"บิ๊กตู่" "โสด" ได้ถึงปีหน้า !! | คมชัดลึก

 

                 "ยังไม่มีใครมาขอผมจะขอหรือเปล่าผมยังไม่รู้ ถ้ามาขอจะตอบรับหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ สื่อจะถามทำไมนักหนา แต่ถ้าเขาไม่มาขอ ก็เหมือนลูกสาว ถ้าไม่มีคนมาขอจะแต่งงานได้หรือไม่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ตอบคำถามนักข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องที่จะไปอยู่ในบัญชีนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ

 

 

                 ใจความหลักๆหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่มีใครมาขอ สอง ถ้ามีคนมาขอจะตัดสินใจอีกที

                 เรียกว่า “บิ๊กตู่” ยังคงสงวนท่าที เล่นบทว่ายัง “โสด” ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ชาวบ้านร้านตลาดทั่วประเทศน่าจะรู้กันหมดแล้วว่า หัวหน้า คสช. ไม่โสดแล้ว

                 พล.อ.ประยุทธ์ พูดประโยคข้างต้นได้ 2 วัน “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ซึ่งมีหมวกอีกใบเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมาบอกว่าได้เวลาเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาอยู่ในบัญชีนายกฯของพรรคได้แล้ว

                 “เมื่อมีการปลดล็อคการเมืองแล้ว คิดว่าน่าจะถึงเวลาที่จะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แล้ว”

 

 

                 หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม รัฐมนตรีสุวิทย์ออกมาบอกว่า บุคลที่เหมาะจะเป็นนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ คือ พล.อ.ประยุทธ์

                 ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็ “ส่งซิก” ให้ความชัดเจนขึ้นไปอีกระดับในการพูดระหว่างลงพื้นที่ ครม.สัญจร ที่บึงกาฬ-หนองคาย โดยยอมรับกลายๆว่าตอนนี้เป็น “นักการเมืองเต็มตัว” แล้ว

                 แถมบอกว่า การมาอยู่ตรงนี้ ซึ่งหมายถึงการมาเป็นนักการเมืองเป็นทุกข์ “แต่ผมยอมเป็นทุกข์ ยอมตาย”

 

 

               แต่แม้จะชัวร์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาอยู่ในบัญชีนายกฯของพรรคพลังประชารัฐแน่นอน แต่ “บิ๊กตู่” ก็คงเลือกดึงเกมยาว ยังไม่เปิดตัว จนกว่าจะถึงช่วงเวลาจำเป็นจริงๆ

                 รัฐธรรมนูญกำหนดว่าถ้าพรรคไหนจะเสนอบัญชีนายกฯ ให้ส่งชื่อให้ กกต.ก่อนที่จะปิดรับสมัคร ส.ส. ซึ่งตามปฏิทินการเมืองล่าสุดที่ “วิษณุ เครืองาม” นำเสนอต่อที่ประชุม คสช. กกต. และ พรรคการเมือง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ที่ผ่านมาคือช่วงวันที่ 14-18 มกราคม 2562

                 ดังนั้นช่วงจำเป็นจริงๆ ที่ “บิ๊กตู่” จะเปิดตัวทางการ จะลากยาวไปได้ถึง 18 มกราคม

                 "หากเปิดตัวเร็วก็เจ็บตัวเร็ว” ในทางการเมืองคำพูดนี้ยังเป็นจริงเสมอ รวมทั้งกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

                 เห็นได้ชัดจากช่วงต้นเดือนที่เรื่องนี้ฮอตขึ้นมาหลังการออกมาพูดของ “สุวิทย์ เมษินทรีย์” ก็มีกระแสโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ ทันที

                 ด้านหนึ่งคือโจมตีว่าเอาเปรียบคู่ต่อสู้ อีกด้านหนึ่งคือ เรียกร้องให้ “บิ๊กตู่” ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า คสช. ถึงวันนี้กระแสนี้ก็ยังคงอยู่

                 นอกจากการ “ดึงเช็ง” ยังไม่เปิดตัวทางการ อีกหมากที่ “บิ๊กตู่” จะใช้เป็นหลังพิงยืนหยัดไว้ คือ ย้ำว่าจะไม่เข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อรักษาระยะห่างไว้

                 ลำพัง “4 รัฐมนตรี” ที่เข้าไปเป็นคณะผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ แล้วยังไม่ลาออกจากตำแหน่งก็ถูกโจมตีหนักอยู่แล้ว แม้ทั้ง 4 รัฐมนตรีจะประกาศไม่ลงสมัคร ส.ส. (ซึ่งจริงๆก็ลงไม่ได้เพราะขาดคุณสมบัติ)

                 อีกจุดที่เป็นเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรักษาระยะห่างกับพรรคพลังประชารัฐไว้ให้มากที่สุด คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. จะต้องเป็นผู้ลงนามในการเลือก ส.ว. 250 คน ที่จะมาร่วมเลือกนายกฯหลังเลือกตั้งด้วย

                 หากเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วไปลงนามเลือก ส.ว.อีก ก็ยิ่งไม่สวย

                 แม้จะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่หากลดความชัดเจนลงไป ก็ช่วยลดกระแสโจมตีไปได้ระดับหนึ่ง

นักวิเคราะห์ มองว่า สไตล์ พล.อ.ประยุทธ์ ถ้าอะไรที่ไม่ชัวร์ จะยังไม่ทำ

                 การปล่อยให้ กปปส.นำโดย “สุเทพ เทือกสุบรรณ” นวดรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนสถานการณ์สุกงอม จึงเข้ายึดอำนาจ เมื่อปี 2557 เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

                 ย้อนดูเส้นทาง พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนจะมาถึงจุดที่เป็น “นักการเมืองเต็มตัว”

 

                 พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในปี 2553 ช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ปี 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เข้ามา ตอนนั้นมีการจับตากันมากว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกปลดจาก ผบ.ทบ.หรือไม่ แต่สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ แถมยังเข้ามายึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์

                 นี่คือจุดที่คนในพรรคเพื่อไทยมักพูดอยู่เสมอว่าเป็นความผิดพลาดของ “ยิ่งลักษณ์” ที่เชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ และไม่ปลดออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ. เป็นจุดที่ทำให้ฝ่ายเพื่อไทยเพลี่ยงพล้ำและพ่ายแพ้ในที่สุด

                 หลังยึดอำนาจ 22 พ.ค. ในเดือนสิงหาคม “บิ๊กตู่” ก็มาเป็นนายกฯ และจนถึงวันนี้เป็นนายกฯที่อยู่ในตำแหน่งนานกว่า 4 ปีแล้ว นานกว่านายกฯที่มาจากการเลือกตั้งด้วยซ้ำ และยังมีความเป็นไปได้ว่าหลังเลือกตั้งอาจจะกลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง

                 เส้นทางของ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะชัดเจนแล้ว ตอนนี้เพียงแค่รอเวลาให้พรรคพลังประชารัฐมาสู่ขออย่างเป็นทางการ

                 แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้ทางนิตินัย ยังไม่มีการสู่ขออย่างทางการ แต่ทางพฤตินัยก็เหมือน พล.อ.ประยุทธ์ กับ พรรคพลังประชารัฐ “อยู่ก่อนแต่ง” แล้ว

                 เพียงแต่ตอนนี้ต้องเล่นบท “โสด” ไปก่อน !! 

===================

โดย สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์