเกี่ยวกับระเบียบการดำเนินคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯ จึงมีคำสั่งให้รับคำร้อง

ส่วนที่ น.ส. ปารีณา ผู้คัดค้าน ขอให้ได้ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ต่อ 

ศาลฎีกาเห็นว่า คำร้องยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้ผู้คัดค้านปฎิบัติหน้าที่ต่อ จึงมีคำสั่งให้ น.ส. ปารีณา หยุดปฏิบัติหน้าที่และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ พร้อมกำหนดวันนัดไต่สวนพยานผู้ร้องวันที่ 30 เม.ย. 2563 เวลา 09.30 น.

คดีของ น.ส. ปารีณาถือเป็นคดีแรกของ“นักการเมือง”ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงและขึ้นสู่ศาลฎีกา 

ที่สำคัญ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ระบุว่า หากศาลฎีกาฯ พิพากษาว่ามีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคำพิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้

หากผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จะไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ

ดังนั้น หากคดีนี้“ปารีณา”ถูกศาลฎีกาพิพากษาว่า ฝ่าฝืนจริยธรรม

โทษคือ

 1.พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.แล้ว 

 2.ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้ไม่สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. หรือแม้กระทั่งลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่น หรือ มีตำแหน่งทางการเมืองเช่นที่ปรึกษา ก็ไม่ได้ และห้าม“ตลอดชีวิต”

 3.จะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้

 คดีนี้จึงไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นในการยุติบทบาทปิดฉากของเธอบน“ถนนการเมือง”เท่านั้น แต่อาจ“ตลอดไป”

 สำหรับคดีฝ่าฝืนจริยธรรมกฎหมายกำหนดให้ศาลไต่สวนคดีต่อเนื่องและพิจารณาพิพากษาคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

กฎหมายยังระบุว่า การพิจารณาของศาลฎีกา ให้นํา"สํานวน"การไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ“เป็นหลัก”ในการพิจารณา

นั่นหมายความว่าเป็นภาระหนักของผู้ถูกกล่าวหา ที่ต้องนำพยานหลักฐานมาหักล้างพยานหลักฐานของ ป.ป.ช. ผู้กล่าวหาให้ได้

ทั้งนี้การไต่สวนพยานของศาล จะเริ่มจากพยานฝ่ายผู้ร้องก่อน แล้วจึงจะไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกล่าวหา  

ที่มาคดีฝ่าฝืน “จริยธรรม”

“ปารีณา” เป็นคนที่จุดประเด็นขึ้นมาเองโดยไม่ตั้งใจ เมื่อเธอออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2562 ว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ขอให้ช่วยเรียกคืนที่ดิน 500 ไร่จากทั้งหมดกว่า 3,000 ไร่ของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ 

โดยเธออ้างว่ามีประชาชนร้องเรียนว่าที่ดิน 500 ไร่นี้เป็นที่ดินที่ชาวบ้านได้รับจัดสรรเป็นที่ทำกิน ซื้อขายไม่ได้และชาวบ้านต้องการใช้เป็นป่าชุมชน 

ต่อมานางสมพรได้ชี้แจงว่าที่ดินแปลงนี้มีกรรมสิทธิ์หลายแบบ และเธอพร้อมที่จะส่งมอบที่ดินที่เป็นที่ทำกินของประชาชนคืนให้

หลังจาก“ปารีณา”เปิดประเด็นเรื่องที่ดินของนางสมพร  

วันที่ 13 พ.ย. 2562  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นเรื่องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบที่ดินของ "ปารีณา" ที่ใช้ทำฟาร์มไก่ชื่อ “เขาสนฟาร์ม” ที่สงสัยว่ารุกพื้นที่ป่าสงวนและที่ดิน ส.ป.ก.

ที่ผ่านมา “ ปารีณา” อ้างว่า ที่ดินดังกล่าวได้มานานมากแล้ว เป็นที่ดินที่รัฐบาลโดยกรมป่าไม้อนุญาตให้เข้าไปทำกินได้ และเสียภาษีดอกหญ้ามานานกว่า 10 ปี ทำอย่างถูกต้องกฎหมาย

นอกจากคดีฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง“ปารีณา”ยังต้องเผชิญกับอีก 2 คดีที่เป็นผลมาจากปมถูกกล่าวหาว่าเธอครอบครองที่ดินโดยมิชอบ 

หนึ่ง คดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการครอบครองที่ดินของรัฐดังกล่าว ป.ป.ช. แจ้งข้อกล่าวหาไปเมื่อ 7 ก.ย. 2563 หากผิดมีโทษจำคุกทางอาญา

สองคดีอาญา บุกรุกที่ดินป่าสงวน เนื้อที่ 711-2-93 ไร่ โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) แจ้ง 4 ข้อกล่าวหา คือ 1. ความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 2. ความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484  3.ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน และ 4.ความผิดตาม พ.ร.บ. น้ำบาดาล พ.ศ.2520 และเตรียมนำตัว น.ส. ปารีณาส่งพนักงานอัยการ แต่เธอใช้เอกสิทธิ์ความเป็น ส.ส. เลื่อนการเข้าพบพนักงานอัยการ   หากคดีนี้ผิด โทษตามกฎหมายจำคุก 20 ปี

จับตา บรรทัดฐาน “ป.ป.ช.” คดี “19 ส.ส.” จาก6พรรคการเมือง ถือครองที่ดิน ตามรอยคดีรุกป่า “ปารีณา” หรือไม่

นอกจากกรณี น.ส.ปารีณา ยังมีส.ส.ที่ถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องต่อป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการถือครองที่ดินของส.ส.จากหลายพรรคการเมืองทั้งการถือครองที่ดินภ.บ.ท.5 ,ที่ดินส.ป.ก.รวมถึงกรณีการถือครองกรรมสิทธิทับพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติจำนวน19ราย จาก 6 พรรคการเมือง

กรณีนี้จึงเป็นที่จับตาว่า การพิจารณาชี้มูลความผิดจริยธรรม น.ส.ปารีณา ของป.ป.ช.จนกระทั่งศาลรับคำร้องและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะถือเป็นบรรทัดฐานเดียวกันในคดีที่เกี่ยวข้องกับส.ส.ทั้ง19รายหรือไม่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ