คอลัมนิสต์

ควายยิ้ม คนแย้ง?อวสานทุ่งลาเวนเดอร์!

ควายยิ้ม คนแย้ง?อวสานทุ่งลาเวนเดอร์!

01 ธ.ค. 2561

ขึ้นต้นเป็น "มะลิลา" ไหงมันจะเป็น "มะลิซ้อน" ซับซ้อนไปได้

 


          กับข่าวคราวโลกสุดสวยในทุ่งลาเวนเดอร์ของคนไทยช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา เมื่อหนุ่มหน้าเข้มคนหนึ่งได้โพสต์ภาพตนเองกับควายกลางทุ่งนาและหนองน้ำ

 

          กับอิริยาบถยิ้มเยิ้มกันทั้งคนทั้งควาย จนโลกโซเชียลฮือฮา ส่งผลให้เจ้าควายและหนุ่มเจ้าของภาพโด่งดังชั่วข้ามคืน คนไทยตั้งฉายาให้หนุ่มคนนี้ว่า  “พี่คล้าว 2018”

 

 

          แต่เรื่องราวได้กลายกลับพี่คล้าวไปเจอตอเข้าอย่างจังกับการถูกแจ้งความข้อหาฉ้อโกง เรี่ยไรเงินจากประชาชนเข้าให้!


          1 คน 1 ควาย
          ย้อนไปยังเรื่องราวของพี่คล้าวและเจ้าควายยิ้ม ต้องบอกเลยว่าเริ่มต้นด้วยความประทับใจ


          จากการโพสต์ภาพสุดชื่นมื่น จนสื่อพากันไปสัมภาษณ์เปิดวาร์ปกระหน่ำจนได้รู้ว่าเขาคือ “สุรัตน์ แผ้วเกตุ” เกษตรกรหนุ่มอินทรีย์ วัย 34 ปี ชาวบ้านสุขเดือนห้า อ.เนินขาม จ.ชัยนาท ส่วนเจ้าน้องควายยิ้มเพศผู้ตัวนี้มีชื่อว่า “เจ้าทองคำ”

 

 

ควายยิ้ม คนแย้ง?อวสานทุ่งลาเวนเดอร์!

 


          อย่างไรก็ดี เจ้าทองคำนั้น ไม่ใช่ควายของเขาเอง แต่พี่คล้าวอาศัยว่างเว้นจากการทำเกษตรแบบวิถีพอเพียงในที่ดินของตนเอง หารายได้เสริมโดยรับจ้างเลี้ยงควายให้เจ้าของคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง พร้อมๆ กับควายเพศเมียอีก 2 ตัว คือ “ขวัญข้าว” และ “ถุงเงิน” โดยคิดราคาเพียงตัวละ 200 บาทต่อเดือน


          สำหรับน้องทองคำและเดอะแก๊งพี่คล้าวเพิ่งรับมาเลี้ยงช่วงวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้เอง แต่ก็เกิดนึกสนุกถ่ายรูปเซลฟี่ด้วยลีลาสุดถูกใจคนไทยผ่านทางโลกโซเชียล จนทำให้เจ้าตัวก็มีแฟนคลับและผู้ติดตามจำนวนมาก


          แล้วก็ไม่รู้ทำไม ไปๆ มาๆ พี่คล้าวก็เกิดไปนึกผูกพันกับเจ้าทองคำขึ้นมา แล้วก็โพสต์เฟซบุ๊กที่ชื่อ “สุรัตน์ แผ้วเกตุ” กับภาพของเจ้าทองคำ ที่วิ่งตามเพื่อนที่ถูกขายให้พ่อค้า ช่วงวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา


          โดยในโพสต์นี้มีการใช้ข้อความว่า “ไม่อยากเห็นภาพนี้อีกแล้ว สงสารทองคำ” ซึ่งข่าวระบุว่า สุรัตน์เกรงว่าเมื่อทองคำกลับไปอยู่กับเจ้าของตามเดิมก็อาจจะถูกขายไปแบบนี้ด้วย

 

 

 

 

ควายยิ้ม คนแย้ง?อวสานทุ่งลาเวนเดอร์!

 



          แต่เขาไม่มีเงินซื้อเจ้าทองคำ จึงได้เปิดรับบริจาคไปในโลกโซเชียลเพื่อช่วยให้เจ้าทองคำได้อยู่กับตน “คนเลี้ยงควาย” เพื่อสร้างรอยยิ้มให้ชาวโลกต่อไป


          ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ที่สุดวันที่ 20 พฤศจิกายน พี่คล้าวได้ยอดเงินเหลือเฟือที่จะนำไปไถ่ตัวน้องทองคำได้ เขาจึงรีบโพสต์ประกาศหยุดรับบริจาคผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมขอบคุณผู้ใจบุญทั้งหลาย ทั้งนี้เวลานั้นได้ยอดเงินถึง 135,969 บาท!


          จากนั้นวันที่ 22 พฤศจิกายน คนไทยก็ยิ้มแป้นอีกครั้งกับภาพข่าวที่เจ้าของควายส่งตัวแทนมารับมอบเงินจำนวน 1 แสนบาท แถมพี่คล้าวยังได้รับของขวัญจากผู้นำท้องถิ่นเป็นควายเพศเมียอีก 1 ตัวอีกด้วย


          วันนั้นพี่คล้าว หรือสุรัตน์ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนถึงความดีใจต่างๆ นานา ทั้งยังกล่าวถึงเจ้าของน้องทองคำว่า ไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือ นายก อบต.สุขเดือนห้า บุญเลิศ กาฬภักดี นั่นเอง


          “ท่านเห็นว่าผมอนุรักษ์ควายไทย ท่านจึงไถ่ชีวิตควายเพศเมียมาให้ 1 ตัว เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผมอนุรักษ์ควายสืบต่อไป สนับสนุนคนรุ่นใหม่อย่างผม ต้องขอขอบคุณท่านนายกเป็นอย่างสูง”


          คนไทยติดตามข่าวมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มอ่อนด้วยความชื่นใจว่า และแล้วพี่คล้าวก็ได้อยู่ร่วมกับน้องทองคำและผองเพื่อนอย่างมีความสุขไปตราบชั่วกาลนาน ทำเอาโลกโซเชียลหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นของทุ่งดอกลาเวนเดอร์


          แต่อนิจจา ชีวิตเหมือนละคร ผ่านไปไม่กี่วัน ปรากฏว่าเรื่องกลับหักมุมสุดๆ!!


          ราววันที่ 25-26 พฤศจิกายน คนไทยก็ได้ยินข่าวคราวของพี่คล้าวอีกครั้ง แต่เป็นข่าวที่ว่าพี่คล้าวของเราโดนเจ้าของควาย บุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า คล้ายๆ ว่าจะกลับลำซะแล้ว

 

 

 

ควายยิ้ม คนแย้ง?อวสานทุ่งลาเวนเดอร์!

 


          แน่นอนเรื่องนี้ทำเอาคนไทยนั่งไม่ติด โดยด้านหนึ่งก็พากันก่นด่าพี่คล้าว ว่าหลอกลวง ขณะที่ด้านหนึ่งก็รุมสกรัมฝ่ายเจ้าของควายว่าใจเสาะ!


          แต่แท้จริงแล้วมันยังไงกันแน่!?


          2 คน 2 ความ
          เรื่องนี้หากมองแบบพื้นๆ ที่จริงระหว่างพี่คล้าว กับนายก อบต.เจ้าของควาย ทั้งคู่ได้ตกลงทำนิติกรรมซื้อชายกันไปแล้วเรียบร้อย

 

          หากแต่เมื่อ ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ที่เป็นผู้พบพิรุธ แล้วเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีแก่พี่คล้าวในข้อหาฉ้อโกงและความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน


          ด้าน นายก อบต.เจ้าของควาย จึงเร่งเข้ามาให้ปากคำเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่มีการไปเรี่ยไรเงินบริจาคครั้งนี้


          โดยเงิน 1 แสนบาท เขาก็ให้เพื่อนไปรับแทน แต่ไม่รู้ที่มาของเงิน จนมารู้ทีหลังว่าได้เรี่ยไรเงินผ่านทางเฟซบุ๊ก จึงได้มอบเงินก้อนนี้ไว้ที่เจ้าหน้าที่


          งานนี้เลยทำเอาคนไทยร้องออกมาว่า อ้าวเฮ้ย! ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ฝ่ายกองเชียร์พี่คล้าวถล่มด่านักการเมืองท้องถิ่นคนนี้ไม่ยั้ง

 

          แต่คนที่เครียดตัวจริงก็คือพี่คล้าว 2018 นั่นแหละ เขาพร่ำออกสื่อว่าตนนั้นคิดแต่เพียงจะทำดี อนุรักษ์ควายไทยให้อยู่คู่คนไทย และสร้างรอยยิ้มให้ผู้คน ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย พร้อมยืนยันเจตนาบริสุทธิ์ โดยยินดีโอนเงินคืนให้ทุกคน


          ดังนั้นหลังจากก้มหน้าจูงเจ้าทองคำไปส่งให้อยู่ในความดูแลของสภ.คันนายาว เพื่อเป็นของกลางในคดีแล้ว วันรุ่งขึ้นก็จูงมือภรรยาเข้าพบอัยการคุ้มครองสิทธิฯ จ.ชัยนาท ทันที เพื่อขอคำแนะนำด้านกฎหมาย ก่อนที่จะเข้าพบเจ้าหน้าที่ สภ.คันนายาว


          โดยงานนี้มี มนตรี สิงหะ อัยการ จ.ชัยนาท พร้อมเจ้าหน้าที่นิติกร กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และเจ้าหน้าที่นิติกร สำนักงานยุติธรรมชัยนาท ร่วมให้คำปรึกษา


          ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ในโลกโซเชียลมีการระบุว่าพี่คล้าวได้ใช้เงินที่รับบริจาคไปใช้ตามที่ระบุไว้ในการขอรับบริจาคจริง ขณะที่ยังมีการแสดงบัญชีรับ-ถอน ชัดเจน พร้อมยอดเงินคงเหลือทุกบาททุกสตางค์


          แต่สาระสำคัญของคดีนี้ไปอยู่ที่คำว่า “ไถ่” หรือ “ไถ่ชีวิต” ที่พี่คล้าวต้องการได้ผู้รู้มาปรึกษา


          เพราะมุมหนึ่งที่นายกอบต.ติดใจ ก็คือการโพสต์โดยใช้คำวา “ไถ่” ที่อาจจูงใจให้ประชาชนบริจาคเพราะสงสาร จะได้นำไปช่วยชีวิตควาย ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้คิดที่จะขายเจ้าทองคำไปให้โรงฆ่าสัตวที่ไหน ซึ่งเข้าข่ายฉ้อฉลหลอกลวง


          ขณะที่มุมหนึ่งก็ต้องเข้าใจว่าคนไทยคุ้นชินกับบริบทของโครงการ “ไถ่ชีวิตโคกระบือ” ซึ่งหมายถึงการช่วยมันจากการถูกฆ่า


          หากแต่มุมของพี่คล้าวที่เขาระบุกับสื่อมวลชนคือ “ไถ่” หมายถึงการซื้อ ที่จะนำมาเลี้ยงไว้ตลอดโดยไม่มีการขายต่อ


          “ผมมีความรู้สึกตามภาษาชาวบ้านว่า การซื้อกระบือมาเลี้ยงโดยไม่มีการขายเขาออกไป”


          ซึ่งคำว่า “ไถ่” ในพจนานุกรมฉบับกูเกิล คือ 1.ชำระหนี้เพื่อเอาทรัพย์สินที่จำนำ หรือจำนองไว้คืนมา 2.ซื้อทรัพย์สินที่ขายฝากไว้คืนภายในเวลาที่กำหนด และ 3.ให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์เพื่อแลกเปลี่ยนกับเสรีภาพของผู้ที่ถูกเอาตัวไป


          แต่ไม่ว่าไถ่จะแปลว่าอะไร แต่ที่สุดเบื้องต้นวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อัยการจังหวัดและนิติกร จึงได้ตกลงว่าประสานให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างสองหนุ่มสองวัย สุรัตน์ แผ้วเกตุ วัย 34 และบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต. วัย 62 แล้ว 


          ดังนั้นเราคนไทยผู้ชื่นชอบเรื่องราวโลกสวย พอๆ กับดราม่าที่ซับซ้อน คงต้องติดตามกันว่าสุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยแบบไหน

 

          แล้วพี่คล้าวจะได้นำเจ้าทองคำกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมหรือไม่ และทุ่งลาเวนเดอร์ของเราจะพังยับไปเลยหรือเปล่า น่าติดตามยิ่ง!