คอลัมนิสต์

ยงยุทธชี้การเมืองไทยย้อนหลัง40ปี?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  สมัชชา หุ่นสาระ

 

 

 

          “ยงยุทธ ติยะไพรัช" อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ มองการเมืองและภาวะรัฐบาลใหม่ในอีกมิติที่น่าพินิจและควรรับฟัง...

 

          ยงยุทธบอกกับเครือเนชั่นหลังมีการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและนายกรัฐมนตรีว่า “ภาพรวมปัญหาของบ้านเมืองยังคงอยู่ การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายยังมีอยู่ ความสับสนด้านการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมและไม่เสมอภาคยังเกิดขึ้น

 

 


          จนวันนี้ขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศลดลงเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน การลงทุนนั้นมีการย้ายฐานการลงทุนออกจากไทยจนน่าจะเป็นเงื่อนไขปัญหาใหม่สำหรับอนาคตของประเทศ


          เมื่อลองย้อนดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและมองไปยังอนาคต แม้เร็วๆ นี้ทหารจะกลับเข้ากรมกอง การใช้มาตรา 44 จะยุติในไม่กี่วันนี้ แต่มันคือม่านบังตา แปลว่าลืมนึกไปว่าการสร้างศัตรูสมมุติขึ้นมาจากคนในชาติเดียวกันยังมีอยู่ในวันนี้ เหมือนการมองเป็นคอมมิวนิสต์ในอดีต แต่วันนี้จะทำแบบนั้นไม่ได้

 

 

 

ยงยุทธชี้การเมืองไทยย้อนหลัง40ปี?

 


          วันนี้สังคมเปลี่ยนไป เขตแดนอธิปไตยของชาติถูกทำลายด้วยระบบออนไลน์ กระแสสังคมวันนี้คนไทยรุ่นใหม่เข้าสู่โลกไร้พรมแดน การค้าการลงทุนก็ใช้โลกออนไลน์ค้าขายทั่วโลก


          เรามักพูดเสมอๆ ว่าเรามีประชาธิปไตยแบบไทยๆ เช่นกฎหมายความมั่นคง ค่านิยมทางการเมือง กฎหมาย ระบบการค้า ระบบสัมปทาน หากว่าไม่ยึดหลักสากล ไทยจะมีปัญหากับสังคมโลก เพราะคนต่างชาติกลัวและไม่กล้ามาติดต่อกับเรา


          น่าห่วงว่าคนรุ่นใหม่ที่เรียนหนังสือ เรียนกฎหมายจะมองว่าการบังคับใช้กฎหมายในบ้านเมืองของเราไม่ใช่การบังคับใช้ทั่วไป บทบัญญัติบางเรื่องไม่มีผลบังคับใช้กับบางคน วันนี้มีความสับสนเพราะมีศรีธนญชัยจนเป็นมุมปัญหา อนาคตนั้นคนรุ่นใหม่จะพบว่าชีวิตจริงกับสิ่งที่เล่าเรียนมามันเป็นคนละอย่างกัน ตรงนี้เป็นอุปสรรคที่จะนำไทยไปสู่สากล”



 


          000 พรรคเพื่อชาติหาเสียงว่าจะเป็นเกาะกลางประชาธิปไตยและให้ทุกฝ่ายมาเจอกันเพื่อคุยและหาทางออก แต่วันนี้เหมือนว่าจะไม่มีใครใช้เกาะกลาง
          การเมืองไทยวันนี้เหมือนย้อนหลังไป 40 ปี ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยไทยที่พูดเสมอว่า ไม่มี, ครึ่งใบ, เต็มใบนั้น วันนี้ผลของรัฐธรรมนูญทำให้ประชาธิปไตยที่เป็นผลผลิตของการยึดอำนาจครั้งล่าสุด แม้จะอ้างว่าผ่านประชามติ แต่ที่ผ่านมาฝ่ายที่คัดค้านกลับโดนจับกุม


          เมื่อการเมืองวันนี้ย้อนหลังไป 40 ปีแบบนี้เราจะกระโดดให้มาอยู่ในจุดเดิมอย่างไร เพราะเราถอยหลังไปไกลมาก มองแล้วจะพ้นกับดักนี้ลำบาก เช่น แก้รัฐธรรมนูญที่หลายพรรคไปร่วมตั้งรัฐบาลเสนอเงื่อนไขนี้ แต่มันทำได้ยาก หากจะทำได้ง่ายๆ คือฉีกรัฐธรรมนูญ แต่มันจะซ้ำเติมบ้านเมืองเพิ่มไหม

 

 

 

ยงยุทธชี้การเมืองไทยย้อนหลัง40ปี?

 


          สถานการณ์การเมืองวันนี้ นักดาราศาสตร์บอกว่าหลุมดำนั้นคือสิ่งที่ดูดทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาล วันนี้ผมห่วงอนาคตบ้านเมืองว่าจะตกหลุมดำ และที่ผ่านมาบางคนชอบพูดว่าทำทุกอย่างเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาขน รวมทั้งเพื่อประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อมองแล้วคนที่ชอบพูดเรื่องแบบนี้ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น


          วันนี้หากนำประเทศเป็นตัวตั้ง ขอถามว่าภัยคุกคามวันนี้ใช่คอมมิวนิสต์เหมือนเมื่อก่อนไหม มันก็ไม่ใช่ ภัยคุกคามความมั่นคงวันนี้คือคนต่างชาติและคนไทยที่ต้องรบกันด้วยสงครามเศรษฐกิจและโลกออนไลน์ วันนี้ควรเลิกคิดว่าข้าศึกสมมุติที่เป็นภัยต่อความมั่นคงคือคนไทยด้วยกัน


          หัวหน้า คสช.มักพูดถึงบางคนในทำนองเป็นภัยต่อบ้านเมือง สังคมรู้ว่าหมายถึงใคร การใช้กฎหมายฉบับเดียวกันกับคนหนึ่งแบบหนึ่ง และใช้กับอีกคนหนึ่งก็ใช้อีกแบบหนึ่งนั้น สังคมก็รู้ หรือใช้กฎหมายเพื่อเอื้อใครหรือนายทุนคนไหน สังคมก็รู้ มีกลุ่มทุนผูกขาดกี่รายในบ้านเมืองได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจคราวนี้บ้าง ทุกคนก็รู้ เพราะมันมาจากการใชักติกาแบบไม่เป็นธรรม จนช่องว่างทางสังคมมันมีมากขึ้น หากปล่อยไว้นานๆ จะเอาไม่อยู่


          วันนี้หากหันหน้ามาคุยกันแบบจริงจัง คือคืนความยุติธรรมให้ทุกฝ่าย ดำเนินคดีแบบเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ คนไหนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมก็คุยกันดีไหม ผมพูดในภาพรวมนะ


          สมมุตินะ หากความไม่เป็นธรรมวันนี้มันเรื้อรัง วันหนึ่งหากสังคมอดทนไม่ได้ ไม่กลัวปืน ไม่กลัวกฎหมาย เพราะพวกเขามองว่าหลายอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่เป็นธรรมตรงนี้น่าห่วงนะ

 


          000 ทางออกควรเป็นแบบใด
          พูดคุยแบบเปิดใจกับทุกฝ่าย เลิกใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ยึดหลักสากล อย่าให้อภิสิทธิ์กับบางคนและบางกลุ่ม นโยบายดีๆ ของรัฐบาลในอดีตที่เป็นผลดีกับสังคมก็ควรนำมาใช้ อย่ารังเกียจ


          การปฏิรูปประเทศที่ตั้งหัวขัอไว้ตั้งแต่ยึดอำนาจ วันนี้คำคำนี้มีความหมายเดียวกับสิ่งที่สังคมเข้าใจหรือไม่ หรือเป็นนิยามที่ผู้ยึดอำนาจเข้าใจฝ่ายเดียว


          การตั้งข้อหานักการเมืองทุจริตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ 5 ปีของการยึดอำนาจและ 4 ปีจากนี้ไป สังคมอยากฟังว่าการแก้ปัญหานี้เชิงรูปธรรมเป็นเช่นใด นอกจากอีเวนต์ การเปิดเพลง การแต่งกลอน และเราจะหนีคำว่าผลประโยชน์ทับซ้อนได้หรือไม่ เพราะรัฐบาลนี้มีที่มาแบบปิดกฎหมายและตั้งตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์ นิรโทษกรรมตัวเอง ตั้งองค์กรอิสระ ขยายอำนาจตัวเอง ตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและมีรัฐบาลใหม่โดยสิ่งเหล่านี้ยึดโยงกับประชาชนไหม


          ผลของการทำประชามติและการเลือกตั้งสร้างความสับสนให้สังคม เช่น คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ผมกลับบ้านที่ จ.เชียงราย ได้ยินชาวบ้านพูดว่า "เจ้าประคุณ ! อยากทำอะไรก็ทำ”


          สังคมอยากแก้รัฐธรรมนูญเพราะมองแล้วมันคือปัญหาบ้านเมือง อยากได้เสรีภาพคืนมา หวังว่าหลังเลิกใช้มาตรา 44 ประชาธิปไตยจะกลับมา หากความหวังพังลงจะเกิดปัญหา

 


          000 มองความเชื่อมั่นของสังคมที่มีต่อรัฐบาลนี้เช่นใด
          ผมหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น หวังว่ารัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยกลับมา


          แต่เสถียรภาพรัฐบาลใหม่นั้น วันนี้หากไม่มีความเชื่อมั่นเกิดขึ้น รัฐบาลจะเสื่อมสภาพเอง และบ้านเมืองยังมีโอกาสที่วงจรอุบาทว์กลับมา


          หากวันนั้นมันมีจริงเรื่องแบบนี้ไม่ต้องถามนักวิชาการเลย เพราะทุกคนคงจะรู้อยู่แล้วว่าเหตุเป็นแบบนี้ ผลก็ตัองออกมาแบบนี้


          หากวันนั้นมีจริง ผมคงอุทานว่า "โอ้! อนิจจา”

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ