
"ปู" สาวเขมร เล่นกลแปลงร่าง ตั้งบริษัทปริศนาท่าเรือ
คนไทยรู้แล้วว่าดราม่านี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนไว้ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ เรื่องราวของคนตระกูลชินวัตร บอกเลยร้อนแรงไปหลายแว่นแคว้นจริงๆ
ข่าวลือของพี่น้องชินวัตร มาได้เรื่อยๆ วันก่อนพี่ขายบ้าน? มาวันนี้น้องซื้อบริษัท?
ชอตแรกที่ “เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” ประกาศขายบ้านหรูที่หมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลล์ แจ้งวัฒนะ แบบขาดทุนราบ ก็มิเห็นมีใครออกมาคอนเฟิร์มสักแอะ
ชอตสองที่ “ปู ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ไปซื้อหุ้นในบริษัทท่าเรือแห่งหนึ่งที่ซัวเถาโพ้นทะเล ก็ยืนยันจากคนใกล้ชิดว่า ไม่ได้ซื้อเพราะตังค์ถูกยึดหมดแล้ว แต่ขายประสบการณ์และความสามารถ
แถมดราม่ายิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น เมื่อทั้งสื่อจีนและสื่อไทย พากันคุ้ยหาข่าวจนลามไปถึงกัมพูชา !
ภาพจากเพจ กรุงเทพ กรุงเทพ
เส้นสนกลข่าว
อย่างที่รู้ ต้นข่าวมาจากเฟซบุ๊ก “กรุงเทพ กรุงเทพ” เพจเสื้อแดงแจ๋ ที่โพสต์การเดินทางไปเยือนถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษต้นตระกูลชินวัตร ของสองพี่น้อง “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ที่เมืองเหมยเซี่ยน มณฑลกวางโจว ช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา
จากนั้นก็บรรเลงข่าวดีว่าอดีตนายกฯ หญิงของไทยรับเป็นประธานของ บริษัท ซัวเถา อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัลส์ จำกัด หรือ “เอสไอซีที” บริษัทบริหารท่าเรือในเมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศจีน
แน่นอน เรื่องนี้คนไทยย่อมไม่เชื่อง่ายๆ ว่าคนเก่งซัวเถาหมดแล้วหรือไร หรือนี่จะเป็นดีลลวงช่วงหาเสียงเลือกตั้งของพรรคนายใหญ่อะไรสักอย่าง
แต่เมื่อมีการคุ้ยหารอยต่อก็พบข้อมูลว่า เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ฮ่องกง ได้รายงานว่า ช่วงสิงหาคมที่ผ่านมา อดีตนายกฯ หญิงชาวไทย ได้ใช้พาสปอร์ตกัมพูชา เป็นหลักฐานในการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในฮ่องกง (ย่านจิมซาจุ่ย) ซึ่งมีชื่อว่า บริษัท พี.ที. คอร์เปอเรชั่น คอมปานี
ภาพจากเพจ กรุงเทพ กรุงเทพ
ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2561 หรือครบปีพอดีที่ยิ่งลักษณ์บินหายไม่มาฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าวที่ศาลช่วงปี 2560
สื่อไทยเห็นตรงนี้ ก็คุ้ยต่อจนพบว่า บริษัท พี.ที.คอร์ปอเรชั่นฯ ซึ่งยังไม่เปิดเผยว่าทำธุรกิจประเภทใดในฮ่องกง หากแต่ในไทย ก็มีบริษัทชื่อเดียวกันนี้ที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ พินทองทา คุณากรวงศ์ และ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งแน่นอนว่าเป็นที่มาของ “พี.ที”
และสถานะของ พี.ที.คอร์ปอเรชั่นที่ไทย ก็ไม่ใช่บริษัทห้องแถวไก่กา โดยพบว่าบริษัทนี้จดทะเบียนจัดตั้ง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2524 ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าและดำเนินงานทางธุรกิจ
รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 เมษายน 2561 พานทองแท้ ชินวัตร, พินทองทา คุณากรวงศ์, แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นใหญ่เท่ากันคนละ 30% คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ถืออยู่ 10%
เจาะไส้ในเอสไอซีที
ทีนี้พอกลับมาที่เอสไอซีที ก็แปลว่าหลังจากยิ่งลักษณ์ก่อตั้ง พี.ที. คอร์ปอเรชั่น ได้เพียง 4 เดือน เธอก็เข้ามาบริหารที่เอสไอซีทีต่อทันที
โดยข้อมูลระบุว่าชื่อผู้บริหารของที่นี่ได้เปลี่ยนจาก “หลินต้าฉี” เป็น “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา
สำหรับเอสไอซีทีนั้น ก่อตั้งขึ้นในปี 2537 ทุนจดทะเบียน 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัท ฮ่องกง อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินัลส์ (ซึ่งเป็นหน่วยงานของ บริษัท ฮัทชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ อันมีเจ้าของคือ ลี กา-ชิง เศรษฐีของฮ่องกง) และ สำนักกิจการท่าเรือซัวเถาได้ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา
ภาพจากเพจ กรุงเทพ กรุงเทพ
ปัจจุบันเอสไอซีทีมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท ฮัทชิสัน พอร์ต ซัวเถา จำกัด (ฮ่องกง) 70% และอีก 30% เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ไชน่า เมอร์ชานท์ พอร์ท ดีเวลลอปเม้นท์(เสิ่นเจิ้น) จำกัด และคณะกรรมการสินทรัพย์ซัวเถา
ซึ่งถ้าถามถึงความยิ่งใหญ่ ก็รู้กันดีว่าท่าเรือซัวเถานั้นเป็น 1 ใน 25 ท่าเรือหลักของประเทศตามแนวชายฝั่งของจีนและเป็น 1 ใน 5 ท่าเรือฮับสำคัญในมณฑลกวางตุ้ง
อย่างไรก็ดี หลายคนสะดุดหูกับชื่อ ลี กา-ชิง ผู้ที่เรารู้กันดีว่า เขาคือมหาเศรษฐีลำดับ 2 ของเอเชียรองจาก “แจ็ก หม่า”!
พอถึงตรงนี้ ความซับซ้อนยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะในสื่อไทย และสื่อจีน วิเคราะห์ออกมาแตกต่างกันคนละมุม
ภาพจาก www.scmp.com
ข้างฝ่ายไทยถอดสมการว่า ดีลนี้พี่ชายจัดการให้น้องสาว อย่างที่รู้ว่านอกจากดูไบแล้ว ฮ่องกงก็เหมือนรังนอนรังตายของทักษิณ แล้วคนระดับนี้ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องพบปะเจรจากันเป็นปกติ
จนเมื่อสืบค้นกลับไปก็พบว่า ปี 2550 ทักษิณได้ซื้อบ้านหรูที่ฮ่องกง ราคาราว 945 ล้านบาท บนยอดเขา “วิคทอเรีย พีค” ซึ่งข่าวระบุชัดเจนว่า “ลี กา-ชิง” ได้จองบ้านหลังนี้ไว้เพื่อเป็นเรือนหอให้แก่ลูกชายคนเล็ก ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นของเจ้าพ่อจากเมืองไทยที่ชื่อแม้ว
ดังนั้น การที่ลี กา-ชิง ประกาศวางมือทางธุรกิจช่วงพฤษภาคมปีที่แล้ว และให้ “วิกเตอร์ ลี” ลูกชายคนโตรับไม้ต่อ ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไร้อำนาจ ที่จะขยับสับเปลี่ยนอะไรในเอสไอซีที นั่นเอง
อย่างไรก็ดี หันไปที่สื่อจีน กลับพบว่าพูดอีกอย่าง ซึ่งมุมนี้ฝั่งเสื้อแดงออกมาระบุอ้างบทความของสื่อจีนที่ว่า ยิ่งลักษณ์-ทักษิณก็เหมือนญาติมิตรกับจีน
เพราะนอกจากมีบ้านเกิดของพ่อที่ซัวเถาแล้ว ภาพรถที่ยิ่งลักษณ์นั่งในจีน ก็มีโลโก้ของหน่วยงานรัฐบาลจีนติดอยู่บนรถอีกด้วย
ที่สำคัญสื่อจีนยังระบุว่า ที่จริงแล้วการให้ยิ่งลักษณ์เข้าบริหารท่าเรือครั้งนี้ ยังเพื่อขัดคอ ลี กา-ชิง เพราะอย่างที่รู้ว่าเศรษฐีฮ่องกงรายนี้่มีความพยายามขายหุ้นให้สิงคโปร์ เด็กน้อยของอเมริกา ทั้งๆ ที่สงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกากำลังฟัดกันนัวขนาดไหน
จีนจบ กัมพูชาวุ่น
แน่นอนแม้ว่ามุมหนึ่ง คนไทยพอเดาออกว่า ที่สุดแล้วการเข้ามานั่งในเอสไอซีทีของหญิงปู น่าจะมาทางรัฐบาลจีน มากกว่าทาง ลี กา-ชิง อย่างที่รู้ว่า "ใครใหญ่" ในประเทศนี้
แต่ความซับซ้อนใหม่ที่เกิดขึ้นคือ การที่สื่อจีนไปคุ้ยเจอว่าพาสปอร์ตที่ปูใช้สมัครงานที่นี่ "ออกโดยกัมพูชา" ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ยิ่งลักษณ์จะหนีออกจากไทยทางกัมพูชา ทั้งฝ่ายเขมรปฏิเสธแข็งขันมาตลอด (อ่าน https://www.scmp.com/news/hong-kong/politics/article/2181359/former-thailand-prime-minister-yingluck-shinawatra-does-have?fbclid=IwAR3kRY3bQXui0y_qWPr_yw3v1uYD54jRWLTf8azErMVyS2KFYJYca5sbhxc)
ภาพหนังสือเดินทางยิ่งลักษณ์ที่ออกโดยกัมพูชาจากการแฉของสื่อจีน เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์
ที่สุด เมื่อข่าวนี้กระจายออกมา ปรากฏว่าในสื่อจีนข่าวดังกล่าวก็ปลิวหายไปกับสายลมทันที
ทางหนึ่งแน่นอนเพราะจีนเกรงใจพลเมืองของตนเอง เนื่องจากข่าวที่ยิ่งลักษณ์มานั่งเป็นประธานบริษัทในจีน ย่อมสร้างทั้งกระแสบวกและลบต่อจุดยืนของ “พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน” อยู่แล้ว ดังจะเห็นข่าวว่าโลกโซเชียลของจีนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้หนาหู
ดังนั้น ทางการจีนเมื่อมองทิศทางลมแล้วไม่ดี เลยต้องให้เงียบไปจากหน้าข่าว
ขณะที่อีกทางหนึ่ง ยังเพื่อช่วยมิตรสนิทอย่างกัมพูชาด้วย เพราะเรื่องนี้ทำให้กัมพูชาเหมือนโป๊ะแตกสุดๆ จนกระทั่งต้องเร่งแก้ข่าว เพื่อไม่ให้บานปลายไปมากกว่านี้
โดยช่วงวันที่ 10 มกราคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาออกมาปฏิเสธรายงานของสื่อฮ่องกงดังกล่าวกันพัลวัน ทั้ง พล.อ.เหมา จันดารา อดีต ผอ.กรมข้อมูลประชากรของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา ช่วงที่ยิ่งลักษณ์หนีออกนอกประเทศ ออกมายืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่เคยออกหนังสือเดินทางให้แก่ยิ่งลักษณ์ และตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นของปลอมก็ได้
เช่นเดียวกับ ปาย สีปาน โฆษกคณะรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมารับลูกว่ากระทรวงมหาดไทยได้สืบค้นรายการหนังสือเดินทางที่เคยออกให้แก่ประชาชนแล้ว แต่ไม่พบชื่อยิ่งลักษณ์ เลย
ส่วน ผอ.สถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของราชวิทยาลัยกัมพูชา ระบุว่าสื่อต่างประเทศบางครั้งก็มั่ว และต่อให้ยิ่งลักษณ์ได้หนังสือเดินทางกัมพูชามาจริง มันก็อาจมาจากการสมคบคิดกับเจ้าหน้าที่ทุจริต ที่ออกหนังสือเดินทางให้ยิ่งลักษณ์อย่างลับๆ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองนั่นเอง
ก็ว่ากันไป แต่คนไทยอ่านดูก็รู้แล้วว่าดราม่านี้มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนไว้ตรงไหน แต่ที่แน่ๆ เรื่องราวของคนตระกูลชินวัตร บอกเลยร้อนแรงไปหลายแว่นแคว้นจริงๆ
**********************