คอลัมนิสต์

4พรรครับประกัน นโยบายไม่ขายฝัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...  พรทิพย์ ทองดี 


 

          เนชั่นทีวี จัด NATIONDEBATE ศึกเลือกตั้ง 62 โดยมีตัวแทนจากพรรคการเมืองมาดีเบตร่วมกัน 4 พรรค คือ “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ ในหัวข้อ “นโยบายแห่งความฝัน...กับวันแห่งความเป็นจริง”

 

 

          คิดเห็นอย่างไรกับคำกล่าวที่บอกว่าพรรคการเมืองสร้างแต่นโยบายขายฝัน เพ้อฝัน ที่ทำไม่ได้จริง
           ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล บอกว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐนั้น เกิดมาจากการไปถามพี่น้องประชาชนว่าเขาติดปัญหาอยู่ตรงไหน อยากได้อะไร แล้วเราก็เอาสิ่งที่ประชาชนคิด หรือประชาชนทำ มาเป็นนโยบายของเรา หลายเรื่องเรามั่นใจว่าเป็นการสืบต่อสิ่งที่ทำอยู่ อย่างพรรคของเรามีสี่รัฐมนตรีที่ทำงานมาหลายปี ก็ได้ทำหลายนโยบายและเป็นนโยบายที่คิดว่าประชาชนจะพอใจ ยืนยันนโยบายพรรคไม่มีเพ้อฝัน เพราะมีอยู่ในปัจจุบัน สามารถจับต้องได้ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ทำมาหนึ่งปีแล้วเป็นนโยบายที่เป็นไปได้รวมถึงนโยบายหาบเร่แผงลอยที่ตึงเกินไป จะมีการดำเนินการผ่อนผันในเรื่องนี้ให้ หากได้กลับเข้าไปเป็นรัฐบาล
 

          ศักดิ์สยาม ชิดชอบ กล่าวว่าา วันนี้พรรคภูมิใจไทย ได้จดยื่นนโยบายกับกกต.ไปทั้งหมด 12 เรื่อง ซึ่งนโยบายของพรรคไม่ใช่ว่าอยู่ๆ จะคิดขึ้นมา แต่พรรคมีการทำวิจัยมาแล้วว่าทำได้จริงไม่มีเพ้อฝัน การขับเคลื่อนนโยบายโดยเร็วที่สุดหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เรื่องแรกที่จะมีการขับเคลื่อนเลยคือ โปรฟิต-แชริ่ง การแบ่งกำไรอย่างเป็นธรรม และไม่ขอออกความเห็นว่าพรรคใดมีนโยบายขายฝันบ้าง เชื่อประชาชนรู้ดีว่าเรื่องอะไรเป็นยาพิษ เรื่องอะไรเป็นยาชูกำลัง จากการรับรู้ข่าวสารประชาชนสามารถตัดสินใจพิจารณาเรื่องนี้ได้เองว่าควรจะเลือกพรรคใด
 



          จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ บอกว่า ไม่ขอวิจารณ์พรรคอื่น แต่ขอเรียนว่านโยบายทั้งหมดของพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่เพ้อฝันและทำได้จริง เนื่องจากหลายนโยบายพรรคเคยทำมาแล้ว และครั้งนี้เป็นการต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น ด้วยงบประมาณที่มีมากขึ้น สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น เพราะฉะนั้นทุกอย่างทำได้จริงหมด ขอยืนยันว่าทำได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต ทั้งหมดนี้สามารถทำออกมาเป็นรูปธรรมได้อย่างชัดเจนและเมื่อถึงเวลาประชาชนตรวจสอบได้แน่นอน
 

          ปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ ก็ได้ใช้วิธีการเดินทางไปในทุกพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหา หลังจากนั้นก็นำมาวิเคราะห์วิจัยงานทางวิชาการสนับสนุน มีนักวิชาการ มีเอ็นจีโอ ที่เข้ามาร่วมจัดทำนโยบาย เสร็จแล้วก็ไปศึกษาตัวแบบจากต่างประเทศ ทั้ง 3 กระบวนการนี้ได้ถูกแบ่งออกมาเป็นนโยบาย โดยตั้งฐานจากวิสัยทัศน์ก่อนว่าเราอยากเห็นอนาคตประเทศไทยเป็นแบบไหน ซึ่งได้กรั่นกรองออกมาเป็นไทยสองเท่า คือ คนไทยเท่าเทียมกันเพื่อนำประเทศไทยไปเท่าทันโลก และออกมาเป็นนโยบาย 12 นโยบายหลัก โดยมีนโยบายเฉพาะกลุ่มอีก 10 กว่าตัว ยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีทางที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นพรรคที่ทำนโยบายเพ้อฝันได้เลย เพราะเราเพิ่งตั้งพรรค ยังไม่เคยมีโอกาสเข้าไปเป็นรัฐบาล
 

          การใช้ภาษีประชาชนไปกับคำว่าแจกเงิน คำว่าประชานิยม มีความเหมาะสมหรือไม่
 

          จุรินทร์ กล่าวว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นอุดมการณ์นิยม เพราะมีฐานที่มาจากอุดมการณ์ของพรรคทั้งหมด 10 ข้อ ที่เป็นคำประกาศ ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคเมื่อ 2489 ทั้งหมดนี้ได้ถูกแปลงมาเป็นนโยบาย และผ่านรัฐบาลมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งหมดเราเคยทำมาแล้วและก็ทำมาได้จริง
 

          กอบศักดิ์ ระบุว่า เงินที่เราให้ไปในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็เพื่อช่วยเหลือให้เขาอยู่ได้ แต่หัวใจสำคัญคือนโยบายของพลังประชารัฐมองทะลุว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาหนักของประเทศไทย ซึ่งเกิดมาจากความเชื่อแต่ก่อนที่เราต้องช่วยให้เจ้าสัวรวยก่อน แล้วรายได้จะกระจายลงมาช่วยให้ชาวบ้านดีขึ้นเอง แต่รอมา 40 ปี ไม่เคยไปถึงชาวบ้านเลย ตอนนี้จึงคิดว่าต้องเริ่มใหม่ ทำให้เกิดความเข้มแข็งจากฐานราก เราต้องทำให้ชาวบ้านลุกขึ้นมายืนได้ ซึ่งตรงนี้จะเป็นนโยบายระยะยาวที่ทำควบคู่ไปกับการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ประชาชน เพื่อเป็นตาข่ายรองรับไม่ให้เขาเกิดปัญหาในชีวิต ซึ่งหากใช้ภาษีก็ไม่ได้ใช้มาก
 

          ปิยบุตร บอกว่า หลังๆ คำว่า ประชานิยม ได้ถูกทำให้กลายเป็นคำที่น่ากลัวไปหมด เอาจริงๆ ทุกพรรคการเมืองที่ลงแข่งขันในการเลือกตั้งต้องทำนโยบายที่สนองต่อความต้องการของประชาชนออกมาอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ทำเพื่อประชาชน ไม่ให้ประชาชนนิยม อย่างนี้จะให้ใครนิยม จึงเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองที่จะต้องทำ
 

          ศักดิ์สยาม ชี้ว่าปัญหาใหญ่ของประเทศ คือเรื่องความยากจนและหนี้สิน เพราะว่าโครงสร้างในการประกอบอาชีพของประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบ กฎหมายยังคงไปจำกัดสิทธิบางอย่างอยู่ วันนี้เรื่องของการใช้เงินเพื่อที่จะเป็นสวัสดิการ ต้องถามสองเรื่องก่อน คือ 1.มีการตรวจสอบชัดเจนหรือไม่ว่าเป็นผู้ด้อยจริงๆ 2.งบประมาณของทางราชการมีเพียงพอหรือไม่ พรรคมองว่าต้องไปแก้ที่ต้นเหตุ ทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมในการทำงาน เช่น การกำหนดราคาสินค้าเกษตรที่ไม่เป็นธรรม ของพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด ข้าว ยาง มัน อ้อย ปาล์ม มีแค่อ้อยอย่างเดียวที่ออกพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาล ซึ่งปัญหานี้แก้ได้ง่ายมากไม่จำเป็นต้องเอางบประมาณไปแทรกแซง เพราะสามารถใช้โครงสร้างของพ.ร.บ.อ้อยน้ำตาลที่มีกับพืชอีกสี่ตัว แบ่งกำไรที่เกิดขึ้นให้แก่เกษตรกรได้ เพราะสิ่งสำคัญคือต้องทำให้ประชาชนแข็งแรง มีรายได้ที่มาจากศักยภาพของตนเอง

 


          นโยบายปากท้องอันเป็นเรื่องสำคัญของประเทศในขณะนี้
          ปิยบุตรอธิบายว่า พรรคมีนโยบายในการปลดหนี้สำหรับเกษตรกรที่ทำเกษตรไม่ไหวแล้ว ส่วนเกษตรกรที่ยังมีศักยภาพในการทำงานอยู่แต่มีหนี้สิน จะมีการปรับโครงสร้างหนี้ให้ ปัญหาที่ดินทำกินในเรื่องที่ทับป่า ป่าทับที่ เราจะเข้าไปยุติการดำเนินคดีเป็นการชั่วคราว และต้องมีการขีดเส้นแบ่งกันใหม่ เอาความคิดเรื่องป่าชุมชนสิทธิชุมชนมาใช้ ให้ใช้ประโยชน์ใช้สอยร่วมกัน เรื่องสวัสดิการเรามีนโยบายคือเด็กแรกเกิดเราจะมีเงินอุดหนุนเลี้ยงดูบุตร 1,200 บาทต่อเดือน เยาวชนอายุ 18-22 ปี จะมีเงินเดือนให้เดือนละ 2,000 บาท อย่างน้อยที่สุดเขาจะได้มีโอกาสเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาโดยไม่ต้องกู้กยศ.
 

          ศักดิ์สยามบอกว่า พรรคบอกมาตลอดว่าปัญหาใหญ่ของประเทศคือเรื่องความยากจนและหนี้สินของประชาชน ซึ่งเรามองกลุ่มใหญ่ที่สุดคือเกษตรกร ในการปลูกพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด พืชไม่ได้มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่กลไกการกำหนดราคา ซึ่งไม่มีกฎหมายมารองรับให้เป็นธรรม มีตัวเดียวที่ทำก็คืออ้อย ที่เป็นการแบ่งปันกำไรอย่างเป็นธรรม ซึ่งเราจะมาทำเรื่องนี้ให้พืชเศรษฐกิจทุกตัว จะส่งเสริมให้มีการใช้เอทานอล ไบโอดีเซล ให้เต็มรูปแบบ เป็นการประหยัดเงินที่จะไปซื้อปิโตรเลียม และสามารถส่งออกได้ เรื่องหนี้กยศ.ที่มีปัญหา ซึ่งจะปรับโครงสร้างให้ ดอกเบี้ยต้องไม่มี เบี้ยปรับต้องไม่มี ผู้ค้ำประกันก็ไม่ควรมีแล้วเพราะเป็นการลงทุนเพื่อการศึกษา สิ่งสำคัญคือระยะเวลาในการชำระคืนต้องยาว เวลาปลอดหนี้ต้องเพิ่ม จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนฟรีด้วยระบบออนไลน์ และความเท่าเทียมในเรื่องของสุขภาพ ที่จะยกระดับ อสม.
 

          จุรินทร์ ยืนยันว่าเรื่องปากท้องคือการแก้จนของพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งต้องเพิ่มรายได้ สองต้องลดรายจ่าย สามต้องแก้หนี้ สี่ต้องเพิ่มเงินเก็บหรือเงินออม จึงจะแก้จนได้ ซึ่งพรรคมีนโยบายที่จะประกันรายได้ทั้งข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด และก็อ้อยที่จะมีระบบการบริหารจัดการอีกแบบหนึ่ง จะมีกองทุนน้ำชุมชนเพื่อให้เกษตรกรสามารถจัดการแหล่งน้ำในชุมชนไว้ใช้ทำเกษตรได้ ผู้ใช้แรงงานจะประกันรายได้ 120,000 บาทต่อปี พรรคจะไม่เลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่จะปรับวิธีการให้ดีขึ้น จะให้เป็นเงินสดสามารถไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในหมู่บ้านในตำบลได้ที่ไม่ใช่แค่ร้านธงฟ้า โดยจะเพิ่มเงินให้เป็น 800 บาทต่อคน สำหรับคนจน ส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มเบี้ยยังชีพเป็น 1,000 บาท และอสม.ก็จะเพิ่มเป็น 1,200 บาท ส่วนการลดรายจ่ายก็คือ เรื่องของสวัสดิการต่างๆ เช่น เรียนฟรี เกิดปั๊บรับแสน โดยเดือนแรกเราจะให้ 5,000 บาท ต่อไปจะอยู่ที่เดือนละ 1,000 บาท ไปจนถึงอายุ 8 ขวบ เพื่อให้แม่มีเงินไปซื้ออาหารครบสามมื้อ
 

          กอบศักดิ์บอกว่า  นโยบายที่พรรคจะทำมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วน เรียกว่าการสานต่อสิ่งที่ดีๆ อยู่ในขณะนี้ การแก้ไขในสิ่งที่พลาดพลั้งไป และเรื่องของการเพิ่มเติม เรื่องปากท้องอย่างเช่น บัตรประชารัฐ เราขยายผลต่อแน่นอน เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เรื่องบ้านล้านหลังที่จะทำ เพราะมองว่าคนจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีบ้าน ทำเรื่องการอุดหนุนชาวนาว่าจะทำอย่างไรให้เขาได้รับรายได้ที่เหมาะสม แต่เราจะไม่จำนำเกินราคา แต่จะจำนำในราคาที่เหมาะสม แต่ส่วนที่เหลือก็อุดหนุนชาวนาไป เช่น ค่าเก็บเกี่ยว รวมถึงเรื่องการปลูกไม้มีค่า เราจะสานต่อเรื่องนี้ที่เพิ่งมีพ.ร.บ.ออกมา รวมถึงนโยบายหาบเร่แผงลอยที่ตึงเกินไป จะมีการดำเนินการผ่อนผันในเรื่องนี้ให้หากได้กลับเข้าไปเป็นรัฐบาล จะมีการจัดทำนโยบายมารดาประชารัฐเพื่อแม่และเด็ก การทำเรื่องส.ป.ก. 4.0 ให้สามารถโอนย้ายสิทธิ์ได้ พร้อมเพิ่มมูลค่าเมื่อนำไปค้ำประกัน

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ