ครูขืนใจเด็ก กับการเมืองท้องถิ่น รายงาน...
++
กรณีเด็กหญิงวัย 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนดงมอนวิทยาคม ต.ดงมอน อ.เมืองจ.มุกดาหาร ถูกครู 5 คน และศิษย์เก่าอีก 2 คน ข่มขืนกระทำชำเราและรุมโทรมมานานกว่า 1 ปี มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย
อ่านข่าว... เปิดข้อมูล ย้อนไทม์ไลน์ 5 ครูชาย 2 รุ่นพี่ ก่อเหตุกระทำ นักเรียนหญิงนานนับปี
จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มองว่าเหตุครูข่มขืนนักเรียนว่าเกิดขึ้นได้เพราะความผิดเพี้ยนของระบบการศึกษาไทยที่ให้ครูเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนแทนที่เป็นเด็ก
ระบบการศึกษาไทยเป็นระบบอำนาจนิยม คนที่เป็นศูนย์กลางของโรงเรียนคือครูอาจารย์ ไม่ใช่นักเรียน ครูเป็นคนที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่เคารพนับถือจากคนในชุมชน และมักมีความสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นอย่างนักการเมือง ตำรวจ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น คนในชุมชนมักจะคิดว่าครูไม่ได้เป็นฝ่ายผิด
มุมมองของจะเด็จ ก็คล้ายนักวิชาการด้านการศึกษาบางปีก ที่สรุปง่ายๆว่า ระบบการศึกษาไทยเป็นระบบอำนาจนิยม
อันที่จริง คนไทยส่วนใหญ่จะมองข้ามการปัญหากระจายอำนาจในการจัดการศึกษาให้แก่ท้องถิ่น ซึ่งโดยหลักการนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องและสมควรทำ แต่ในทางปฏิบัติ กลับกลายเป็นการสร้าง “ระบอบมาเฟียการศึกษา”
ระบอบประชาธิปไตย การกระจายอำนาจเป็นสิ่งที่ดี และวงการศึกษาขั้นพื้นฐานของไทยได้กระจายอำนาจมาประมาณ 40 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ยุคสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัด และสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ จนมาถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
จากนั้น “นักการเมืองท้องถิ่น” จึงเข้ามาอยู่ในองคาพยพการศึกษาขั้นพื้นฐานในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิ หรือผู้อุปถัมภ์โรงเรียน อีกด้านหนึ่ง การศึกษาระบบใหม่ได้สร้าง “นักการเมือง” ที่มาจากครูจำนวนหนึ่ง
ครูหรือผู้บริหารสถานศึกษาในท้องถิ่น จึงแปรสภาพเป็น “หัวคะแนน” ของนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองระดับชาติ
ชาวบ้านร้านถิ่นก็รู้อยู่แก่ใจว่า นักการเมืองใหญ่ที่ยึดครองสนามเลือกตั้ง มี “ครู” เป็นฐานเสียงสำคัญ
ครูส่วนหนึ่่งจึงคะนองอำนาจ ก่อกรรมทำชั่วโดยไม่สนใจเรื่องจริยธรรม เพราะเชื่อว่า “นักการเมือง” จะช่วยอุ้มให้พ้นผิด เหมือนผู้ปกครองบางคน เวลาลูกถูกจับยาบ้า ก็วิ่งหา สจ.หรือ ส.ส.
สาเหตุที่ 5 ครูมุกดาหาร กล้าทำเรื่องเลวทรามได้ เพราะไม่คิดว่าตัวเองเป็นครู หากแต่เป็น “ลูกจ้าง” ของผู้ทรงอิทธิพลที่เติบโตมากับระบอบประชาธิปไตยอุปถัมภ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง