คอลัมนิสต์

ดึงเชื่อมั่นศรัทธาฝ่าวิกฤติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดึงเชื่อมั่นศรัทธาฝ่าวิกฤติ บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม 2563

 

 


          สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั่วโลกกำลังเผชิญและยังไม่รู้ว่าในส่วนประเทศไทยจะสามารถสกัดการระบาดได้อย่างดีแค่ไหน แม้ปัจจุบันรัฐบาลย้ำว่าไทยยังอยู่ระยะที่ 2 ซึ่งหลายประเทศถึงขนาดต้องปิดประเทศ ขอให้พลเมืองอยู่แต่ในบ้านยกเว้นมีความจำเป็นจริงๆ และในหลายประเทศก็ประกาศสถานการณ์ขั้นฉุกเฉิน เชื้อไวรัสลามไปแล้วกว่า 113 ประเทศ โดยจะเห็นมาตรการต่างๆ ที่ผู้นำประเทศที่เผชิญวิกฤตินำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาและมีระดับความสำคัญตั้งแต่ขอความร่วมมือไปจนถึงมาตรการเข้มทางกฎหมายเพื่อบังคับใช้อย่างเด็ดขาด ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของผู้นำและคณะบริหารของรัฐบาลในแต่ละประเทศ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อวัตถุประสงค์ในเรื่องความปลอดภัยของพลเมืองเป็นหลัก เพื่อยับยั้งการระบาดลดจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตให้น้อยที่สุด

 

อ่านข่าว...  วอนนักบุญช่วยด่วน!! พิษโควิด-19 "ศิริราช"ขาดเลือดขั้นวิกฤติ
 

 

 

          ขณะที่สถานการณ์ในไทยก็วิกฤติในหลายด้าน ทั้งปัญหาอุปกรณ์ของใช้จำเป็นที่ต้องมีไว้เป็นเครื่องป้องกันซึ่งเกี่ยวกับสุขภาพความเป็นความตายทั้งเรื่องหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือที่ขาดแคลนหาซื้อยาก ที่หาได้มีขายก็โก่งราคาจนเข้าถึงยากเหลือเกิน ยิ่งเกิดเหตุกล่าวหาคนสนิทของรัฐมนตรีร่วมขบวนการกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวนมากส่งออกขายราคาแพงในต่างประเทศและในประเทศด้วยแล้ว จึงเกิดคำถามคาใจกับสังคมและเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องตรวจสอบ ถัดมายังมีปัญหาเรื่องแรงงานทั้งถูกและผิดกฎหมายที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่จำเป็นต้องมีมาตรการรัดกุมรอบคอบ แต่รัฐบาลกลับล่าช้าไม่ชัดเจน รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเสี่ยงก็เช่นกันซึ่งอาจมองอีกด้านในเรื่องผลกระทบเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์เช่นนี้ควรมุ่งปกป้องดูแลประชาชนเป็นอันดับแรก


          นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญมากคือบุคลากรทางการแพทย์ที่ถือว่าเป็นด่านแรกในการต่อสู้กับไวรัสกลับต้องเผชิญปัญหาขาดแคลนอุปกรณ์โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่รัฐบาลต้องสนับสนุนให้เกิดความเพียงพอ รวมไปถึงความต้องการของประชาชนที่ต้องจัดหาให้มีอย่างเหมาะสม ไม่ควรอย่างยิ่งที่ปล่อยให้ประชาชนต้องไปดิ้นรนจัดการกันเองตามยถากรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสถานการณ์วิกฤติที่นับวันมีแต่ถาโถมแรงขึ้นและเสียงสะท้อนหนาหูว่ารัฐบาลบริหารจัดการล่าช้า ทำงานไร้ประสิทธิภาพ ไม่ตัดสินใจเด็ดขาด จนนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาเชื่อมั่นแทบจะติดลบแล้ว ดังนั้นในช่วงที่ประเทศอาจหลบเลี่ยงไม่ได้ที่จะเข้าสู่ระยะ 3 รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งวางแผนรับมือเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเรื่องอุปกรณ์การแพทย์ไปถึงโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์และสถานที่ต่างๆ ต้องพร้อมเต็มกำลัง

 



          ท่ามกลางวิกฤติของประเทศและประชาชนทุกคน ต่างต้องการผู้นำและฝ่ายบริหารที่เข้มแข็งเพื่อพาฝ่าภยันตรายครั้งนี้และพร้อมร่วมแรงร่วมใจในการต่อสู้ไวรัสมรณะ ซึ่งรัฐบาลต้องฉับไวรอบคอบกล้าตัดสินใจอย่าโลเลเปลี่ยนไปมา เพราะจะสร้างปัญหาให้ฝ่ายปฏิบัติตามนโยบายอย่างมาก และต้องเป็นผู้นำชี้ขาดและแก้ปัญหาทุกจุดอย่างโปร่งใส จะทำให้เรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้และทำให้สังคมเกิดความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกันร่วมฝ่าวิกฤติ หากยังเดินหน้าไปแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็คงมาถึงจุดที่หลีกไม่พ้นอย่างที่ฝ่ายค้านบอกไว้ “ฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนจะให้โอกาสรัฐบาล” และนับเป็นเรื่องดีที่มีการขยับตัวก่อนสายเกินแก้เมื่อรัฐบาลมีมติให้ยกเลิก VOA 18 ประเทศ รวมทั้งฟรีวีซ่าของอิตาลี เกาหลีใต้ และฮ่องกง เป็นการบล็อกป้องกันการระบาดซึ่งเป็นการปกป้องประชาชนเพราะยามนี้ “เอาชีวิตให้รอดไว้อย่างอื่นกู้ฟื้นภายหลังได้”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ