คอลัมน์... กระดานความคิด โดย... ร่มเย็น
สถานการณ์การเมืองยังต้องจับตาชนิดไม่กะพริบ เพราะพร้อมที่จะพลิกผันได้ตลอดเวลา
เมื่อวานซืนที่ประชุมร่วมกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ วงแตก เลื่อนการลงมติออกไปก่อนว่าจะร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
ว่ากันว่า..มีสาเหตุมาจากหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากพรรคพลังประชารัฐ พิโธ่...ก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของ “ต้องห้าม” ก็ยังอุตส่าห์ไปเสนอ
เรื่องที่ “เทพไท เสนพงศ์ ” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉว่า “บิ๊กตู่” เข้ามาล้วงลูกเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคพลังประชารัฐ ออกมายืนยันที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” ไม่เคยเข้ามายุ่ง
รวมทั้งเรื่องของเก้าอี้ รมว.เกษตรฯ ที่ยังตกลงกันไม่ได้ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา ก็ออกมาขู่ไม่ร่วมรัฐบาล เหตุเพราะข้อเสนอที่ทางพรรคเสนอไปไม่ได้รับการตอบสนองจากพรรคพลังประชารัฐ
ส่วนเสี่ยหนู “อนุทิน ชาญวีรกูล” ที่ตอบรับการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว ก็ออกมาประกาศหากพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมถอย ไม่ร่วมด้วย
“คับขัน” ขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐ ก็ยังมั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ล่าช้า ยังอยู่ในกรอบเวลา โดยมองว่าการต่อรองทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ไม่มีปัญหาภายในพรรค ถ้าคุยกันเรียบร้อยก็จัดตั้งรัฐบาลได้
คราวนี้หันมามอง...เกี่ยวกับการเลือกประธานสภาผู้แทนฯ และรองประธานสภาผู้แทนฯ เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ ทีี่ผ่านมา ที่เกิด “งูเห่า” เยอะแยะไปหมด โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นจากฝั่งขั้วพรรคพลังประชารัฐ ทั้งการเลือกประธานและรองประธานสภา ทำให้มีการมองว่าหากพรรคพลังประชารัฐสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ รัฐบาลจะไปรอดหรือไม่
“อย่าไปมองเป็นความวุ่นวาย มันมีเรื่องของการผิดเกม แทงข้างหลัง เพราะเป็นการโหวตลับ ไม่รู้ว่าใครลงคะแนนให้ใคร แต่ก็เป็นเรื่องปกติทางการเมือง ซึ่งก็ต้องมีกันบ้าง ก็ต้องตามแก้กันไปเป็นเปลาะๆ ใช้วิปคุมกันไป เมื่อก่อนเวลาลงคะแนน ถึงขนาดวางตัวประกบคนที่ไม่น่าไว้ใจ ชะโงกดูตอนลงคะแนนกันเลย" รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เริ่มเปิดมุมมอง และว่า.... แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เดินเกมเก่ง ทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่มีทางเลือกต้องยกเก้าอี้ประธานสภาให้พรรคประชาธิปัตย์
แต่ในส่วนของพรคประชาธิปัตย์เอง ก็ไม่มีทางเลือก ต้องเลือกระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีหรอกฝ่ายค้านอิสระ ก็เป็นการแลกเกมกันไป.. เพราะถ้าพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ต้องผิดคำพูดที่ว่าจะไม่สืบทอดอำนาจให้ใคร ดังนั้น..คุณ" (พลังประชารัฐ) ต้องยอมยกเก้าอี้ประธานสภาให้ผม (ประชาธิปัตย์) ไม่เช่นนั้นพลังประชารัฐ จะต้องเสียเก้าอี้ให้ “เพื่อไทย” ไป ส่วน “ประชาธิปัตย์” เอง ก็ตกที่นั่งลำบาก อาจต้อง “กลืนคำพูดของตัวเอง”
ส่วนการที่เกิด “งูเห่า” ในการโหวตประธานสภาและรองประธานสภาซึ่งเกิดขึ้นกับ “ขั้วพลังประชารัฐ” ด้วยนั้น อย่ามองว่าเมื่อถึงตอนตั้งรัฐบาลแล้วรัฐบาลจะไปไม่รอด เพราะว่านักการเมืองมีความพลิ้ว ก็จะกระเสือกกระสน ถูลู่ถูกังไปจนได้
อาจารย์สุขุม บอกว่า ดูตัวอย่างได้จากการเลือกประธานสภา ที่ต้องโหวตในญัตติว่าจะ “เลื่อน-ไม่เลื่อน” เลือกประธานผู้แทนฯ ออกไป ตามที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เสนอญัตติให้เลื่อนการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรออกไปก่อน เนื่องจากทางขั้วพรรคพลังประชารัฐยังไม่พร้อม แต่ขั้วเพื่อไทยค้านไม่ให้เลื่อน โดยยืนยันให้พิจารณาตามระเบียบวาระ พอขั้วพรรคพลังประชารัฐแพ้โหวต ทีี่ประชุมไม่ให้เลื่อน ก็คงมีคนคิดว่าขั้วพรรคพลังประชารัฐแย่แน่ ต้องเสียเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ขั้วเพื่อไทย แต่สุดท้ายขั้วพรรรคพลังประชารัฐก็แก้เกมจนได้ โดยทางพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อนายชวน หลีกภัย เข้าแข่งกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จากพรรคเพื่อไทย และชนะโหวต ไม่ต้องเสียเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรให้ขั้วเพื่อไทยไป
“เรื่องเกมในสภาทางพรรคการเมืองจะไปวางมาตรการหรือเป็นสูตรสำเร็จกับส.ส.ของพรรคว่า ต้องทำอย่างนี้อย่างนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมขึ้นอีก คงไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะถึงแม้วางมาตรการกับส.ส.ของพรรคไว้ ว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอถึงสถานการณ์จริงฝั่งตรงข้ามก็แก้เกมที่วางไว้อีก มาตรการหรือสูตรของพรรคที่วางไว้ก็แค่เขียนไว้ในเศษกระดาษ ดังนั้นจึงต้องแก้เกมกันหน้างานเป็นครั้งๆ ไป ก็ต้องใช้วิปคุมเกม แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ากันไปและอย่าไปคิดว่าหากพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลได้จะเป็นรัฐบาลอายุสั้น เพราะยังมีคำว่า “แก้เกม-พลิ้ว” ซึ่งเป็นธรรมชาติของนักการเมือง อีกทั้งยังมี ส.ว.คอยค้ำจุนและยังมีกองเชียร์ “บิ๊กตู่” คอยหนุนอีก ซึ่งคะแนนที่โหวตให้พรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีมากถึงกว่า 8 ล้านเสียง เป็นการเชียร์ตรง พล.อ.ประยุทธ์ เลย และยังมีที่เชียร์อ้อมอีก”
ปรมาจารย์ทางการเมือง ว่าไว้อย่างนี้ก็ต้องเงี่ยหูฟัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง