
วีรบุรุษชั่วนิรันดร์
จ่าแซมไม่ได้ไปไหนเพราะเขายังคงยืนอยู่ที่หน้าถ้ำหลวงตรงนั้นราวกับจะย้ำเตือนเราว่าอย่าลังเลที่จะทำเพื่อผู้อื่นเพราะนี่คือการให้สูงสุดเขาคือวีรบุรุษชั่วนิวนิรันดร์
ถ้าแก่นแกนของการสร้างอนุสาวรีย์ คือรากเหง้า ความทรงจำ และการสดุดี ซึ่งโดยมากแล้วอนุสาวรีย์ของแต่ละพื้นที่จะบอกเล่าเบื้องหลังประวัติศาสตร์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในพื้นที่นั้นๆ
แต่อนุสาวรีย์จ่าแซมมีมากว่านั้น เพราะเรื่องราวของการเป็นหนึ่งในทีมช่วยเหลือน้องๆ นักเตะและโค้ชทีมหมูป่า อะคาเดมี ที่ติดภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย จนวาระสุดท้ายของชีวิต
เป็นภาพของความรักความเสียสละแม้นตัวตาย ที่ไม่ว่าใครบนโลกใบนี้ เมื่อเห็นอนุสาวรีย์ของจ่าแซมแล้ว ทุกคนจะรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับเหตุการณ์นี้ไปด้วยทั้งหมด
เพราะจ่าแซมคือฮีโร่ที่คนทั่วโลกยอมรับไปชั่วกาล
มาด้วยใจ
อย่างที่รู้ว่านับแต่น้องๆ และโค้ชทีมหมูป่า อะคาเดมี รวม 13 ชีวิต เข้าไปติดอยู่ภายในถ้ำหลวงตั้งแต่ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน 2561
ความยากลำบากในการระดมกำลังเข้าค้นหา ต้องบอกว่าระดับขีดสูงสุด ดังจะเห็นจากการที่ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกต่างพากันมาที่นี่
ด้าน จ.อ.สมาน กุนัน หรือ จ่าเอกแซม เองก็ตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจถ้ำหลวงเช่นกัน ทั้งๆ ที่เขาจะได้ลาออกจากราชการทหารไปแล้วตั้งแต่ปี 2549 โดยขณะนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตระเวนระงับเหตุฝ่ายรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ท่าอากาศสุวรรณภูมิ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
ขณะเดียวกันทางด้านของ “วลีพร กุนัน” หรือ มะเหมี่ยว ภรรยาของจ่าแซมเอง ก็เปิดเผยภายหลังว่า ก่อนที่สามีจะไปเขาไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งไม่ได้ดำน้ำประจำ ดังนั้นจึงขอไว้ว่าถ้าจะไปช่วย ขออย่าดำน้ำ
แต่จะด้วยเลือดของอดีตนักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือ “หน่วยซีล” (รุ่นที่ 30) ที่ “ภารกิจ” คือสิ่งสำคัญที่สุด หรือจะเพราะจิตใจอันกล้าแกร่งเสียสละ จ่าแซมไม่ลังเลที่จะอาสาเข้าร่วมโดยใช้วันลาส่วนตัวเดินทางไปในครั้งนั้น
ดังจะเห็นจากคลิปวิดีโอความยาว 1.20 นาที ที่จ่าแซมเป็นผู้อัดไว้ระหว่างรอขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปเชียงราย ซึ่งจ่าแซมได้พูดทิ้งท้ายด้วยประกายของแววตาที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวังว่า
“ขอให้โชคดีอยู่กับเรา พาน้องๆ กลับบ้าน” นั่นเพราะตัวเขาเองก็หวังจะได้เห็นหน้าน้องๆ ทั้งหมด หลังจากที่ได้รับทราบข่าวดีที่ทีมค้นหาเจอตัวน้องๆ ทั้งหมดพร้อมกันแล้วเมื่อวัันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
จ่าแซมไปถึงถ้ำหลวงเข้ารับภารกิจวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 หน้าที่ของหน่วยซีลคือลำเลียงขวดอากาศจากโถง 3 ไปยังจุดต่างๆ บริเวณสามแยก เพื่อวางเชือกนำทางไปหาทั้ง 13 ชีวิต ในขณะที่เจ้าหน้าที่อีกด้านก็ช่วยลำเลียงเครื่องสูบวางในถ้ำ ดึงน้ำออกให้เร็วที่สุด
แน่นอนงานนี้เป็นงานแข่งกับเวลา แม้จะเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ใครกันอยากจะวางมือหันหลังกลับ เพราะทุกนาทีหมายถึงชีวิตของทุกคนในถ้ำ
นาทีนั้นจ่าแซมคงไม่มีเวลานึกถึงคำขอของเมียรัก ในที่สุดเขาก็สะบัดครีบเข้าสู่ถ้ำหลวงอันลึกลับซ่อนกลราวกับอีกมิติอย่างไม่ครั่นคร้าม
แต่ขณะที่ใกล้จะครบรอบการปฏิบัติงาน 35 เมตรสุดท้าย จ่าแซมใกล้จะเสร็จภารกิจ หากแต่ขณะกลับเขาเกิดหมดสติในน้้ำ คู่ดำน้ำได้ปฐมพยาบาล (ซีพีอาร์) แต่ไม่ได้ผล
จนเมื่อนำจ่าแซมกลับมายังโถงสามเพื่อปฐมพยาบาลอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป เขาเสียชีวิตลงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 13 ของการช่วยเหลือทั้ง 13 ชีวิต หรือตรงกับวันที่ 6 กรกฎาคม 2561
จากไปด้วยรัก
พลันที่ข่าวจ่าแซมเสียชีวิตออกสู่วงกว้าง น้ำตาคนไทยรวมถึงชาวโลกก็หลั่งไหลพร้อมกัน
เรื่องราวของจ่าแซมถูกสื่อมวลชนนำมาพูดถึงกล่าวขานกันไม่หยุด ปรากฏการณ์ไว้อาลัยจ่าแซมปรากฏไปทั่วโลก ผู้คนพากันใช้สื่อออนไลน์ในมือส่งผ่านความโศกเศร้า และร่วมเสียใจไปพร้อมกับคนไทย
แม้แต่บรรดาคนดังระดับโลกนานาประเทศทั้งสื่อเดลีเมลของสหราชอาณาจักร ที่แสดงความขอบคุณ และระบุว่าเขาจะได้รับการจดจำตลอดไป
รวมถึงคนดังในแวดวงลูกหนังจำนวนมาก พากันลงรูปจ่าแซมและกล่าวเชิดชูผ่านอินสตาแกรมมากมาย
นอกเหนือจากนี้ยังมีศิลปินปั้นทรายชาวอินเดีย อย่าง สุดาชาน ปัตเนก ที่ได้ลงมือปั้นทรายเป็นรูปปั้นนูนต่ำใบหน้าของจ่าแซมบริเวณชายหาด Puri ที่อินเดีย อีกด้วย
จ่าแซมได้รับการยอมรับจากเพื่อนหน่วยซีลด้วยกัน โดยเฟซบุ๊ก “Thai NavySeal” กล่าวว่า
“จ่าเอกสมานจากพวกเราไปในขณะร่วมทำงานกับพี่น้องมนุษย์กบ ในห้วงเวลาที่มนุษย์กบทุกคนกอดคอกันเดินหน้าเพื่อให้ภารกิจสำเร็จตามที่ตั้งไว้”
หากเหนือสิ่งอื่นใดคือการได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีเคลื่อนศพและพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติและพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และรับไว้ในพระราชานุเคราะห์ จนกระทั่งมีพิธีพระราชทานเพลิงศพจ่าแซม ณ วัดหนองคู อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด ช่วงวันที่ 16 กรกฎาคม 2561
ทั้งยังพระราชทานยศนาวาตรี และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์ช้างเผือก ให้แก่ สมาน กุนัน เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย
สุดท้ายคือน้ำตาของน้องๆ ทีมหมูป่าทั้ง 13 คน หลังจากที่พวกเขากลับสู่โลกภายนอกอย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 และได้รับรู้ถึงความกล้าหาญเสียสละของคนที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า จ่าแซมไม่ได้จากไปเพียงลำพัง หากเขาได้หอบหิ้วเอาความรักจากชาวโลกกลับสวรรค์ไปด้วยอย่างมากมายมหาศาล
คงอยู่ชั่วกาล
นอกเหนือจากความรักและอาลัยแล้ว อีกหนึ่งการแสดงออกเพื่อบอกถึงความรู้สึกทั้งหมดอย่างเป็นรูปธรรม ก็คือการที่กลุ่มศิลปินไทยได้ร่วมใจกันสร้างสัญญะเพื่อระลึกถึง “จ่าแซม" และยืนหยัดให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงวีรกรรม
โดยในการนี้ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ และบรรดาศิลปินชาวเชียงราย รวมถึงลูกศิษย์ลูกหา ได้จัดทำโครงการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อเชิดชูความเสียสละของ จ.อ.สมาน ขึ้นมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 รูปหล่อของจ่าแซมซึ่งเสร็จสมบูรณ์ ได้รับการเคลื่อนขบวนไปยังวนอุทยานถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนแล้ว นำโดย อ.เฉลิมชัย พร้อมด้วยศิลปินที่ร่วมกันปั้นรูปปั้นจ่าแซม และเยาวชนทีมหมูป่าทั้ง 13 คน รวมถึงมะเหมี่ยว ภรรยาของจ่าแซม ก็เดินทางตามมาร่วมในพิธีที่อนุสาวรีย์ด้วย
พิธีเคลื่อนขบวนรูปหล่อจ่าแซมได้ออกจากวัดร่องขุ่นเคลื่อนขบวนไปยังถ้ำหลวง ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายตลอดระยะทาง 60 กิโลเมตร แต่ทุกคนก็ไม่ย้อท้อเช่นเดียวกับผู้คนตลอดสองข้างทางที่มารวมตัวเพื่อรอต้อนรับขบวนดังกล่าวกันจำนวนมาก
ข่าวระบุถึง อ.เฉลิมชัย ที่กล่าวอย่างน่าสนใจว่า การช่วยเหลือทีมหมูบริเวณถ้ำหลวงพบว่ามีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง และจ่าแซมพร้อมทีมงานก็เข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ท่ามกลางสายฝน ซึ่งก็น่าแปลกใจที่ในวันนี้เมื่อจะเคลื่อนรูปหล่อจ่าแซมฝนก็ตกในฤดูหนาวอีก เราจึงยืนยันจะทำตามกำหนดการเดิมและจะลุยฝนไปให้ถึงที่สุดต่อไป
ที่สุดรูปหล่อจ่าแซมได้รับการติดตั้งที่หน้าศาลาอนุสรณ์สถานถ้ำหลวงเป็นที่เรียบร้อย ท่ามกลางเสียงปรบมือของนักท่องเที่ยวและชาวบ้านที่เดินทางมายังถ้ำหลวงจำนวนมาก
โดยจากนี้ไปเราสามารถไปพบจ่าแซมและชื่นชมการเสียสละของวีรบุรุษผู้นี้ได้ที่ศาลาอนุสรณ์สถานถ้ำหลวงแห่งนี้
สำหรับรูปหล่อจ่าแซมนั้นจัดทำขึ้นโดยโรงหล่อเอเชีย ไฟน์ อาร์ต โดย บริเวณฐานจะเป็นรูปหมู่ป่าจำนวน 13 ตัว ต่อด้วยตัวจ่าแซมในชุดนักดำน้ำ
โดยรูปหล่อได้หันหน้าหุ่นไปยังถ้ำหลวงด้วยท่าทางมุ่งมั่นและแววตาที่มุ่งหวังจะช่วยเด็กๆ ออกมาจากถ้ำหลวง
ทั้งนี้ อ.เฉลิมชัย ระบุว่า สีหุ่นจ่าแซมจะเปลี่ยนไปทุกปีและมีความสวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ เหมาะกับเวลานักท่องเที่ยวมาเที่ยวทุกปี สีหุ่นจ่าแซมก็จะเปลี่ยนไปด้วยความสวยงาม
ขณะที่ภรรยาจ่าแซมให้สัมภาษณ์ว่า รูปหล่อของจ่าแซมที่อยู่หน้าถ้ำหลวงนี้้มีรอยยิ้ม ซึ่งตนเห็นแล้วถึงกับยิ้มตามเพราะเหมือนว่าสามียังยิ้มให้อยู่ตลอดเวลา
นั่นคงเสมือนหนึ่งว่าจ่าแซมไม่ได้ไปไหน เขายังยืนอยู่ที่หน้าถ้ำหลวงตรงนั้น เพื่อย้ำเตือนเราว่า การทำเพื่อผู้อื่น คือการให้สูงสุด!