ยุทธการทาแก้มด้วย "ทานาคา" ทั้งแผ่นดิน ม็อบพม่าปลุกสำนึกรักประชาธิปไตย รักวัฒนธรรมแก่เด็ก Gen Z
++
สถานการณ์ในเมียนมา นับจากที่กองทัพทำรัฐประหารเข้ายึดอำนาจ และควบคุมตัวอองซานซูจี ผู้นำรัฐบาลพลเรือน ตลอดจนสมาชิกคนสำคัญของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2564 มีการชุมนุมประท้วงทุกวัน และอารยะขัดขืน หยุดงานทั่วทุกเมือง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง... เปิดตัว "ไป๋ 3 นิ้ว" ทีมการ์ดประชาชน
เป็นเวลากว่า 24 วัน ชาวพม่าตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ลงท้องถนนชุมนุมประท้วงทุกวันนอกจากนั้น ยังมี “ขบวนการอารยะขัดขืน” นัดหยุดงานทั้งในภาคเอกชนและราชการ
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2564 กลุ่มผู้ชุมนุมในนามกลุ่มศิลปินดารานักแสดง ได้นัดหมายการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ตามแคมเปญ “สงครามทานาคา” โดยเรียกร้องชาวพม่าทาแก้ม ทาใบหน้าด้วยทานาคา ออกมาเดินขบวนและชุมนุมประท้วงอย่างสันติ
ที่ย่านเลดัน ย่างกุ้ง จุดชุมนุมใหญ่ มีชาวพม่าได้นำตั้งจุดบริการประแป้งทานาคากันอย่างครึกครื้น บางรายยังใช้ทานาคาเขียนเป็นตัวหนังสือ “CDM” โดยแกนนำกลุ่มที่ทำกิจกรรมนี้ ต้องการสื่อถึงกลุ่มเด็ก Gen Z ให้เข้าใจรากเหง้าทางวัฒนธรรม
มิใช่แค่การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ หากแต่เป็นการปลูกฝังความเป็นชาติ ผ่านทานาคา
มีข้อน่าสังเกตว่า การชุมนุมและเดินขบวนของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยในเมียนมา ในแต่ละวัน จะมีธีม มีแคมเปญ เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์แตกต่างกันไป แต่ทุกกิจกรรมนั้น ยังคงเดินตามแนวทางสันติวิธี
ดังที่ทราบกัน เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของผู้หญิงชาวพม่าคือ การทาแก้มและใบหน้าด้วยผงแป้งผสมน้ำสีขาวเหลือง ที่เรียกว่า “ทานาคา” แม้แต่หนุ่มๆ บางคน ก็เลือกใช้เครื่องประทินผิวที่ทำมาจากรากไม้ชนิดนี้เช่นกัน
ชาวพม่าสืบทอดทอดภูมิปัญญาในเรื่อง ทานาคา มานับพันปี โดยเชื่อว่ามีความสะอาดปลอดภัย มีคุณสมบัติควบคุมสิวและรักษาบาดแผลบนใบหน้า
เมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ กรมโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ของเมียนมา ได้ยื่นเสนอชื่อผลิตภัณฑ์ “ทานาคา” ต่อองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก เพื่อพิจารณารับรองให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของโลก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง