"ฝ่ายแค้น" เกาะหลังโควิด ถล่มกองทัพ

 

          แม่นยิ่งกว่าซื้อหวยเมื่อสื่อกระแสหลักสำนักหนึ่ง เปิดข่าวกองทัพบกโชว์สัญญาซื้อรถหุ้มเกราะ 4.5 พันล้านบาท เล่นเอาร้อนฉ่าเลยทีเดียว

 

อ่านข่าว...  ยอมถอย "บิ๊กแดง" เลื่อนจัดซื้อรถสไตรเกอร์ 4.5 พันล้าน หั่นงบ 30% คืนคลัง

 

          ข่าวถูกแชร์อย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าโควิดแพร่เชื้อ เพราะในสถานการณ์ที่คนตกงาน คนว่างงาน ไม่มีข้าวกิน ไม่มีค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน

          แต่กองทัพจัดงบซื้อรถยานเกราะเฉย แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว กระแสแบบนี้โดนถล่มไปเต็มๆ

          กว่าที่กองทัพจะออกมาอธิบายมันแป็นการจัดซื้อแบบงบผูกพัน และเมื่อมีสถานการณ์โควิดเข้ามา ได้มีการสั่งระงับกันเอาไว้แล้ว แต่ไม่ทัน เพราะกระสุนถูกสาดใส่กองทัพ โดยเฉพาะตัว "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.เรียบร้อยแล้ว

          "บิ๊กแดง" คนที่ออกมาบอกให้ คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”

          "บิ๊กแดง" คนที่เปิดแถลงกางชาร์จและภาพประกอบ อย่าง "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กับ "โจว ชัว หว่อง" พร้อมกับแคปชั่นใต้ภาพว่า “ชักศึกเข้าบ้าน”

          แน่นอนว่าพอถึงเวลาหนึ่ง กลุ่มคนคับแค้นเหล่านี้ย่อมได้จังหวะเอาคืนเมื่อกองทัพเดินหน้าซื้ออาวุธโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังจะอดตาย นับว่าโมเม้นต์นี้ใช้ได้ผล

          กองทัพถูกโจมตีไม่ว่าไม่รู้กาลเทศะในการใช้จ่ายงบประมาณ อันไหนจำเป็นไม่จำเป็นในสถานการณ์เชื้อโรคเช่นนี้ 

          การชี้แจงของ "พ.อ.วินธัย สุวารี" โฆษกกองทัพบก ที่ว่า โครงการจัดซื้อจัดจ้างยานเกราะล้อยางยังคงมีอยู่ แต่จะใช้จ่ายงบประมาณปี 2563 ได้ 450 ล้านบาทเท่านั้น

          มันจึงไม่เพียงพอต่อความเดือดดาลของประชาชน แม้นว่าในภาพรวมกระทรวงกลาโหมจะปรับลดตัดงบไปช่วยโควิด 18,000 ล้านบาท จนทำให้หลายโครงการไม่ได้จัดซื้อก็ตาม แต่ก็ไม่เพียงพอต่อกระแสที่โหมนำไปก่อนหน้านี้
 

 

 

          ฉะนั้นการเปิดเผยเรื่องการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ มันจึงมาไม่ถูกที่ถูกเวลา ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ต้องเดินตามกรอบเดิมที่วางเอาไว้แล้วก็ตาม

          แต่ประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นอาหารอันโอชะให้กับบรรดาฝ่ายค้านของกองทัพไปเรียบร้อยแล้ว 

          ด้วยปฏิบัติการเกาหลังโควิด ถล่มกองทัพเละเทะ.