คอลัมนิสต์

โควิด..เจ็บแต่ไม่จบ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คนไทยอย่าเพิ่งดีใจกับตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ลดลงเหลือเพียงเลขสองหลัก ติดต่อกันมาแล้วหลายวัน  เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดยังกระจายไปทั่วโลกชนิดที่เรียกได้ว่า "เอาไม่อยู่" เมื่อจำนวนคนติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นหลักล้านหลักแสนราย 

มองใกล้ในเอเชีย สิงคโปร์  ยอดติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่วันดีคืนดีกลับพบว่ายอดผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งหลักพันราย ป่วยสะสมเกินหมื่นราย ไม่ต่างจากญี่ปุ่น และ จีน  ที่กลับมาต่อสู้กับเจ้าวายร้ายไวรัสโควิดอีกระลอกหนึ่งหลังสยบสำเร็จ

อ่านข่าว : อัปเดตสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก 22 เม.ย.2563 ยอดผู้ติดเชื้อ 2.5 ล้าน

มองไกลไปถึงยุโรป  ผู้นำรัสเซียอย่าง “ปูติน”  ปิดประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 คาดการณ์ว่าคงจะ “เอาอยู่” แต่ล่าสุดเชื้อไวรัสร้ายได้เจาะไข่แแดง เมืองที่เป็นคลังสมองมีบุคลากรทางการแพทย์เต็มไปหมด แต่รัฐบาลสั่งเตรียมพร้อมอพยพ ประชากรเพื่อย้ายไปอยู่เมืองใหม่ ท่ามกลางกระแส “ผู้นำหมีขาว” กว๊าดซื้อทองคำเอาไว้เพียบ 

โดนัลด์ ทรัมป์  ผู้นำสหรัฐอเมริกา ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลับพบว่าประชาชน 2ใน 3 ตำหนิที่เขาตัดสินใจเชื่องช้า ทำให้ผู้ติดเชื้อ 848,671 ราย เสียชีวิตสะสสม 47,658 ราย ในการสู้รบกับไวรัสโควิด จนในที่สุด "ทรัมป์"ถูกโดดเดี่ยวจากพฤติกรรมที่ห่ามๆก้าวร้าวจากชาวโลก

 อีกทั้งยังออกหน้าหนุนการยกเลิกล็อกดาวน์ ตามกระแสเรียกร้องของชาวมะกันชนที่ออกมาเดินประท้วง เย้ยโควิดแบบไม่กลัวตาย

 ณ วันนี้ โลกประจักษ์แล้วว่าบุคลากรทางการแพทย์ของประเทศไทย เต็มเปี่ยมด้วยศักยภาพเป็นที่เชิดหน้าชูตาชาวไทยในสายตาชาวโลก  ด้วยมาตรการของรัฐบาล พล.เอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  รุกฆาตโควิดชนิดที่เรียกได้ว่า “รวดเร็วกว่าชาติใดในโลก”

 อสม. นักรบหน้าด่านกว่า 1.4 ล้านคน ทำงานเคียงบ่าเตียงไหล่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและอบต.มาอย่างต่อเนื่องและแข็งขันจนชาวโลกตะลึงองค์การอนามัยโลกถึงขึ้นออกโรงยกย่องชื่นชม   

 การสู่รบกับโควิด ไม่ต้องใช้รถถัง อาวุธยุทโธปรกรณ์ด้านการทหารใดๆ แต่อาศัยพลังของคนไทยทุกคนความร่วมมือร่วมใจ เพื่อเอื้ออำนวยให้ “นักรบเสื้อขาว” ทำงานได้อย่างราบรื่น

 2 สัปดาห์นับจากนี้ อย่าวางใจ อย่าลดการ์ด อย่าชะล่าใจ เพราะการทำสงครามสู้โควิดไม่ควรประสาท เชื้อไวรัสโควิดแปลงร่างตลอดเวลา ดูจากปรากฏการณ์ของสังคมโลก ที่นักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนสติให้โลกรู้ว่า “โควิด-19” มันมีความดุร้ายมากกว่าเชื้อโรคใดๆ ในโลกถึง 270 เท่าถึงฆ่าคนได้ในเวลาอันรวดเร็ว มีกัดกินอวัยวะในร่างกายเหมือนผีปอป มีการพัฒนาเจนของมันเพื่อหนีความตาย ขณะที่มวลมนุษย์ก็พยายามหายา หาวัควีนมาปราบ แต่โควิดหลบไม่ปรากฏอาการ

หลังสถานการณ์โควิด-19 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คงได้เรียนรู้ และได้บทเรียนหลายๆ อย่าง ว่าโลกยุคหลังโควิด-19 อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนไทย อะไรที่ไม่จำเป็นสำคัญคนไทย รัฐมนตรีคนไหนฉวยโอกาส หาผลประโยชน์บนคราบน้ำตาของประชาชน ผู้เดือดร้อนจากการถูกเลิกจ้างเพราะพิษโควิด

 ความจริงของแผ่นดินไทย เรากลายเป็นสังคมผู้สูอายุ ขณะที่เด็กเกิดใหม่น้อยลง แต่คนในวัยทำงานกลับมีน้อยมากกว่า ดังนั้น คนสองกลุ่ม “เด็ก-ผู้สูงอายุ” จำเป็นที่รัฐบาลต้องดูแล นั่นหมายถึงพลเมือง 2 กลุ่มนี้ต้องการความมั่นคงทางด้านสาธารณสุขมากกว่าด้านอื่นๆ 

โลกหลังโควิดเปลี่ยนแปลงไปทุกอย่าง ประเทศที่แข็งแกร่งไม่ได้วัดกันที่ความมั่งคั่งร่ำรวย หรือสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ อีกต่อไปแล้ว แต่เขาวัดกันที่ "การสาธารณสุขต้องมั่นคงและยังยืนกว่าทหาร" ถึงเวลาที่รัฐบาลไทย ต้องเตรียมความพร้อมด้านการสาธารณสุขให้เข้มแข็งให้มากกว่านี้ เพื่อสู้รบกับโรคร้ายที่จะเกิดในอนาคต เพราะถึงเวลานั้นรถถังราคาหมื่นล้านก็แลกกับชีวิตคนไทยไม่ได้

   0 กมลทิพย์ ใบเงิน 0เรียบเรียง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ