คอลัมนิสต์

ส่องโอกาสเดินเข้าสภาหินอ่อน

ส่องโอกาสเดินเข้าสภาหินอ่อน

17 ก.ย. 2561

ส่องโอกาสเดินเข้าสภาหินอ่อน : คอลัมน์...  เจาะจุดตาย คลายจุดเป็น  โดย...  เร้นกาย ไร้เงา


          หน่วยเลือกตั้ง 90,000 หน่วยทั่วประเทศที่ต้องเตรียมความพร้อมสำหรับการหย่อนบัตรเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ตั้งเเต่เเปดโมงเช้าไปถึงห้าโมงเย็น  ระบบเลือกตั้งส.ส.รูปเเบบใหม่ "จัดสรรปันส่วนผสม” ถูกนำมาใช้ โดยให้ประชาชนเลือกส.ส. เขต 350 เขต และนำคะแนนผู้สมัคร ส.ส. ทั้งประเทศของพรรคนั้นๆ ไปคำนวณสัดส่วนจำนวน ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อรวม 150 คน 

          นอกจากนี้ยังกำหนดให้พรรคการเมืองแจ้งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีพรรคละไม่เกิน 3 รายชื่อแล้วประกาศให้ประชาชนรับทราบเป็นการทั่วไป
 
          กติกาที่คสช.วางไว้ผ่านกฎหมายหลักของประเทศนั้นคือ คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้คะแนนเสียงเกิน 375 เสียง  จากจำนวนส.ส. 500 คน ส.ว.250 คน

          เเน่นอนว่าระบบการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้ง “ใช้สิทธิเลือก” นำมาใช้คิดคะแนนทั้งส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ
 
          เมื่อหันไปมองอัตราเฉลี่ยการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมา พบว่าสองพรรคใหญ่ครองคะเเนนเสียงโดยช่วงนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย ในบางเขตอาจจะเป็นพรรคอื่นๆ

          เหลียวไปดูสถิติการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทย  ได้ส.ส.34 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 19 เสียง พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน 7 เสียง พรรคพลังชล 7 เสียง  รวมทุกพรรคได้ 67 เสียง
 
          เเม้อนาคตอันใกล้จะมีพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคอื่นๆ ที่เกิดขึ้นมา เเต่ความจริงนาทีนี้นั้นคะเเนนเสียงก็ไม่น่าจะเเตะหลักฝันได้ เเม้นำไปรวมกับ ส.ว. 250 เสียง คงไม่ได้ถึง 375 เสียงเป็นเเน่เเท้

          คีย์เเมนพรรคใหญ่บางพรรคประเมินว่า “โอกาสที่ผู้สมัครของพรรคหน้าใหม่จะได้รับการเลือกตั้งในระดับเขตจึงมีน้อยมากในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะผู้สมัครส.ส.เขตของพรรคใหม่หรือพรรคเล็กถูกคาดหวังเพียงให้พรรคได้คะแนนเสียงในเขตนั้นๆ เพื่อไปเติมให้ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ เพราะ 70,000 คะแนน พรรคจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน”

          เเม้บางพรรคมีต้นทุนทางการเงินและบารมีพอที่จะหาตัวผู้สมัคร ส.ส.เขตให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าส่ง ส.ส.น้อยเขต โอกาสได้ ส.ส.จากบัญชีรายชื่อ...ยากยิ่งนัก 

          คีย์เเมนพรรคใหญ่บางพรรคประเมินว่ากลุ่มหรือพรรคใหม่เเม้เเต่พรรคขนาดกลาง หากผู้สมัครส.ส.เขตนั้นๆ ไม่อยู่ในระดับ “ดี เด่น ดัง” รับประกัน “ร่วง”
 
          “ตัวอย่างนะ ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ คราวที่เเล้วลงพรรครักษ์สันติ เเบบบัญชีรายชื่อ พรรคนี้ได้ ดร.ปุระชัย เป็นส.ส.คนเดียว ขนาดบุคลากรเเบบนี้ มีชื่อเสียงเเบบนี้ พรรครักษ์สันติยังได้ส.ส.คนเดียว ตอนนั้นกาบัตรสองใบ ใบหนึ่งอาจเลือกพรรคอื่นๆ ใบหนึ่งให้ ดร.ปุระชัย   เเต่คราวนี้ใบเดียว โอกาสมันบีบในช่วงหน้า เพราะชาวบ้านในเขตนั้น ชอบพรรค อาจไม่ชอบคน หากเป็นเเบบนี้ชาวบ้านอาจกาให้พรรคอื่น หรือกาเเบบไม่ลงคะเเนน ของเเบบนี้เกิดขึ้นได้”
 
          “ตัวอย่างหนึ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้เเต่เป็นไปเเล้ว บนสนามเลือกตั้งส.ส.ครั้งที่ผ่านมา ผู้สมัครส.ส.ภาคอีสานใต้คนหนึ่ง (ค่ายสีเเดง) ลงปะทะกับผู้สมัครของอีกพรรค (ค่ายสีน้ำเงิน) ที่มีปัจจัยมหาศาลในการขับเคลื่อน

          เชื่อหรือไม่...ผู้สมัครค่ายสีเเดง ใช้เงินเพียงห้าเเสนบาทในการหาเสียง (ระดมมาจากฝ่ายต่างๆ หรือเเม้เเต่ขอบริจาคชาวบ้านเพื่อเติมน้ำมันให้รถหาเสียง) ชนะผู้สมัครค่ายสีน้ำเงินเเบบทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น ของเเบบนี้มันเคยเกิดขึ้นเเล้ว เเละจะเกิดขึ้นอีก” คีย์เเมนพรรคใหญ่บางพรรคประเมิน

          ดังนั้นคะแนนสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทย จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ที่จะชี้ว่า "ใครจะอยู่ ใครจะไป..."