คอลัมนิสต์

"Missอนาคต" เสี่ยงตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"Missอนาคต" เสี่ยงตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ : คอลัมน์...  ขยายปมร้อน  โดย... จักรวาล ส่าเหล่ทู

 

          สำหรับคนที่ใช้รถไฟฟ้าบีทีเอสจะรู้ว่าบนขบวนมีจอโฆษณาที่เล่นคลิปโฆษณาขับกล่อมผู้โดยสาร แต่ทว่ามีโฆษณาชิ้นหนึ่งที่มาแปลกตากว่าเพื่อน คือไม่ได้ขายสินค้าอะไรทั้งสิ้น นั่นก็คือโฆษณาของ “มิสอนาคต” ซึ่งแสดงนำโดย “ณัฐมน กฤษณคุปต์” หรือ นัท The Star 5 และผู้เข้ารอบ MUT 2011 นั่นเอง โดยวิดีโอของโฆษณาชุดนี้มีอยู่ 2 ตัวด้วยกัน มีความยาวตัวละ 1 นาที

          สำหรับคนที่ไม่ได้ดูขอบรรยายคร่าวๆ ว่า โฆษณาตัวแรกเป็นเรื่องราวของเวทีนางงามรายการหนึ่ง ที่นางงามหมายเลข 20 ตอบคำถามของพิธีกรบนเวทีที่ถามว่า ยุทธศาสตร์ของชาติ 20 ปี มีความสำคัญต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง โดยผู้ประกวดกล่าวว่า ยุทธศาสต์ชาติเปรียบเหมือนทางเดินที่เราร่วมสร้างเพื่อจะให้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ เมื่อเรามีทางเดินก็จะทำให้เราเดินได้อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน
ภายหลังที่ผู้ประกวดตอบจบแล้วเสียงปรบมือของผู้ชมก็เกรียวกราว

          ในส่วนโฆษณาตัวที่สองเป็นเรื่องราวต่อจากตัวแรก ผลปรากฏว่า ผู้ประกวดหมายเลข 20 เป็นผู้ชนะ “Missอนาคต” หลังจากนั้นเธอก็ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับตำแหน่งมิสอนาคตที่จะได้เป็นตัวแทนอนาคต เพื่ออนาคต เมื่อได้รับตำแหน่งแล้วสิ่งต่อไปคือต้องปฏิรูป เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ด้วยแผนปฏิรูป 11 ด้าน ซ่อมสิ่งที่พัง ด้วยสิ่งที่ปังในอนาคต จากนั้นแต่ละคลิปก็เชิญชวนให้คนที่ดู ติดตามแฮชแท็ก #Missอนาคต ได้ทั้ง 3 ช่องทางคือ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม โดยเพจหลักเปิดตัวเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม โดยมีคนกดไลค์อยู่หลักร้อย

          เรียกได้ว่าไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่เป็นโฆษณาของรัฐบาลที่ต้องการประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ที่ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐบาลต้องทำตาม นั่นเอง ซึ่งแคมเปญ Miss ก็เป็นหนึ่งในแคมเปญที่รัฐบาลอัดฉีดเงินเพื่อสร้างการรับรู้เรื่อง ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งถูกแบ่งย่อยเป็น 4 โครงการ 


          ที่สรุปคร่าวๆ ก็คือ 1.สร้างการรับรู้ให้นักศึกษา 8.19 ล้านบาท 2.สร้างการรับรู้ให้ประชาชน ให้เข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ 29.67 ล้านบาท 3.โครงการ My Country My Future กระตุ้นให้ประชาชนเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ 30 ล้านบาท และ 4.จ้างบริษัทเอกชน สร้างความเข้าใจเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ 10 ล้านบาท ก็คือส่วนของรวมๆ แล้วรัฐบาลอัดงบไปเกือบ 78 ล้านบาท ถือว่าเป็นเงินไม่น้อยทีเดียวสำหรับการสร้างการรับรู้แผนยุทธศาสตร์ชาติครั้งนี้ ท่ามกลางความกังขาของประชาชนอยู่ไม่น้อยทีเดียวว่า งบดังกล่าวจะเป็นการคุ้มค่าหรือไม่ นั่นเป็นเพราะว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คำว่าปฏิรูป หรือยุทธศาสตร์ชาติ เป็นวาทกรรมที่ถูกผลิตมาตลอดโดยรัฐบาล แต่ทว่ากลับยังคงมีความจับต้องไม่ได้ หากมีแต่แผนๆ และแผน ที่จัดทำโดยคณะกรรมการหลายๆ ชุด บางครั้งก็ทำซ้ำซ้อนกัน

          ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างในกรณีของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ทำแผนปฏิรูป จากนั้นถูกยุบไปหลังคว่ำร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มี “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” เป็นประธาน จากนั้นมีการตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่แม้ระบุว่ามาขับเคลื่อนการปฏิรูป แต่งานของพวกเขาก็ยังคงไม่พ้นวางแผน หรือแม้แต่จนมาถึงคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติก็ยังคงวนเวียนเรื่องวางแผน จนคนบ่นว่า “จะ 4 ปีแล้วนะ...”

          นอกจากนี้ยังมีข้อกังขาเรื่องของตัวคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเองทั้ง 120 คน มีสัดส่วนที่เป็นผู้ชาย 105 คน กับผู้หญิง 15 คน ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมากๆ ส่วนที่มาของคณะกรรมการบางคนก็เป็นอดีตสมาชิป สปช. หรือ สปท. หรือเคยควบสองตำแหน่ง เข้ามาร่วมด้วย ถือเป็นสัดส่วนที่มากถึง 46 รองลงมาเป็นข้าราชการทั้งอดีตและปัจจุบัน 40 คน นอกจากนั้นเป็นนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คนและเอกชน 7 คน ดูอย่างไรสัดส่วนนี้ก็น่าจะเทไปยังข้าราชการและอดีตสมาชิกสภาเสียมากกว่า ส่วนเอกชนที่น่าจะเป็นตัวแทนของประชาชน กลับมีอยู่เป็นชนกลุ่มน้อย แค่สัดส่วนก็น่าจะสวนทางคำพูดของมิสอนาคตคนปัจจุบัน “ยุทธศาสตร์ชาติเปรียบเหมือนทางเดินที่เราร่วมสร้าง” อยู่ไม่น้อย แม้จะมีเวทีรับฟังความเห็นจากภาพประชาชน คนที่พิจารณาว่าจะนำมาใช้หรือไม่ก็คือคณะกรรมการชุดนี้

          นอกจากเรื่องสัดส่วนของคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ยังคงมีเรื่องของสมาชิกที่เป็นผู้สูงอายุราวๆ 60 ขึ้นเสียมากกว่า พื้นที่ของคนรุ่นใหม่นั้นต้องบอกเลยว่ามีน้อย แน่นอนว่าถ้าพูดถึงคำว่า “ปฏิรูป” แล้ว เราก็คงต้องนึกถึงการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงสิ่งเก่าๆให้ดีขึ้น ไหนจะเป็นที่รวมตัวของข้าราชการ ทหาร นายทุน ก็ยิ่งชวนสงสัยว่าจะมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นได้หรือไม่

          จริงๆ แล้ว ถ้าหากแผนปฏิรูปดีจริงๆ ก็คงไม่ต้องใช้งบมากมายเกือบ 78 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เพราะในการประชุมแต่ละครั้งก็มีสื่อมวลชนพร้อมที่จะนำเสนออยู่แล้ว แต่ถ้าลองไปค้นหาตามหน้าสื่อดีๆ ก็จะเห็นเพียงสิ่งต่างๆ ที่เป็นนามธรรม ยังคงไม่มีอะไรจับต้องได้ หรือมีรายละเอียดว่าต้องทำอะไรบ้างจริงจังแต่อย่าเพิ่งน้อยใจไปเพราะวันที่ 6 มิถุนายน จะมีการจัดมหกรรมเปิดตัว “Missอนาคต” ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเสนอแผนปฏิรูป 11 ด้าน 

          เราคงได้เห็นกันคำว่า Miss ที่ว่า จะเป็นนางงาม หรือ Miss ที่แปลว่า “พลาด” ถ้าเป็นอย่างแรกก็น่าดีใจที่เราได้รู้จริงๆ สักทีว่า ยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปเป็นอย่างไร ถ้าเป็นอย่างหลังก็น่าเสียดายที่งบกว่า 78 ล้าน ถูกเอาไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเรียบร้อย
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ