
ไขข้อสงสัย ..เรื่องต้องรู้'เลือกตั้งเทศบาล'
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. )ได้เคาะออกมาแล้วให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลในวันอาทิตย์ 28 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมาประชาชนอย่างเราๆซึ่งมีสิทธิในการเลือกตั้งเทศบาล รู้จักการปกครองรูปแบบ"เทศบาล"มากน้อยแค่ไหน.. มาทำความรู้จักกัน
"เทศบาล" เป็นรูปแบบหนึ่งของ”การปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น ก็คือ การที่รัฐบาลจากส่วนกลางกระจายอำนาจให้ประชาชนในท้องถิ่นได้มีส่วนร่วมในการปกครองตนเองโดยเปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นนั้นๆ ตัดสินใจเลือกผู้แทนของตน เข้าไปทำหน้าที่เป็นผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น มีอิสระในการบริหาร การจัดทำบริการสาธารณะ การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา การเงินและการคลัง ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐและบทบัญญัติของกฎหมาย
ทั้งนี้รูปแบบการปกครองส่วนท้องถิ่น มี 2 รูปแบบ คือ 1.รูปแบบทั่วไป ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด ( อบจ. ) ซึ่งมีการเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศไปเมื่อ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา, เทศบาล และ องค์การบริหารส่วนตำบล ( อบต. ) และ 2. รูปแบบพิเศษ ได้แก่ กรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา
"เทศบาล"เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตชุมชนเมืองโดยเทศบาลแบ่งเป็น 3 ประเภท
1. เทศบาลตำบล (ทต.) เป็นเทศบาลเล็กที่สุด มีประชากร 7,000 คนขึ้นไป และมีรายได้ตั้งแต่ 12,000,000 บาท ขึ้นไป
2.เทศบาลเมือง(ทม.) เป็นเทศบาลขนาดกลาง ได้แก่ ท้องถิ่นที่เป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดหรือท้องถิ่นที่มีประชากรตั้งแต่ 10,000 คนขึ้นไป
3.เทศบาลนคร (ทน.) เป็นเทศบาลที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ ท้องถิ่นที่มีประชากรตั้งแต่ 50,000 คนขึ้นไป
เหตุผลในการจัดตั้งเทศบาลขึ้นในประเทศไทย
หากจะกล่าวถึงเหตุผลในการจัดตั้งเทศบาลในประเทศไทย เราอาจมีเหตุผลในการจัดตั้งเทศบาลในประเทศไทยได้ 2 เหตุผลใหญ่ ๆ ได้แก่
ประการที่หนึ่ง จัดตั้งเทศบาลเพื่อให้สอดคล้องกับการเมืองการปกครองในระดับชาติที่เป็นประชาธิปไตย กล่าวคือ เมื่อการปกครองในระดับชาติเป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งผู้แทนราษฎรของตนเข้าไปทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ และทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ มีการแบ่งอำนาจอธิปไตยออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ อำนาจในทางนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ
ดังนั้น การปกครองในระดับท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับประชาชนจึงจำเป็นต้องมีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับระบบประชาธิปไตยในระดับชาติ โดยที่องค์กรเทศบาล เป็นองค์กรทางการเมืองแรกที่เปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นปกครองตนเองได้อย่างเต็มที่ตามหลักการกระจายอำนาจ อีกทั้งยังมีการล้อโครงสร้างของการเมืองในระดับชาติมาจำลองใส่ไว้ในเทศบาลด้วย คือ มีการแบ่งแยกฝ่ายบริหาร และฝ่ายสภาที่ทำหน้าที่ในการออกเทศบัญญัติออกจากกัน และทำหน้าที่ในการตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน
นอกจากนี้ การจัดตั้งเทศบาลยังคงต้องให้สอดคล้องไปกับระเบียบบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ ที่ได้แบ่งการบริหารราชการแผ่นดินออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การบริหารราชการส่วนกลาง การบริหารราชการส่วนภูมิภาค และการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งเทศบาลก็คือการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นนั่นเอง
ประการที่สอง จัดตั้งเทศบาลเพื่อเป็นการแบ่งเบาภารกิจของรัฐบาล เนื่องจากภารกิจของรัฐบาลมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจจะลงไปควบคุมดูแล หรือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนครอบคลุมทุกพื้นที่ ดังนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานหรือองค์กรการเมืองอื่นๆ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่ต่างๆ นี้ลง และทำให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับการบริการจากภาครัฐได้รวดเร็วและทั่วถึงยิ่งขึ้น
ปัจจุบันมีเทศบาลจำนวน 2,472 แห่ง แบ่งเป็น เทศบาลตำบล 2,247 แห่ง เทศบาลเมือง 195 แห่ง และ เทศบาลนคร 30 แห่ง ซึ่งจะมีการเลือกตั้งพร้อมกันในวันที่ 28 มีนาคม 2564 โดยเปิดรับสมัคร 8 -12 กุมภาพันธ์ นี้
สำหรับโครงสร้างของเทศบาลแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายบริหาร ได้แก่ นายกเทศมนตรี และฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ สมาชิกสภาเทศบาล
หน้าที่ของเทศบาล
-จัดทำบริการสาธารณะต่างๆ
-รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน
-ดูแลการจราจร
-ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา
- ส่งเสริมศาสนา
-พัฒนาเด็กเล็ก
- การบำรุงศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น ฯลฯ
นายกเทศมนตรีมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง แต่จะดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระไม่ได้
หน้าที่และอำนาจของนายกเทศมนตรี
นายกเทศมนตรีมีอำนาจกำหนดนโยบายและรับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาล โดยมี"ปลัดเทศบาล"ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของพนักงานเทศบาลและลูกจ้างเทศบาล รับผิดชอบดูแลข้าราชการประจำของเทศบาลให้ดำเนินการเป็นไปตามนโยบายของนายกเทศมนตรี
สมาชิกสภาเทศบาล
-เทศบาลตำบล มีสมาชิกสภาจำนวน 12 คน แบ่งเป็น 2 เขตเลือกตั้ง
-เทศบาลเมือง มีสมาชิกสภาจำนวน 18 คน แบ่งเป็น 3 เขตเลือกตั้ง
-เทศบาลนคร มีสมาชิกสภาจำนวน 24 คน แบ่งเป็น 4 เขตเลือกตั้ง
สมาชิกสภาเทศบาลมีกำหนดคราวละ 4 ปีนับแต่วันเลือกตั้ง
ความสำคัญของสมาชิกสภาเทศบาล
สมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) มีหน้าที่สำคัญในการตรวจสอบและถ่วงดุลการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร ตามรูปแบบของระบบรัฐสภา และมีหน้าที่ในกระบวนการนิติบัญญัติอันเกี่ยวข้องกับการร่างและพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อกฎหมาย ข้อบังคับต่างๆของเทศบาล
การจัดการเลือกตั้ง
อำนาจในการจัดการบริหารเลือกตั้งเทศบาล จะอยู่ที่ “ปลัดเทศบาล” เป็นแม่งาน กล่าวคือ” ปลัดเทศบาล” มีอำนาจบริหารจัดการเลือกตั้ง เหมือน เลือกตั้ง อบจ. ที่ ปลัด อบจ. บริหารจัดการเลือกตั้ง ส่วน กกต. ทำหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้ง
การลงคะแนนเลือกตั้ง
เมื่อเข้าคูหาเลือกตั้ง) จะได้บัตรลงคะแนน 2 ใบ
1.บัตรเลือกตั้งนายกเทศมนตรี เลือกผู้สมัครได้ไม่เกิน 1 คน
2.บัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล เลือกผู้สมัครได้ไม่เกิน 6 คน
ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
- มีสัญชาติไทยแต่ถ้าแปลงสัญชาติต้องได้สัญชาติไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
-มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีในวันเลือกตั้ง
-มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกัน ไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
-หากไม่ไปลงคะแนนเลือกตั้งเทศบาล จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 2 ปี อาทิ สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. ผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่นไม่ได้ , สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน หรือดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ไม่ได้
โทษสำหรับผู้ที่ซื้อสิทธิ ขายเสียง
มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000-200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี