
พรรคสร้างชาติกับการแยกตัวจากพรรคพลังธรรมใหม่
โดย... ทีมข่าวการเมือง
ในการเลือกตั้ง 2562 ที่ตอนนี้พบว่ามีพรรคการเมืองต่างๆ ราว 104 พรรคแล้วที่แจ้งความเคลื่อนไหวต่อ กกต.นั้น
หลากพรรคทั้งพรรคใหม่ พรรคเก่า พร้อมที่จะลงสนาม แต่บางพรรคใหม่ที่เพิ่งจดตั้งขึ้นมา ก็รอลุ้นว่าจะมีเวลาทันลงสนามในคราวนี้หรือไม่...
ที่น่าสนใจคือ การเคลื่อนไหวของพรรคใหม่บางพรรคนั้น ปรากฏว่าบางส่วนที่เคยร่วมตั้งพรรคพลังธรรมใหม่ ช่วงปลายปีที่แล้ว แยกตัวมาร่วมสร้าง “พรรคสร้างชาติ”
พรรคพลังธรรมใหม่นั้น คือพรรคที่ใช้รากเหง้าของพรรคพลังธรรมมาขับเคลื่อนต่อในรูปแบบใหม่ และมีแกนนำพรรคที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาในเวทีการเมืองภาคประชาชนในช่วงที่ผ่านมา แต่บางส่วนที่แยกมาและมีการประชุมผู้ร่วมจัดตั้ง "พรรคสร้างชาติ”
24 ธันวาคม 2561 จ.นครราชสีมา มีผู้มาประชุมจากพื้นที่ใกล้เคียง 543 คน แกนนำพรรคบอกสังคมว่า พรรคนี้สร้างโดยประชาชนเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง และยื่นขอจดทะเบียนตั้งพรรคกับ กกต. ไปช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ที่มาที่ไปของการแยกตัวออกมาเพื่อสร้างพรรคในอุดมการณ์ทางการเมืองที่ฝันใฝ่นั้น ดร.วีรพจน์ ลือประสิทธิ์สกุล รองหัวหน้าพรรคสร้างชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนเดือนตุลา ได้อธิบายถึงการลงสนามในคราวนี้
“สองถึงสามปีก่อน พรรคพวกมาชวนให้ร่วมตั้งพรรคพลังธรรมใหม่ โดยเชิญหลายฝ่ายมาร่วมกัน แนวคิดของพวกเราวันนั้นตรงกัน แต่อาจจะมีรายละเอียดบางส่วนที่ไม่เหมือนกันบ้าง พวกเราหวังตั้งพรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนแบบแท้จริง โดยใช้วิธีให้แต่ละหมู่บ้านรับสมัครสมาชิกพรรคและคัดเลือกแกนนำระดับหมู่บ้านเป็นตัวแทน จากนั้นให้เสนอไปให้สมาชิกพิจารณาระดับตำบล, อำเภอ, จังหวัด และสมัชชาพรรค เพื่อเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่ชาวบ้านในพื้นที่มีส่วนคัดเลือกแบบแท้จริง เพราะว่าที่ผู้สมัครจะรู้ปัญหาของแต่ละพื้นที่ในเขตเลือกตั้งของตัวเอง
การที่ดำเนินการแบบนี้ ประชาชนตอบรับเยอะทั่วประเทศ มีสมาชิกหลายพันคนนะเพราะเป็นการทำงานแบบจิตอาสาที่หวังการเมืองแบบอุดมการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ ต่อมาในช่วงต้นไตรมาสที่สี่ของปีที่แล้ว ผู้บริหารพรรคบางคนในพรรคไม่แจ้งกำหนดการและบทบาทของพรรคที่แน่ชัดต่อที่ประชุม รวมทั้งมีบางเรื่องที่ทำไปแบบไม่ทำตามธรรมนูญของพรรค มีการไปพูดคุยหลายครั้งว่าวิธีที่ทำนั้นไม่เหมาะสมและควรลาออกเพื่อเปิดทางให้มีการเลือกผู้บริหารพรรคชุดใหม่ แต่มีการรับปากแล้วไม่ดำเนินการ พวกผมจึงมาหารือกันว่าแบบนี้ไม่ตรงตามเจตนาที่แจ้งกันไว้ และอึดอัดกับวิธีที่ผู้บริหารพรรคดำเนินการ จึงทยอยลาออกจากพลังธรรมใหม่ และหวังตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา
พวกผมมองว่าแยกตัวออกมาดีกว่าอยู่ด้วยกันแล้วรบกันเอง ทำแบบนั้นเสียเวลา พวกผมไปหารือผู้ใหญ่ทางการเมืองและผู้ใหญ่ที่เป็นนักคิดชั้นนำของสังคมไทย เช่น สุลักษณ์ ศิวรักษ์, ชัชวาลย์ ชมภูแดง อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ดหลายสมัย หรือแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เช่น รสนา โตสิตระกูล, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โดยพวกท่านเหล่านี้แสดงความตั้งใจที่จะช่วยสนับสนุนพรรคสร้างชาติ"
การประชุมผู้ร่วมจัดตั้ง "พรรคสร้างชาติ” และยื่นต่อ กกต.ช่วงหลังปีใหม่เพื่อขอจดทะเบียนตั้งพรรค หวังว่าหากมีการเลือกตั้งช่วงปลายเดือนมีนาคม(24มี.ค.) พวกเราลงสมัครได้ทัน เราจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ในบางเขตและส่งแบบปาร์ตี้ลิสต์ พรรคได้ทาบทามบุคคลที่มีชื่อในพื้นที่เเละระดับชาติที่ผ่านการคัดเลือกของพรรคไว้ว่าให้ลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคสร้างชาติด้วย รวมทั้งม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ที่เป็นเลขาธิการพรรค ก็จะลงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ด้วย
"ผมขอชี้แจงว่า 1.พรรคสร้างชาติเป็นที่รวมของคนตั้งใจที่จะสร้างพรรคการเมือง จากฐานการมีส่วนร่วมของมวลสมาชิก ให้เป็นความหวังที่พึ่งพาได้ของประชาชน มิใช่จากกำลังเงินของผู้ที่จะใช้พรรคการเมืองเป็นทางผ่านเข้าสู่อำนาจ ซึ่งมีอยู่ดาษดื่นในเวลานี้ 2.นโยบายของพรรคในสามด้านหลักคือ สร้างชาติด้วยอุดมธรรม 5 ยุติธรรม จริยธรรม นิติธรรม มนุษยธรรม คุณธรรม, ลดเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมยุติธรรม และกำจัดการทุจริตคอรัปชั่นและการผูกขาดตัดตอน
3.ผมและคณะออกจากพรรคพลังธรรมใหม่ มาร่วมสร้างพรรคสร้างชาติ เพราะ จุดมุ่งหมายยังคงเดิม เส้นทางเดินยังไม่เปลี่ยน แค่เปลี่ยนยานพาหนะ ที่จะพาไปถึงจุดหมายเท่านั้น รวมทั้งยังต่อสู้ด้านความเป็นธรรมทางระบบการเงิน ระบบพลังงานของประเทศที่วันนี้ยังไม่เอื้อกับคนยากจนที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ”
รอดูว่าพรรคสร้างชาติจะลงสนามในคราวนี้ได้หรือไม่ และชาวบ้านจะสนับสนุนพรรคนี้เพียงใดกับการหย่อนบัตรในคราวนี้และคราวหน้า...
ผู้บริหาร "พรรคสร้างชาติ”
หัวหน้าพรรค ดร.รัตนาภรณ์ ธรรมโกศล
รองหัวหน้าพรรค พล.อ.ปกิตน์ สันตินิยม
รองหัวหน้าพรรค ร.ต.ภูวิช จงชาณสิทโธ
รองหัวหน้าพรรค ดร.วีรพจน์ ลือประสิทธิ์สกุล
เลขาธิการพรรค ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี
นายทะเบียนพรรค นางประทิน สังข์ทอง
เหรัญญิก ดร.ดาวเรือง พัฒนวิบูลย์
โฆษกพรรค ดร.บุญชิรา ภู่ชนะจิต
และกรรมการอื่นๆ รวม 37 คน