คอลัมนิสต์

ความจริงที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูด

ความจริงที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูด

17 ธ.ค. 2562

อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กถึงการใช้ ม.44 เร่งรัดดำเนินคดีกับเธอ ทำให้ชีวิตต้องสูญเสียทุกอย่าง แต่ยังมีความจริง 2 ประการที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูด

      กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงการใช้กฎหมาย ม.44 ในการเร่งรัดดำเนินคดี ไม่คำนึงถึงความถูกต้อง ทำให้ชีวิตนี้ของเธอสูญเสียทุกอย่าง 

    สูญเสียบ้านที่ถูกยึดและขณะนี้ทรัพย์สินของเธอก็กำลังถูกกรมบังคับคดีประมูลชิ้นต่อชิ้น ทั้งที่ใช้ข้อต่อสู้ทางกฎหมายทุกรูปแบบแล้วแต่ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งได้ เพราะนายกรัฐมนตรีชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ยึดอำนาจ

      และจนถึงปัจจุบันมาตรา 44 ก็ยังคุ้มครองเจ้าหน้าที่อยู่ ทุกคนจึงเร่งดำเนินการกับคดีเธอโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย เพราะจริงๆแล้วคดีต้องรอคำพิพากษาศาลปกครองที่ถึงที่สุดว่าเธอแพ้คดีก่อนจึงจะสามารถนำทรัพย์เหล่านั้นมาขายทอดตลาดได้ เป็นการถูกกระทำที่ไม่เหมือนใครในประวัติศาสตร์

  

 

 

      นั่นคือ.. การโพสต์เฟซบุ๊กของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ เกี่ยวกับผลคดีที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและเกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ส.ค.2560 จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปีไม่รอลงอาญา จนนำมาสู่กระบวนการยึดทรัพย์

ความจริงที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูด
        ย้อนรอยคดีนี้ 17 ก.พ.2558 ป.ป.ช. มีมติให้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง เพื่อแจ้งให้พิจารณาความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวในคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดฐานละเว้นก่อให้เกิดความเสียหายในโครงการนี้


       จากนั้น 13 ก.ย.2559 หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 56/2559 มอบอำนาจให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์จากความเสียหายการทุจริตซื้อข้าว ตามที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ได้สรุปตัวเลขให้ "ยิ่งลักษณ์" ชดใช้เงิน 35,717 ล้านบาท 
       "ยิ่งลักษณ์" ได้ยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับคดีไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าคดีนี้จะถึงที่สุด แต่ศาลปกครองได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ม.ค.2561 ยกคำขอทุเลาการบังคับคดี  กรมบังคับคดีจึงได้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ ทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่เดือน ก.ค.2560 รวมกว่า 30 รายการ 

ความจริงที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูด
       โดยเฉพาะบ้านที่ซอยนวมินทร์ 111 ภายในซอยโยธินพัฒนา 3 ขนาด 2 ชั้นพร้อมสนามฟุตบอล เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุดในบรรดาทรัพย์สินของ "ยิ่งลักษณ์" เป็นไปตามบัญชีทรัพย์สินที่เคยยื่นไว้ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ระบุมีมูลค่าสูงถึง 110 ล้านบาท 
       นอกจากนี้ยังมีที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และเชียงรายประมาณ10 แปลง  คอนโดห้องชุด และอายัดบัญชีเงินฝากหลายบัญชีมูลค่าหลายล้ายบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกยึดอายัดทั้งสิ้น  176.25 ล้านบาท
     
โดย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุไว้ว่ากระทรวงการคลัง ในฐานะเจ้าหนี้และกรมบังคับคดีในฐานะผู้ดำเนินการยึดทรัพย์ สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้ภายใน 10 ปี ตามอายุความของคดี รวมถึงหากเจอทรัพย์สินที่อยู่ในช่วงเวลา10 ปีสามารถดำเนินการต่อไปได้ 

       สำหรับบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 1 ปีเมื่อวันที่ 6 พ.ค.2558 ระบุว่า มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น จำนวน 579.30 ล้านบาท

ความจริงที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูด

        แต่ความจริงที่"ยิ่งลักษณ์" ไม่ได้พูด ก็คือ

        1.คดีนี้ไม่ได้ใช้มาตรา 44 ไปยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ กล่าวอ้าง เพราะว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 56/2559  ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกรมบังคับคดีในเวลาที่จะไปยึดทรัพย์เท่านั้น

     แต่ผิดหรือไม่ผิด "ยิ่งลักษณ์" ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ เป็นไปตามกระบวนกฎหมายปกติ คือ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539  ซึ่งนำมาใช้บังคับกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็น "เจ้าหน้าที่ของรัฐ" ได้ด้วย

    หรือพูดให้ชัดๆ ขึ้นไปอีก ที่ "ยิ่งลักษณ์" ต้องชดใช้ค่าเสียหายและถูกยึดทรัพย์ เป็นผลมาจากการนำ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาบังคับใช้กับ"ยิ่งลักษณ์ " ไม่เกี่ยวกับ ม.44  แต่อย่างใด

   สำหรับกฎหมาย พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539  นับแต่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดฯ มาตั้งแต่ปี 2539 มีการออกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายกับเจ้าหน้าที่ของรัฐไปแล้วกว่า 5 พันราย จึงเป็นเรื่องที่ปฏิบัติมาเป็นปกติอยู่แล้ว  ไม่ใช่วิธีการที่เถื่อนหรือสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อดำเนินการกับ"ยิ่งลักษณ์"เฉพาะเจาะจงเพียงคนเดียว 

   2.กรณีที่ "ยิ่งลักษณ์" อ้างว่า คดีต้องรอคำพิพากษาศาลปกครองที่ถึงที่สุดว่าเธอแพ้คดีก่อนจึงจะสามารถนำทรัพย์เหล่านั้นมาขายทอดตลาดได้ เป็นการถูกกระทำที่ไม่เหมือนใครในประวัติศาสตร์ นั้น 

     ที่จริงแล้วกรณีของ ยิ่งลักษณ์ เป็นการใช้อำนาจทางปกครองดำเนินการ เริ่มต้นจากตั้ง “คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง” ที่ต้องเปิดโอกาสให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงอย่างเต็มที่ เมื่อชี้แจงฟังไม่ขึ้นก็จะไปสู่การตั้ง “คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง” 

ความจริงที่ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้พูด

     และเมื่อ "คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง"มีมติออกมาว่าให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหาย ถึงจะเสนอให้รัฐมนตรีคลังออกคำสั่งทางปกครองให้ผู้ถูกกล่าวหาชดใช้  ซึ่งกรณีนี้ รมช.คลัง ในขณะนั้น ได้ออกคำสั่งทางปกครองให้ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหาย และคำสั่งทางปกครองมีผลบังคับทันที เจ้าหน้าที่จึงสามารถยึดทรัพย์ได้เลยโดยไม่ต้องรอศาล  

    ส่วนผู้ถูกกล่าวคือ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ และร้องขอให้ศาลปกครองสั่งทุเลาการบังคับคดียึดทรัพย์ไว้ก่อนได้

   ซึ่งกรณีนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ก็ได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการยึดทรัพย์ต่อศาลปกครองไปแล้ว แต่ศาลปกครองยกคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีจึงเข้ายึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอคดีหลักที่ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ศาลปกครองพิพากษาเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าเสียหาย เพราะว่าคำสั่งทางปกครองมีผลบังคับให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการยึดทรัพย์ได้เลยตั้งแต่มีคำสั่งทางปกครองออกมาแล้ว ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น