คอลัมนิสต์

เกมชิงบัลลังก์ "อธิการบดี มร." ใครจะคว้าชัย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การเลือกตั้งของที่นี่จะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์เพราะเปรียบเสมือนเป็นสนามเลือกตั้งใหญ่กลายๆ เนื่องจากมีความร้อนแรงไม่แพ้สนามเลือกตั้งใหญ่เลยทีเดียวเเละเวทีนี้โดนเชื่อมโยงกับเวทีการเมืองใหญ่ไปด้วยเเม้ความจริงอาจมีส่วนเกี่ยวข้องบ้างเเต่ไม่ใช่ทั้งหมด

ตอนนี้กกต.เเละกระทรวงมหาดไทยคุยกันรู้เรื่องเเล้วว่ากลางเดือนธันวาคมนี้จะมีหนึ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นเเละจ่อใกล้คลอดกำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นเเล้ว 

เเปลความว่าสถานะของรัฐบาลน่าจะยืดไปอีกระยะเเละจะเป็นการวัดเรตติ้งกลายๆว่าพรรคใดในสนามท้องถิ่นจะมีคะเเนนนิยมเพียงใดที่จะมีผลต่อสนามใหญ่ในวันข้างหน้า

เเละเร็วๆนี้หนึ่งสนามเลือกตั้งภายในองค์กรการศึกษาที่เข้มข้นไม่เเพ้สนามใดๆเเละสื่อหลากเเขนงมักให้ความสำคัญไม่มากก็น้อยนั้นคือการเลือกตั้งที่รั้วน้ำเงิน-ทอง

"ตลาดวิชา "คือหนี่งในนิยามของ"รามคำเเหง " ( มร. )มหาวิทยาลัยเเห่งนี้ก่อตั้งมา48ปีผลิตบุคลากรไปรับใช้สังคมมากมาย เเละตำเเหน่งอธิการบดีคือคนที่กุมบังเหียนในการกำหนดทิศทางการศึกษาของนักศึกษามร.
 

โดยอธิการบดี มร.นั้นจะผ่านการหยั่งเสียงสรรหาให้มาดำรงตำเเหน่งจากบุคลากร มร.กว่าสองเเสนคนที่มีบัตร มร.ไปใช้สิทธิเศษ(จากมร.หัวหมากและสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติยี่สิบสามแห่งทั่วประเทศ ) 

 วันที่10,18ต.ค.2563(เลือกตั้งล่วงหน้าส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง) และวันที่20 ต.ค. 2563 (เลือกตั้งจริง)เวลา 09.00-16.30น.)

ที่ผ่านมาการเลือกตั้งของที่นี่จะถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์เพราะเปรียบเสมือนเป็นสนามเลือกตั้งใหญ่กลายๆ เนื่องจากมีความร้อนแรงไม่แพ้สนามเลือกตั้งใหญ่เลยทีเดียวเเละเวทีนี้โดนเชื่อมโยงกับเวทีการเมืองใหญ่ไปด้วยเเม้ความจริงอาจมีส่วนเกี่ยวข้องบ้างตามวิถีประชาธิปไตยเเต่มันไม่ใช่เสียทั้งหมด เพราะอธิการบดีต้องเป็นกลางเเต่ให้สิทธิทุกคนในการเเสดงความเห็นที่ไม่ขัดเเละไม่ผิดกฎหมายเเละจารีตประเพณีการปกครองของไทย

การรีวิวศึกชิงธงอธิการบดี มร. คราวนี้มีผู้สมัครสามคนคือ เบอร์1 ผศ.ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ,เบอร์2 ผศ.ดร.สถาพร สระมาลีย์ และเบอร์3 รศ.ดร.ปรัชญา พุ่มนาเสียว จับยามสามตาเบื้องต้นใครคือตัวเต็งที่จะคว้าชัย...

เบอร์ 1  เคยเป็นข้าราชการกระทรวงแรงงานมาก่อน ตอนที่เข้ารั้วมร.นั้นเคยทำหน้าที่คณบดีบัณฑิตวิทยาลัยและอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ นโยบายที่ใช้หาเสียงอาทิ พัฒนาระบบการเรียนการสอนเพื่อให้รามคำแหงเป็นมหาวิทยาลัยที่ทันสมัยอย่างแท้จริง  ,จัดระบบ Shuttle Bus ในมหาวิทยาลัย , ยกระดับงานอนามัยเป็ศูนย์สุขภาพชุมชน, ให้ทุนอาจารย์ศึกษาต่อทั้งในและต่างประเทศทุกปีการศึกษา  ,สร้าง RU IT Academic Platform สำหรับการเรียนการสอนให้เท่าทันโลกยุคใหม่ , สนับสนุนบุคลากรให้ศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและสามารถปรับวุฒิการศึกษาได้ตามความเป็นจริงเเละเป็นธรรม ,เพิ่มจำนวนและขยายเวลาปิด/เปิดห้องอ่านหนังสือ(โดยเฉพาะโซนด้านหลังราม) , “ห้องน้ำสวย ห้องน้ำสะอาด” เปิดบริการตลอด 7 วัน/สัปดาห์, สร้างรายได้ให้นักศึกษาโดยการฝึกอาชีพเสริม ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง, จัดสัปดาห์นัดพบแรงงาน

ส่วนเบอร์2นั้น มาจากคณะนิติศาตร์   
เน้นหาเสียงด้านรายได้และสิทธิที่เสียไปของอาจารย์และสายสนับสนุน เช่น พลิกโฉมมหาวิทยาลัย สร้างความเป็นเลิศ ,กระจายงานกระจายรายได้ของบุคลากร ,การสร้างสวัสดิการเป็นรายได้นอกจากเงินเดือน  พร้อมเรียกคืนสิทธิจ่ายเต็ม เงินเดือนของพนักงานสายอาจารย์  ,คืนสิทธิ์ค่าคุมสอบ ปรับค่าคุมสอบให้กลับมาเช่นเดิม ,การคืนสิทธิการเรียนภาษาจ่ายคืน 5,000 บาท และภาษาที่ 2 จะได้เพิ่มอีก 5,000 บาท,จัดทำวารสารและบทความทางวิชาการของทุกคณะ ,จัดระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ , คืนสิทธิจ่ายเต็มเงินเดือนพนักงานสายอาจารย์1.7  ให้เป็นไปตามมติครม. ,จัดตั้งคลินิกวิชาการ ,ลูกจ้างมหาวิทยาลัยเมื่อเกษียณรับบำเหน็จห้าเท่าของเงินเดือน ,จัดทำระบบประกันเต็มรูปแบบ สร้างบันไดเลื่อนและสกายวอล์กเชื่อมอาคารเรียน รวมทั้งดูแลงบการจัดกิจกรรมของนักศึกษา

เบอร์3 มาจากคณะรัฐศาสตร์  มีกระแสข่าวสะพัดในรั้วรามว่า เป็นสายตรงของรังสรรค์ เเสงสุข อดีตอธิการบดีและเบอร์3ออกตัวแคมเปญเด่นๆที่ใช้หาเสียงว่า จะนำรามคำแหงสู่มหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม ,จัดระบบบริหารหลักสูตรนอกระบบ, สร้างเครือข่ายพันธมิตรนอกมหาวิทยาลัย, จัดระบบสวัสดิการสินเชื่อด้านต่างๆให้บุคลากร ,คืนงบกิจกรรมให้อศมร. เจ็ดล้านบาทต่อปี,สร้างลานกิจกรรมนักศึกษา, อบรมบัณฑิตก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน, จัดทำตำราอี-บุ๊ค จัดระบบออนไลน์ใหม่    

เมื่อทั้งสามชีวิตเเสดงวิสัยทัศน์เเละเดินสายหาเสียงกันเยี่ยงนี้เเปลความเบื้องต้นว่าคงไม่มีใครยอมใครเป็นเเน่เเท้ แต่จากการเช็กกระแสนิยมเบื้องต้นนั้น 

ตอนนี้พบว่าชาวรามสนใจเบอร์1มากที่สุดเพราะนโยบายจับต้องได้และยกระดับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้สมฐานะตลาดวิชาแห่งโลก 4.0 แม้ว่าเบอร์1ยังมีการบ้านอีกหลายข้อที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อชนะใจ"ลูกพ่อขุน" 

ขณะที่ เบอร์2 หาเสียงโดยอาศัยความเจนสนามเเละยังอ้างว่าพร้อมเปลี่ยนรามเเบบพลิกฝ่ามือ ด้วยการใช้เงินสะสมของ มร.ที่มีหลากหลายเพื่อยกระดับ มร.ให้ดีกว่าเดิม เเต่มีเสียงวิจารณ์ว่านโยบายที่หาเสียงนั้นทำได้ยากนัก

ส่วนเบอร์3 นั้น ชูหลายเเนวทางที่ใช้ยกระดับมหาวิทยาลัยแห่งนี้  ข้อมูลเบื้องต้นออกมาว่าน่าจะเหนื่อยหนัก...หากเบอร์3หวังยิ้มออกในตอนท้าย

เเต่ยังเหลือเวลาอีกหลายวันก่อนเข้าสู่เวลาหย่อนบัตร ดังนั้นรอดูว่า..."ชาวราม"จะเลือกใคร?

เพราะว่าการหาเเต้มที่นี่เข้มข้นไม่น้อยหน้าสนามเลือกตั้งอื่นๆในเมืองไทยเลย
 

พบกับสินค้าหลากหลายที่ ลาซาด้า

        เกมชิงบัลลังก์ \"อธิการบดี มร.\" ใครจะคว้าชัย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ