คอลัมนิสต์

เตือนตุ๋นลงทุน บิทคอยน์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  สายตรวจระวังภัย   โดย...   ทีมข่าวอาชญากรรม

 

 

 

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน “ดิจิทัล” มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของผู้คน แม้กระทั่ง “เงิน” ยังมี “สกุลดิจิทัล” ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่มีกระแสความสนใจมาแรงมากในขณะนี้กับสกุลเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “บิทคอยน์" (Bitcoin) ที่อาจจะเปลี่ยนระบบการเงินของโลกไปอย่างสิ้นเชิง แต่บิทคอยน์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะถูกคิดค้นมาตั้งแต่ปี 2552 ก่อนที่จะมาเฟื่องฟูในประเทศไทยเมื่อตอนปลายปี 2560 กระทั่งเกิดกระแสเก็งกำไรบิทคอยน์ หรือ “ลงทุนขุดบิทคอยน์”

 

 

          ทว่าความเสี่ยงของเงินสกุลนี้ก็ยังมีอยู่หลายประการ และในประเทศไทยก็มี"แก๊งต้มตุ๋น"หลอกลงทุนกับเงินสกุลนี้ ในรูปแบบชวนให้ลงทุนในบริษัทต่างชาติ ซึ่งอ้างว่าดำเนินธุรกิจขุดหา"บิทคอยน์" ด้วยการโฆษณาผ่านเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ซึ่งการลงทุนช่วงแรกบริษัทจ่ายผลตอบแทนตามสัญญา ไม่ต่างอะไรกับ “แชร์ลูกโซ่” แต่พอเพิ่มเงินลงทุนก็ชิ่ง! มีคดีเกิดขึ้นเป็นระยะ เช่นเดียวกับเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปรามจับกุม นายมานะ จูเมือง เจ้าของฉายา “พ่อมดคริปโตเคอเรนซี่” หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเงินดิจิทัลขั้นเทพ ที่เชิญชวนให้ผู้ที่สนใจร่วมลงทุนสกุลเงินดิจิทัลหลายสกุล หนึ่งในนั้นก็มีบิทคอยน์ โดยอ้างว่าได้กำไรดี ลงทุนเงินเพียง 200 วัน จะได้กำไรทันที 400% จนมีเหยื่อหลงเชื่อจำนวนมากสูญเงินรวมกว่า 500 ล้านบาท

 

 

เตือนตุ๋นลงทุน บิทคอยน์

 


          เรื่องนี้ส่งผลให้เสียงเตือนความเสี่ยงการเก็งกำไรเงินดิจิทัลดังเป็นระยะ โดยเฉพาะ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่เคยออกประกาศเตือนให้นักลงทุนระมัดระวัง พร้อมกับจัดตั้ง “เสี่ยงสูง.com” เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับเงินสกุลดิจิทัล ซึ่งนักลงทุนสามารถตรวจสอบได้ว่า บริษัทที่ชักชวนให้ลงทุนเงินดิจิทัลนั้น ได้รับการอนุมัติจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

 



          ล่าสุด นายสมัคร เชาวภานันท์ และ นายธนิต บัวเขียว ทีมทนายความส่วนตัวของ นายเฉลิม อยู่วิทยา ประธานกลุ่มบริษัทสยามไวเนอรี่ ได้แถลงเตือนกรณีที่มีเว็บไซต์ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการลงทุนด้านการเงิน นำข้อมูลเผยแพร่ในเว็บเพจ และแฟนเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า นายเฉลิม คือ นักธุรกิจไทยที่สนใจและร่วมลงทุนในธุรกิจบิทคอยน์ ซึ่งตามกฎหมายไทยยังไม่ผ่านการรับรองที่ถูกต้อง พร้อมกับอ้างถึงข้อความที่ระบุว่าได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนร่วมลงทุน ซึ่งขอยืนยันว่าข่าวและข้อความที่เผยแพร่ดังกล่าวไม่เป็นความจริง อีกทั้งนายเฉลิมไม่เคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ถึงความสนใจร่วมลงทุนหรือเชิญชวนให้ประชาชนลงทุนในธุรกิจที่ว่านี้อย่างแน่นอน


          “เรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเข้าข่ายใช้ข้อมูลเท็จเพื่อล่อลวงกันทางธุรกิจ และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ดังนั้นทีมทนายความส่วนตัวเตรียมรวบรวมหลักฐาน เพื่อฟ้องร้องคดีกับบุคคลที่เผยแพร่ข้อความ รวมถึงบุคคลที่ส่งต่อเนื้อหาดังกล่าวด้วย เพราะกรณีดังกล่าวถือว่าสร้างความเสียหายให้แก่ครอบครัวของคุณเฉลิม และการฟ้องร้องดังกล่าวต้องการยุติวงจรของพวกมิจฉาชีพ ที่ใช้ข่าวเท็จ เพื่อหลอกลวงประชาชน ซึ่งจะเกิดผลเสียอย่างยิ่งกับสังคม โดยจะมีการฟ้องร้องกรณีดังกล่าวภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้พนักงานสอบสวนดำเนินการรวบรวมหลักฐาน และจะไม่มียอมความเด็ดขาด เพราะข่าวเท็จดังกล่าวเทียบเท่ากับการหลอกลวงประชาชน" นายสมัคร กล่าว

 

เตือนตุ๋นลงทุน บิทคอยน์

 


          นายสมัคร กล่าวด้วยว่า เว็บไซต์ดังกล่าวยังได้นำบทสัมภาษณ์ของบุคคลสำคัญ ทั้งนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง และนักการเมืองซึ่งคร่ำหวอดในวงการการเงินและการคลัง เพราะต้องการจูงใจให้ประชาชนหลงเชื่อได้ง่าย แต่ข้อความเป็นเท็จ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวภาครัฐรวมถึงหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยด้านการให้ข้อมูลข่าวสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ควรเร่งดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวอย่างรวดเร็ว และฝากให้ประชาชนที่เสพข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ควรตรวจสอบและใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร อย่าหลงเชื่อข้อมูลใดง่ายๆ โดยเฉพาะการลงทุนด้านการเงิน ก่อนการตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาข้อมูลให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของ “อาชญากรออนไลน์”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-"เฉลิม"ฟ้องเว็บกุข่าวหนุนลงทุนบิทคอยน์
-เตือน ลงทุนเทรดบิทคอยน์ เสี่ยงสูญเงินแชร์ลูกโซ่
-โจรออนไลน์ ..หลอกขายหมาเชิดมัดจำ
-จากเหยื่อผันตัวเป็นโจร(อิเล็กทรอนิกส์)
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ