คอลัมนิสต์

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด" สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ดูจบหรือยังเอ่ย เอางี้นะ จะเล่าให้ฟังสั้นๆ ซีรีส์เรื่องนี้สอนเรื่องเพศให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องสามัญธรรมดาของมนุษย์โลก" คอมเม้นท์หนึ่งว่าไว้ดังนี้

          โดนด่าแต่ “ได้” หรือคิดว่าได้ แต่ “ไม่โดน” กันแน่ สำหรับเคสที่ “พรรคพลเมืองไทย” เปิดฉากขอให้ปลดป้ายโฆษณาซีรีย์ “Sex Education” ที่กำลังออกอากาศทาง Netflix ออกไปจากที่สาธารณะ!

          เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงวันที่ 21 .. ที่ตัวแทนพรรคพลเมืองไทย โดย ธวีพงษ์ สิทธิธัญกิจ และกลุ่ม “พลังผู้หญิงเพื่อพลเมืองไทย” ว่าที่ผู้สมัคร ส..กทม. ได้เข้าร้องต่อคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ปลดป้ายโฆษณาหนังยั่วยุทางเพศของ Netflix

          โดยพรรคระบุประมาณว่า ซีรีส์เรื่องนี้ในชื่อไทยที่ว่า “บทเรียนฉบับเร่งรัก” นั้น มีการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ อย่างกว้างขวาง รวมทั้งขึ้นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่บริเวณทางสาธารณะข้างทางด่วนพระราม 9 และทางด่วนจากอุรุพงษ์ ไปแจ้งวัฒนะ

          “ทางพรรคมองว่าป้ายนี้เชิญชวนให้ผู้คนเข้าเป็นสมาชิก จากการนำเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม สามารถจูงใจผู้คนได้โดยง่าย เด็กและเยาวชนก็ดูได้”

          และเมื่อเข้าไปดูเนื้อหาของภาพยนต์แล้วยังพบว่าเนื้อเรื่องมันไม่เหมาะสม จนเกรงว่าเด็กและเยาวชนไทยจะถูกยั่วยุได้ จึงขอให้ กสทช.ปลดป้ายโฆษณาที่จูงใจและยั่วยุดังกล่าวออกทันที

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

 เจตนาไม่โดนใจ

          ปรากฏว่าเรื่องนี้กลายเป็นกระแสต่อต้านไปยังพรรคพลเมืองไทยมากมายจากชาวเน็ตและสังคมไทยอย่างร้อนแรง เช่นว่า

          "ที่เขียนมารู้เลย คุณดูไม่จบทั้ง Season แน่ๆ เพราะถ้าคุณดูจบ คุณจะหลงรัก Serie เรื่องนี้ คุณจะสรุปได้ว่า ซีรี่ย์เรื่องนี้ให้ข้อคิดดีๆ มากกว่าเรื่องเสียๆ ช่างน้ำหนักได้เลยว่าข้อดีมันมีเยอะกว่าจริงๆ โดยเฉพาะเรื่องการเลี้ยงดูลูก ตัวอย่างของพ่อแม่ที่เปิดรับฟังลูกๆ และการอยู่ร่วมกันของสังคม และ บทเรียนข้อคิดต่างๆ ของการดำเนินชีวิตของวันรุ่น และอีกหลายๆ อย่างที่มีให้คิดทุกตอน"

          "ดูจบหรือยังเอ่ย เอางี้นะจะเล่าให้ฟังสั้นๆ ซีรีส์เรื่องนี้สอนเรื่องเพศให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องสามัญธรรมดาของมนุษย์โลก และสอนความเข้าใจถึงการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง และหากไม่ได้คุมกำเนิดและปล่อยให้ท้องไม่พร้อมจะเกิดผลเสียอะไรที่ตามมาบ้าง รวมถึงบทเรียนด้านเพศที่วัยรุ่นควรทราบ การเปลี่ยนแปลงทางด้านพัฒนาการและอารมณ์ของวัยรุ่น"

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

           หนักๆ เข้าก็มาแบบคอมเม้นท์ต่อไปนี้

          "ตัดออกไป 1 พรรค #บ้าจี้เกิน #กลัวคนไม่จำ?" และ “ขอบคุณที่ช่วยตัดตัวเลือกห่วยๆ ในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ครับ”

          ก็ไม่รู้ว่า เห็นกระแสแล้วตกใจยังไงไม่ทราบ ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน ทางเฟซบุคเพจพรรคพลเมืองไทย ได้อกมาชี้แจงอีกระลอกช่วงค่ำคืนของวันเดียวกัน

         โดยร่ายยาวถึงเจตจำนงค์ 6 ข้อ ต่อเรื่องนี้ ซึ่งกล่าวโดยสรุปว่า ทางสมาชิกพรรคต่างมีความเห็นว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ส่งผลต่อเยาวชนและปัญหาทางสังคม จึงร่วมกันทำเรื่องให้มีการตรวจสอบ

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

          และยังระบุว่า "เนื้อหาของ Sex Education เป็นเนื้อหาชีวิตของเด็กมัธยม ที่รวมตัวกันเสพยา สำส่อนทางเพศ ต้องการทำแท้ง มีภาพลามกอนาจาร มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย"

           “นับว่า เป็นเนื้อหาที่กล้าเปิดเผยในสังคมตะวันตก หากความก้าวหน้าของสังคมไทย เป็นการเปิดกว้างแสดงออกทางเพศเช่นที่มีการนำเสนอจากหนังเรื่องนี้ นับว่า เป็นการท้าทายสังคมไทยอย่างยิ่ง ถ้ามีการซื้อลิขสิทธิ์มาเผยแพร่โดยโทรทัศน์ของบ้านเราอย่างเสรี และมีการพากย์เป็นภาษาไทย เราจะได้เห็นและได้ยินในสิ่งที่คนตะวันตกเปิดเผยทางเพศ ส่วนสังคมไทยจะเป็นอย่างไร"

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

          และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ไม่ว่าจะชี้แจงยังไง ดูเหมือนว่าอามรมณ์ของคนไทยต่อเรื่องนี้จะไปไกลมากแล้ว โดยเฉพาะประเด็นที่พรรคพลเมืองไทยต้องการเน้นย้ำคือ “วัยรุ่นไทยยังไม่พร้อมดูเนื้อหาลักษณะนี้” ซึ่งแทนที่พรรคพลเมืองไทยจะได้รับเสียงตอบรับจากสังคมด้านบวกที่มองเรื่องศีลธรรมจรรยา

          ผลคือตรงกันข้าม คือคนไทยหลายคนมองว่าพรรคนี้หัวโบราณหนักมาก!!

 

ผลพลอยได้ที่วางไว้?

          อย่างไรก็ดี ในลบมีบวก ในบวกมีลบ มุมหนึ่งต้องยอมรับว่า แม้คนไทยมากมายจะบอกตรงกันว่า ไม่กากบาทให้พรรคนี้แน่นอน ค่าที่ทำตัวไม่เข้ากับยุคไทยแลนด์ 4.0! 

          อย่าลืมว่ากระแสตรงนี้ กลับทำให้คนไทยได้รู้กันมากขึ้นว่า ในตัวเลือกหลากหลายพรรคที่จำได้แต่พรรคใหญ่ไม่กี่พรรค เวลานี้ถ้าพูดชื่อ “พรรคพลเมืองไทย” คนไทยได้ยินปุ๊บก็ร้องอ๋อ!

           คงจำกันได้ จากพรรคที่่เปิดตัวตั้งแต่ไก่โห่ ซึ่งคงมีแต่คนที่ตามข่าวการเมืองจริงๆ  หากแต่สำหรับคนรุ่นใหม่ ยากนักที่จะรู้จักกับ "เสี่ยติ่ง” สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์

          เขาคือผู้ก่อตั้งพรรคที่นับว่าเป็นนักการเมืองอาวุโส โลดแล่นในถนนการเมืองมาหลายพรรคทั้ง ประชาธิปัตย์สามัคคีธรรม, ชาติไทย และ ความหวังใหม่ ก่อนจะโยกมาอยู่ ไทยรักไทย และพลังประชาชน

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

          หากในการเลือกตั้งปี 2554 เสี่ยติ่งรับบทแม่ทัพ “พรรคภูมิใจไทย” สายเหนือ แต่ภูมิใจไทย ก็พ่ายทุกสนามในภาคเหนือตอนบน

          เสี่ยติ่งเงียบหายไป หลายคนนึกว่าไม่เอาแล้วการเมือง แต่ที่สุดรอบนี้เขากลับมาและแท็คทีมกับ เอกพร รักความสุข อดีต ส..สกลนคร เพื่อปลูกสร้างพรรคใหม่ด้วยกัน

          แต่วันนี้ พลพรรคคงนั่งดีดลูกคิดแล้ว เปิดตัวแค่นี้ยังไม่พอสำหรับการเมืองยุคนี้ ว่าแล้วช่วงตุลาคมที่ผ่านมา จึงจัดใหญ่ด้วยการเปิดตัวกลุ่มพลังหญิงของพรรค

          โดยช่วงวันที่ 21 .. 2561 พรรคพลังพลเมืองไทย (ยังคงชื่อใช้พลังพลเมืองไทย) จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 2 เพื่อเลือกคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค

          แต่ไฮไลท์วันนั้น คือ การเปิดตัวทีมว่าที่ผู้สมัคร ส..หญิงในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายใต้สโลแกน “Female for Bangkok” ซึ่งนำโดย ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ หรือ “กิ๊ฟ” อดีต ส.. กทม. บุตรสาวของเสี่ยติ่งนี่แหละ

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

          กลุ่มนี้ประกอบด้วยผู้หญิงจากหลากหลายอาชีพ ที่ทางพรรคหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็น “จุดขาย” สำคัญในการดึงคะแนนเสียงจากคนกรุงเทพฯ

          ทั้งยังประกาศจะส่งผู้หญิงลงสมัคร ส..ในพื้นที่กรุงเทพฯ 30 เขต ซึ่งเวลานั้นคุยไว้ว่า มีว่าที่ผู้สมัครกว่า 20 คนแล้ว

 ลูกสาวนำทีม

          ถึงตรงนี้ หลายคนจึงมองไปที่บทบาทของบุตรสาวหัวแหวนของเสี่ยติ่ง อย่าง “ศิลัมพา” ขึ้นมาทันที

          คน กทม. คงจำเธอกันได้ดี เพราะช่วงปี 2548 เธอคือผู้ชนะ ส..กทม. พรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 ได้เป็นส..หญิงที่อายุน้อยเพียง 29 ปี คุมเขต 28 (คลองสาน-ธนบุรีเก้าอี้เก่าของ “ปราโมทย์ สุขุม” แห่งพรรคประชาธิปัตย์

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

          ทำงานได้เกือบปี ปรากฏว่าเกิดกระแสไล่ทักษิณ จนต้องยุบสภาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549  จนต่อมาเสี่ยติ่งติดบ้านเลข 109 ยุบพรรคพลังประชาชน แล้วเงียบหายไปจนมามีข่าวว่าย้ายไปพรรคภูมิใจไทย แต่ในการเลือกตั้ง 2554 ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน กระทั่งช่วงปีที่แล้ว มาโผล่ที่พรรคพลังพลเมืองไทยนี่แหละ

          วันนี้ “กิ๊ฟ" ศิลัมพา กลับมาอีกครั้ง ในฐานะ โฆษกพรรคพลเมืองไทย ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อจาก "พรรคพลังพลเมืองไทย" ช่วง ธ.. ที่ผ่านมาด้วยเหตุผลว่ากลัวซ้ำกับบางพรรค

          หากความมุ่งมาดของสาวกิ๊ฟยังคงเดิมที่เคยวางไว้ตั้งแต่ตอนที่เปิดตัวทางการเมืองครั้งแรกในชีวิต คือ “เน้นไปที่พลังของสตรี”

          ตอนนั้นเธอเคยบอกว่าจะใช้ความรู้ทางกฎหมาย มาช่วยนักการเมืองที่เป็นผู้หญิงทั้ง ส.. และ ส..ทำงาน และมีแนวคิดจะรวบรวมนักการเมืองหญิงมาตั้ง “ชมรมสตรี” เพื่อดูแลและร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับสตรีขึ้นมา

          แถมโพรไฟล์ก็ไม่ธรรมดา ที่จบปริญญาโทด้านกฎหมายมาจาก Case Western Reserve University รัฐ Ohio สหรัฐอเมริกา เคยเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาที่สหรัฐอเมริกามาก่อน

          ส่วนประสบการณ์ด้านการเมือง เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้ช่วยดำเนินงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ ตั้งแต่ปี 2543

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

          ขณะที่ช่วงปี 2553 ยังเคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลประชาธิปัตย์อีกด้วย เข้าใจว่าน่าจะมาจากโควต้าภูมิใจไทย ที่บิดาสังกัดอยู่นั่นแหละ ที่เหลือก็เคยทำงานองค์กรชั้นนำในภาคเอกชนมามากมาย

           มาวันนี้ ก็ไม่รู้ว่างานแรกของกลุ่ม ส..หญิงของพรรค ที่บอกว่ามีหลากหลาย ทั้งทนายหญิง วิศวกรหญิง นักวิชาการหญิงมากมาย และเพิ่งเปิดตัวเฟซบุค “กลุ่มพลังหญิงเพื่อพลเมือง” ไม่นาน แค่วันที่ 20 .. ที่ผ่านมา

          รุ่งขึ้นก็ประเดิมงานแรกด้วยประเด็นจี้ให้ปลดป้ายโษฆณาซีรีส์ “Sex Education” ทำเอาชาวบ้านร้านตลาดรุมถล่มอยู่ตอนนี้ แต่มีหรือที่แกนนำจะไม่รู้ว่ากระแสแบบนี้จะนำพาไปทางไหน

 

หาเสียง "ฉบับเร่งรัด"  สไตล์ "พรรคพลเมืองไทย"

 

          นาทีนี้จึงยังเห็นแต่สาวๆ หน้าใสโพรไฟล์หนัก ที่เป็นตัวแทนของกลุ่มออกมาชี้แจงแถลงไขถึงที่มาทีไปของวาระนี้ไปก่อน ตัวจริงอย่างสาวกิ๊ฟยังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆ

          ที่แน่ๆ เปิดตัวกลุ่มวันเดียว เล่นเอาพูดถึงพรรคนี้กันทั่วบางกอกแล้ว... แถมเผลอๆ Netflix อาจต้องมาขอบคุณพรรคพลเมืองไทยด้วยซ้ำ...สิเออ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ