คอลัมนิสต์

สภาอันน่ารังเกียจ

สภาอันน่ารังเกียจ

19 ธ.ค. 2562

สภาอันน่ารังเกียจ โดย... อสนีบาต aussaneebard @ hotmail.com

 


          นักการเมืองไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก่า-รุ่นใหม่ ใครคิดอยากดังให้มีชื่อติดสื่อก็คงต้องพูดให้มากนะครับ นอกจากพูดแล้วยังต้องแสดงลีลาท่าทางให้สะดุดตา ถึงจะเป็นการสร้างภาพจำให้ประชาชนที่เขาเลือกกันเข้ามาทำหน้าที่

 

 

          ไม่ว่าจะเป็นการพูดอภิปรายหรือการแสดงลีลาท่าทางในการนำเสนอประกอบเรื่องต่างๆ ก็มีทั้งสร้างสาระเป็นประโยชน์ต่อสังคม กับพวกไร้สาระหาประโยชน์ไม่ได้


          พฤติกรรมท่านผู้แทนฯ พ.ศ.นี้ ดูจะเป็นอะไรที่ถูกสาธารณชนกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในทางลบมากกว่าทางบวกด้วยซ้ำ


          เท่าที่สมองอันน้อยนิดของ …อสนีบาต… บันทึกพฤติกรรมท่านผู้แทนฯ ตั้งแต่เปิดสภาได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ มีแต่เรื่องราวสุดแสนอลเวงสร้างความเอือมระอาน่าขายหน้า โดยเฉพาะบรรดานักการเมืองรุ่นใหม่ๆ ต่างทำให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภา หรือเรียกกันว่า “ประมุขนิติบัญญัติ” ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าต่อพฤติกรรม นักการเมืองรุ่นใหม่เหล่านี้ดูจะไม่ห่วงใยสุขภาพท่านเล้ย…


          ช่วงแรกๆ มีข่าวหราทันทีจากกรณี ส.ส.แห่งพรรคอนาคตใหม่ อวดโฉมท้าทายด้วยการแต่งตัวเข้าสภาจนนึกว่าก้าวเท้าเดินพรมแดงประกวดแฟชั่นในห้องประชุม ไม่ใช่แค่ต้องการสร้างความโดดเด่นให้เป็นที่กล่าวถึงทางสื่อมวลชน แต่ถ้าพิจารณาถึงตัวตนคนเหล่านั้น ทราบว่ามีเจตนาแฝง ต้องการพาสมัครพรรคพวกให้คิดนอกกรอบจารีตประเพณี ก้าวข้ามคำว่ากาลเทศะ ซึ่งก็เป็นการตอกย้ำความคิดอุดมการณ์ทางการเมืองของนักการเมืองคนนั้นๆ ก่อนเข้าสภามาได้ด้วยซ้ำ


          การประชุมสภาในยุคก่อนๆ ไม่บ่อยนักจะได้ยินประธานสภาว่ากล่าวตักเตือน ส.ส.เกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมส่วนตัว ที่ทำให้สภาอันทรงเกียรติต้องเสื่อมเสีย ก็มาได้ยินได้ฟังจากประธานสภายุคนี้ล่ะครับ ในลักษณะบ่อยมากกับหลายเหตุการณ์

 


          ประเด็นหนึ่งอาจเป็นเพราะว่า ประธานสภา พ.ศ.นี้ คือ นายชวน หลีกภัย ผู้เคร่งครัดหลักการ แม่นกฎหมาย และเป็นนักการเมืองแบบอย่างที่ดี ท่านไม่อาจทนเหมือนกันต่อสิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องออกปากเตือน


          การที่คุณชวนว่ากล่าวตักเตือนอยู่บ่อยครั้ง ดูไปดูมาไม่ต่างกับผู้ปกครองกำลังอบรมสั่งสอนเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้จักระบบระเบียบแบบแผน จารีตประเพณี วัฒนธรรม


          นอกจาก ส.ส.หน้าใหม่ บุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยที่ผ่านการเลือกตั้งมาได้สมัยสองสมัย ซึ่งน่าจะมีประสบการณ์อยู่ในสภามาบ้าง กลับไม่ต่างกับเด็กไร้เดียงสา หยิบโทรศัพท์มาดูหนังฟังเพลงในที่ประชุมก็มี ทั้งที่มีระเบียบข้อตักเตือน บ้างก็หอบอาหารเข้ามารับประทาน ทิ้งเศษขยะ เศษอาหาร ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เก็บกวาดประจานความสกปรกโสมม จนประธานสภาต้องออกปากกล่าวตำหนิ “นี่หรือคือสภาอันทรงเกียรติ”


          วันดีคืนดี นักการเมืองรุ่นใหม่เช่นกัน อุตรินำวัตถุระเบิดเข้าสภา ด้วยการอ้างว่า ต้องการตรวจสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดมีประสิทธิภาพหรือไม่ นำพาเรื่องวุ่นวายไปถึงประธานสภาต้องมาอบรมสั่งสอนเช่นเคย ส่วนนักการเมืองต้นคิดความอุตริ เมื่อได้ภาพได้ข่าวเป็นที่เรียบร้อย บทสรุปตอนจบเพียงแค่ออกมากล่าวขอโทษรู้เท่าไม่ถึงการณ์


          แม้แต่เหตุการณ์ล่าสุด กับการอาศัยพื้นที่ของรัฐสภารับเรื่องราวข้อเรียกร้องของกลุ่มองค์กร พร้อมกับบันทึกภาพเพื่อแสดงให้เห็นว่า ได้ทำหน้าที่ผู้แทนปวงชนชาวไทย ทว่าการรับหนังสือข้อเรียกร้องแบบปกติธรรมดาคงไม่เกิดภาพจำ ไม่เป็นข่าวใหญ่แน่นอน


          ฉะนั้นจึงต้องคิดค้นอะไรสักอย่างเพื่อเรียกเสียงฮือฮา ไอเดียอันบรรเจิดจึงออกมาด้วยการแสดงพฤติกรรมจูบปากอย่างดูดดื่มซะเลย โดยมี ส.ส.ผู้รับเรื่องยืนยิ้มอย่างหน้าชื่นตาบานประกอบฉากหลัง


          แม้อ้างว่าเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่า นี่คือการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมของเพศสภาพ โดยไม่มีวิธีไหนแสดงสัญลักษณ์ได้ดีเท่าวิธีนี้อีกแล้ว แต่เมื่อมีเสียงวิจารณ์สนั่นเมือง จึงต้องตบท้ายสูตรสำเร็จ(อีกเช่นเคย) ด้วยการให้ท่านผู้แทนฯ ออกแถลงขอโทษขอโพยว่า เป็นการแสดงนอกบทซะงั้น


          เพราะเป็นสังคมเสรีประชาธิปไตยตามที่นักการเมืองจากพรรคอนาคตใหม่ต้องการไงครับ จึงใช้สิทธิเสรีภาพแสดงออกกันอย่างฟุ่มเฟือย โดยไม่ได้นึกถึงกรอบกติกาภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน


          อะไรต่อมิอะไรจึงนำออกมาแสดงกันอย่างไร้ขอบเขต ไร้กาลเทศะ จนทำให้สภาอันทรงเกียรติ มีสภาพเป็นสภาอันน่ารังเกียจ อย่างที่เห็นกันอยู่อย่างนี้