ดราม่าสั้น ศิลปะยาว คอมเม้นท์อมตะ
ผลงานชิ้นนี้ของ "ชุบ นกแก้ว" จักได้รับการพูดถึง และอยู่คู่โลกศิลปะไปตลอด แต่สำหรับฝุ่นควัน ขอให้มันจบสิ้นซะที
และแล้ววันนี้ ดราม่า “ยักษ์สวมหน้ากาก” วัดอรุณฯจบลงภายในเวลาอันรวดเร็ว สมใจกองเชียร์งานศิลป์โดนๆ
หลังจากที่ “ชุบ นกแก้ว” ช่างภาพฝีมือรางวัลระดับโลก และผู้ก่อตั้ง Chubcheevit studio ได้โพสต์ชุดรูปภาพของรูปปั้นยักษ์ตามสถานที่ต่างๆ ของบ้านเมืองเรา สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง PM2.5
แน่นอนที่ภาพชัดดังกล่าว จะได้รับการส่งต่ออย่างแพร่หลาย ซึ่งส่วนใหญ่กระแสตอบรับค่อนข้างชื่นชมกับความคิดสร้างสรรค์
ดราม่าสนั่น สั้นแต่เร้าใจ
แต่แล้วไม่นาน ใครเลยจะคาดคิดว่ายุคสมัยแห่งไทยแลนด์ 4.0 เรื่องนี้กลับกลายเป็นของร้อน เพราะยังมีกลุ่มคนที่มองในแง่มุมที่ละเอียดอ่อน จนเกิดเป็นดราม่าไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์
และด้วยความที่โลกโซเชียลไปเร็วและแรง ปรากฏว่า ต่อมาได้เกิดกระแสข่าวว่า เจ้าของผลงานกำลังจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
จนเกิดการส่งต่อข่าว และมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในเฟซบุคของเจ้าของภาพ Chub Nokkaew ที่มีผู้ติดตามมากถึง 38,394 คน ก็มีแฟนคลับเข้าไปให้กำลังใจกันล้นหลาม
เช่น "ใส่หมอกควันเพิ่มใช่มั้ยคะ ถ้ามองดูเป็นศิลปะก็ดีค่ะ แต่ถ้ามองดูอีกทีนึง ถ้าคนที่ไม่ได้เข้าใจว่าเป็นภาพตกแต่งเกินจริงกว่าสถานการณ์ แล้วแชร์กันไปในหลายประเทศ อาจกลายเป็นว่าสถานกาณ์หมอกควันบ้านเราเลวร้ายจนกระทบกับภาพลักษณ์ของบ้านเราได้เหมือนกันนะคะ #มองหลายมุม"
" ศิลปะไม่ต้องการความเข้าใจ แต่มันคือความรู้สึก"
"คนที่ดราม่าก็คิดได้เนอะว่าเอาหน้ากากขึ้นไปติด แสดงว่าพี่ชุปรีทัชได้ขั้นเทพจริงๆ คนพวกนั้นถึงอิน 5555"
ก็ไม่รู้เพราะกระแสที่เห็นแย้งกับการเอาผิดศิลปินด้วยหรือไม่ ปรากฏว่าที่สุดเรื่องจึงจบลงด้วยดี
โดยเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ข่าวรายงานว่าที่สุดแล้วเรื่องนี้ ยังไม่ได้ถึงขั้นแจ้งความ หากแต่เป็นการที่ทางวัดได้ประสานไปยัง เจ้าหน้าที่สน. บางกอกใหญ่ เรียกเข้าพบเพื่อซักถามเท่านั้น
ภาพจากเฟซบุค chub nokkaew
และหลังจากที่มีการพูดคุยโดยฝ่ายชุบก็ยอมรับผิดจริงจึงได้เข้าชี้แจงกับกองงานเจ้าอาวาส วัดอรุณฯ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางกอกใหญ่ เข้าร่วมรับฟัง
ที่สุดก็ลงเอยด้วยดี โดยงทางวัดก็ให้อภัย ทางศิลปินก็มีการขอขมากันไปจึงถือเป็นอันจบ ด้านตำรวจก็ทำการสอบสวน และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สำหรับสาเหตุที่ทางวัดดำเนินการนั้น ก็เหตุเนื่องมาจากทางวัดอรุณฯ ได้เห็นโพสต์ของตนแล้วเข้าใจผิด ไปว่าภาพดังกล่าวนั้นเกิดจากการลักลอบปีนรูปปั้นขึ้นไปสวมหน้ากาก
ภาพจาก เฟซบุค chub nokkaew
ที่น่าดีใจกับทุกฝ่ายคือ ฝ่ายหลวงพี่เองก็กลับชื่นชมผลงาน เพราะไม่คิดว่าจะสามารถตัดต่อได้เนียบขนาดนี้ ว่ากันว่ามีการขอให้เจา้ของภาพช่วยแนะนำขั้นตอนการทำภาพดังกล่าวขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนเข้าใจด้วยว่าเป็นมาอย่างไร จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิด
สำหรับมูลเหตุที่สร้างภาพชุดนี้ขึ้นมาเจ้าตัวระบุไว้ในโพสต์ต้นฉบับว่า "P M 2 . 5 3 - 2 -1 9 B a n g k o k T h a i l a n d"
“จริงๆ ฝุ่นที่มองไม่เห็น เขาบอกว่ามันอันตรายมากเมื่อสูดดมเข้าไป แต่ผู้คนตามท้องถนนกับไม่ค่อยมีใครใช้หน้ากากอนามัยป้องกันกันเลย”
ทั้งนี้เจตนาก็เพื่อให้ผู้คนหันมาใส่ใจถึงเรื่องฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 กันมากขึ้น
โดยฝ่ายศิลปินอย่างชุบ ยังออกมาโพสต์ตอนหนึ่งว่า "งดดราม่านะครับจบแบบนี้ประเทศไทยน่าอยู่กว่าที่เราคิดเยอะเลย"
ชาวเน็ต ผู้ทรงอิทธิพล
อย่างที่ว่า ศิลปะยืนยาว เชื่อว่าผลงานชิ้นนี้ของ “ชุบ นกแก้ว” จักได้รับการพูดถึง และอยู่คู่โลกศิลปะไปตลอด เมื่อใดที่เราคีย์ชื่อของเขาในโลกออนไลน์ เราก็จะเห็นผลงานของเขาเสมอ
หากยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยาวเป็นอมตะไม่แพ้กัน ก็คือ ข่าวคราวในโลกออนไลน์กับกระแสสังคมที่เกิดขึ้น
อย่างเคสของ “ชุบ นกแก้ว” ยังทำให้มีชาวเน็ตนึกถึงเคสที่มีลักษณะคล้ายกันมาก และเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปีก่อนนี่เอง นั่นคือกรณีที่ มีผู้เผยแพร่ภาพวาดสามกษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ สวมใส่หน้ากากอนามัย (อ่าน แจ้งจับ!! มือโพสต์ภาพ'สามกษัตริย์'สวมหน้ากาก http://www.komchadluek.net/news/crime/318592)
ราวช่วงเดือนมีนาคม 2561 คงจำกันได้ หนนั้น เป็นข่าวใหญ่ว่าผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเชียงใหม่ถึงขั้นให้มีการนภาพำหลักฐานดังกล่าว เข้าแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีมีผู้เผยแพร่ภาพวาดสามกษัตริย์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ สวมใส่หน้ากากอนามัย โดยชี้ว่าเป็นการลบหลู่ ไม่เคารพ และกระทบต่อจิตใจคนเชียงใหม่
ตอนนั้น กระแสสังคมก็ถล่มไปที่ผู้ใหญ่ เพราะหลายคนก็มองว่านี่ก็คืองานศิลปะชิ้นหนึ่งที่สะท้อนสภาพสังคมในขณะนั้น อย่างที่รู้กันว่า เมืองเชียงใหม่ก็มีฝุ่นควันน้อยเสียที่ไหน
น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำภาพชุดนั้นมานำเสนอ หากแต่ข่าวระบุว่า ภาพนี้่ปรากฏภาพในสื่อโซเชียลเฟซบุค “City Life Chiang Mai” ที่ได้เผยแพร่ภาพวาด พญามังราย พญางำเมือง และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อดีตพระมหากษัตริย์ไทย 3 พระองค์ผู้สร้างเมืองเชียงใหม่ โดยมีหน้ากากสวมปิดพระพักตร์ทั้ง 3 พระองค์
และมีข้อความเป็นภาษาไทยว่า “มาร่วมกันเอาอากาศของเราคืนมา” และข้อความเป็นภาษาอังกฤษที่สรุปได้ว่า เป็นผลงานของเด็กคนหนึ่ง
แน่นอน ช่วงนั้นก็เกิดกระแสสองด้านทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยนอกจากมุมของชาวเชียงใหม่ที่ต้องรับฟัง เพราะต่างมองว่า เป็นการไม่เหมาะสมไม่ควรเผยแพร่ เป็นการลบหลู่-ล้อเล่นกับความรู้สึกของชาวเชียงใหม่ และการนำภาพดังกล่าวมาเผยแพร่ออกสู่สาธารณะชน ยังทำลายภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงอีกด้วย
ส่วนประเด็นที่สังคมคัดค้านไม่ให้เอาผิดทางกฎหมายกับเด็กเจ้าของภาพ หลายคอมเม้นท์ เช่น
"ดูที่ความหมายดีกว่าไหมคับ"
“เด็กวาดภาพได้สวยงามมากๆ ควรชมเชยนะคัฟ”
“ในฐานะผมเป็นคนจีนที่อยู่เชียงใหม่มาผมเห็นกับภาพนี้ด้วยเพราะมันคือเรื่องจริง”
"เมืองนอกเขาใส่หน้ากากให้จริงๆเลยไม่ต้องมาวาดรูป ประเทศไทยล้าหลัง ไม่พัฒนา"
ก็ประมาณอย่างนี้ เรายังคงหาอ่าน หาเสพ ชื่นชม และคอมเม้นท์ได้ทุกเมื่อ อมตะยิ่งกว่าอะไรในโลก
และที่สุด ทางผู้ใหญ่ของจังหวัดจึงออกมาแจงว่า เป็นการฟ้องเพจ Citylife Chiang Mai ที่นำภาพออกมาเผยแพร่ต่อเท่านั้น หาได้เอาความกับเด็กไม่
แน่นอนวันนี้ เรื่องราวอาจจบดราม่าสั้นๆ เท่านี้ แต่ปัญหาฝุ่นพิษ เราจะมองข้ามมันไปเหมือนข่าวดราม่าไม่ได้ แม้วันนี้มันอาจจางไปบ้างแล้ว แต่ทางออกของปัญหาจริงๆ อยู่ที่ไหน
อย่าให้ศิลปินทั้งน้อยใหญ่ต้องลุกขึ้นมากระตุ้นกันอีกเลย
//////////////
ขอบคุณภาพจาก เฟซบุค chub nokkaew
ติตดามภาพทั้งหมดได้ที่ลิงค์ด้านล่าง