คอลัมนิสต์

ปรากฏการณ์ 'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง

ปรากฏการณ์ 'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง

31 ธ.ค. 2561

ปี 2561 ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าละคร "บุพเพสันนิวาส" ของทางไทยทีวีสีช่อง 3 คือทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์

 

 

          ด้วยกระแสออเจ้าจากละครเรื่องนี้โด่งดังกว่าพลุตะไลไฟพะเนียงทั้งหลายแหล่ ติดทำเนียบสร้างปรากฏการณ์แห่งยุค ความดีความชอบของเรื่องนี้ ต้องยกให้ฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์ของผู้ประพันธ์อย่าง “จันทร์ยวีร์ สมปรีดา” หรือนามปาก “รอมแพง” ที่แม้จะเขียนเรื่องนี้เมื่อ 10 ปีมาแล้ว แต่ก็จับจริตคนไทยได้อย่างทะลุทะลวง ปลุกกระแสความเป็นไทยให้กึกก้องในทุกๆ ด้าน 

 

 

          เริ่มจากด้านละครไทย “บุพเพสันนิวาส” ทำสถิติใหม่ด้วยการโกยเรตติ้งถล่มทลายในยุคทีวีดิจิทัล โดยทำเรตติ้งสสูงสุดถึง 17.437 !!! โค่นแชมป์เก่าอย่าง “นาคี” ของช่องเดียวกันไปอย่างขาดลอย และด้วยความสำเร็จนี้ทางผู้จัดค่าย “บรอดคาซท์ เทเลวิชั่น” และผู้ประพันธ์ “รอมแพง” ก็แท็กทีมกันสานต่อด้วยการทำภาค 2 ในชื่อ “พรหมลิขิต” เพื่อให้คนไทยได้ฟินอีกครั้ง ! แต่ก็ต้องรอกันยาวๆ อาจจะต้องนานกว่า 2 ปี ในส่วนของความนิยมในตัวของเหล่านักแสดงเรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะเรื่องนี้ส่งให้พระเอก “โป๊ป” ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ขึ้นแท่นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง 3 ไปอย่างรวดเร็ว ไม่รวมกับพรีเซนเตอร์และงานจ้างต่างๆ ที่ไหลมาเทมา จนตอนนี้ถูกยกให้เป็นเจ้าพ่อพรีเซนเตอร์คนใหม่ไปเป็นที่เรียบร้อย 

 

 

ปรากฏการณ์ \'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง


          ความนิยมในตัวของพระเอกหนุ่มคนนี้สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจนจากที่เวลาไปออกงานต่างๆ จะมีแฟนๆ ไปให้กำลังใจจนได้ฉายา “พี่หมื่นห้างแตก” มาแล้ว 


          มาต่อกันที่นางเอกสาว “เบลล่า” ราณี แคมเปน ที่มีความนิยมอยู่แล้วเป็นทุน แต่การที่ส้มหล่นให้ได้มารับบท “แม่การะเกด” เรื่องนี้ ถือว่าเป็นเหมือนบุพเพสันนิวาสที่พาให้เบลล่ากวาดทุกความนิยม ในทุกๆ โพลล์ที่จัดอันดับ พร้อมทั้งงานพรีเซนเตอร์ที่ไหลมาเทมา และไม่ใช่แค่ความนิยมในไทย เพราะกระแสออเจ้าของเบลล่าเยี่ยมเยือนไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ ทั้ง “ปั้นจั่น” ปรมะ อิ่มอโนทัย, “ปราง” กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล, หลุยส์ สก๊อต, “บิ๊ก” ศรุต วิจิตรานนท์, “โมสต์” วิศรุต หิมรัตน์ ฯลฯ ที่ได้รับความนิยมจากละครเรื่องนี้กันถ้วนหน้า ความนิยมตรงนี้ทำให้ช่อง 3 ที่กำลังอยู่ในช่วงซบเซาฟันรายได้เข้าช่องกว่า 500 ล้านบาท !!

 

 

ปรากฏการณ์ \'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง



          “บุพเพสันนิวาส” ยังขยายวงกว้างมากกว่าแค่ละคร แต่กระจายความเป็นไทยไปในทุกๆ มิติ ทั้งธุรกิจ (การตลาด) สังคมวัฒนธรรม การศึกษา หรือแม้แต่ภาคการเมือง


          ธุรกิจการตลาด  
          โดยเฉพาะโฆษณาที่ต่างพาเหรดโหนกระแสออเจ้าส่ง Real Time Content ออกมาในหลายแบรนด์สินค้า เช่น ชวนออเจ้ากินไก่ทอด, หมูกระทะออเจ้า พูดง่ายๆ ว่าอะไรก็ตามต้องมีคำว่า ออเจ้า ! จนเรียกกันว่า ออเจ้ามาร์เกตติ้งกันไปแล้ว ยังรวมไปถึงการดึง “โป๊ป-เบลล่า” มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยเน้นในเรื่องของการถอดคาแรกเตอร์ในละคร อย่างการนุ่งห่มแบบไทยมาเป็นจุดขาย


          การท่องเที่ยวไม่ต้องพูดถึง เพราะได้ไปเต็มๆ โดยเฉพาะกรุงเก่าอยุธยา คนไทยพากันแต่งองค์ทรงเครื่องย้อนยุค ไปหมดทั้งวัด ทั้งวัง กับการ “ตามรอยออเจ้า” เข้าสู่แดนดินถิ่นประวัติศาสตร์นำพาเม็ดเงินเข้ายังพื้นที่ รวมถึงไปบรรดาร้านขายผ้าไทย ทั้งทั่วไป และออนไลน์ ก็ได้รับอานิสงส์ไปเต็มๆ แม้ขนาดวัยรุ่นยังพากันแต่งองค์ทรงออเจ้าถ่ายรูปเพียบ แชร์โชว์ รู้สึกมีความสุขที่ได้เล่นตามกระแสนี่จึงสะท้อนว่าละครบุพเพสันนิวาสได้สร้างความผูกพันกับคนดูไปโดยปริยาย

 

 

ปรากฏการณ์ \'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง

 


          สังคมวัฒนธรรม และการศึกษา
          กระแส “บุพเพสันนิวาส” นำพาวิถีความเป็นไทยกลับคืนมา ทั้งการกลับมานุ่งซิ่น ห่มสไบไปหมดทั้งแวดวงข้าราชการ และพนักงานสายการบิน หรือกระทั่งเรื่องของวัฒนธรรมการสื่อสารที่ภาษาโบราณอย่างในละครก็ได้รับความนิยม โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ‘หนังสือแนวประวัติศาสตร์’ ได้ความรับนิยมสูงเป็นครั้งแรก แถมยังขยายไปสู่คนรุ่นใหม่อีกด้วย ใครจะนึกว่า “จินดามณี” วางเท่าไรก็ขายหมด !! และในส่วนของการศึกษามีข้อมูลระบุว่าช่วงวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยศิลปากรระบุว่าคณะยอดนิยมที่เด็กต้องการสอบเข้ามากที่สุดปีนี้คือ “คณะโบราณคดี” (คณะเดียวกับนางเอกของเรื่อง)


          การเมือง
          เรื่องนี้ี มีมุมมองของนักวิชาการ ผ่านตัวเลขของ “TV Digital Watch” ช่วง 21 กุมภาพันธ์-29 มีนาคม พบว่าละครออเจ้า ที่กรุงเทพฯ ครองแชมป์เรตติ้งสูงสุด เฉลี่ย 17.535 ขณะที่ภาคอีสานเรตติ้ง น้อยสุดเฉลี่ยที่ 9.418

 

ปรากฏการณ์ \'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง


          โดย กำพล จำปาพันธ์ อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ได้ระบุในมติชนออนไลน์ ออกมาเป็น 4 ประเด็นกว้างๆ แต่ประมวลสรุปได้ว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอีสานเป็นดินแดนที่อยุธยาขยายอิทธิพลเข้าไปไม่ครอบคลุม คนอีสานจึงผูกพันกับฝั่งของล้านช้าง หรือลาว จึงไม่อินกับละครเรื่องนี้ และเนื้อเรื่องของบุพเพสันนิวาส มุ่งเน้นเรื่องราวเหตุการณ์และภาพชีวิตของคนภาคกลาง ไม่มีส่วนที่พูดถึงหรือสัมพันธ์กับชาวอีสานเลย แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวเลข 9.4 ก็ไม่ถือว่าน้อย


          ยังมีมุมมอง จากงานเสวนา “บุพเพสันนิวาส เรียนรู้สู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์" ซึ่งจัดขึ้นวันเดียวกับที่ละครออเจ้าลาจอ 11 เมษายน ที่ผ่านมา

 

 

ปรากฏการณ์ \'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง


          โดยมีผู้ร่วมเสวนาหลายท่าน คือ หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัดละคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด, ศัลยา สุขะนิวัตติ์ ผู้เขียนบทละครโทรทัศน์, ผศ.ดร.สุกัญญา สมไพบูลย์ ภาควิชาวาทวิทยาและสื่อสารการแสดง, ผศ.ดร.ดวงกมล ชาติประเสริฐ ภาควิชาวารสารสนเทศ และ ผศ.มรรยาท อัครจันทโชติ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน โดยผู้ดำเนินรายการคือ ดร.เจษฎา ศาลาทอง


          แต่กับประเด็นสำคัญที่่ว่า ภาคการเมืองควรนำความสำเร็จของละครเรื่องนี้มาส่งต่อทางนโยบายเพื่อก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 ที่หมายถึงอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่ขายได้ทั้งในไทยและเทศอย่างไร


          เรื่องนี้ “อาจารย์แดง” ศัลยา สุขะนิวัตติ์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ได้กล่าวอย่างแหลมคมและอาจจะถือเป็นการ “จับเฉาะ” ต่อมไทยแบบหนึ่ง ว่า "ส่วนตัวกลับคิดว่าสิ่งสำคัญคือทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีความสุข เพราะคนไทยหลายคนไม่มีความสุขอื่นเลยนอกจากละคร เราจึงอยากทำละครให้คนไทยมีความสุขมากเท่าที่จะทำได้ อันนี้น่าจะเป็นเป้าหมายใหญ่ที่เป็นความพอเพียงของเรา ส่วนการที่จะไปถึงต่างประเทศนั่นน่าจะเป็นผลพลอยได้ ถ้าจะขยับละครไทยให้ไปกับนโยบายนี้ เราต้องกลับมาดูตัวเอง ต้องยอมรับว่าเราด้อยในจุดไหน แล้วมันก็มี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวละครที่อยูในวังวนของเนื้อเรื่องเดิมๆ เป็นละครสูตร ทำแล้วมั่นใจว่าขายได้ มีคนดู”

 

 

ปรากฏการณ์ \'บุพเพสันนิวาสประกาศความเป็นไทยทั่วเมือง

 


          พร้อมย้ำว่า แต่การจัดการนี้ไม่ใช่ฝ่ายผลิตละครฝ่ายเดียว มันต้องมี 3 ประสาน คือ ภาคเอกชน ประชาชน และรัฐ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยตอนนี้ภาคประชาชนน่าจะพร้อมที่ดูอะไรที่ตอบโจทย์ของเขามากขึ้นแล้ว ส่วนเอกชน ถ้ามีการประสานงานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเขาก็คงจะสนับสนุน แต่พอมาถึงภาครัฐ รัฐพูดถึงแต่เกาหลีๆๆ จนเป็นเกาเหลาแต่ไม่ทำอะไรเลย จนบัดนี้รัฐทำอะไร รัฐก็ได้แต่พูดถึงละครเรื่องที่ดังๆ ไม่อยากพูดว่ารัฐโหนกระแส ไม่ได้พูดคำนี้ บทเรียนเรื่องเหนือเมฆเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดมาก เพราะฉะนั้นเมื่อไรที่เราจะเขียนเรื่องคอร์รัปชั่นได้ เรื่องโกงทั้งแผ่นดินได้ ถ้าไม่ทำเป็นละครออกมา ความเจ็บปวดมันไม่ชัดเจน มันต้องเจ็บปวดเหมือนกับตอนที่ครูใหญ่โกงเงินไอ้ฟักในคำพิพากษา เพราะฉะนั้นต้องเท่าไร 5.0, 6.0 หรือ 7.0 ถึงจะได้เขียนละครเหล่านี้ แล้วเราจะได้ออกจากคอนเทนต์เดิมๆ (แบบที่ออเจ้าทำได้) เสียที”


          ปรากฏการณ์ “บุพเพสันนิวาส” นี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ในยุคที่คนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่หันมองและนิยมวิถีจากต่างประเทศมากกว่าวิถีในแบบไทย ละครเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จในฐานะละครทีวีเท่านั้น แต่ยังประสบความสำเร็จในสถานะของการเป็นเครื่องมือในการตีแผ่ความเป็นไทยให้ได้รู้ทั่วกันอีกด้วย