
50ปีสืบสานตำนานกลองยาวพ่อยังแกร่ง"สังขารบ่ใช่อุปสรรค"
50ปีสืบสานตำนานกลองยาวพ่อยังแกร่ง"สังขารบ่ใช่อุปสรรค" : คอลัมน์... เจาะประเด็นร้อน เรื่องและภาพโดย... ธิชา ศรีภาร์
“เครื่องเซ่นไหว้ หรือเรียกว่า “คายอ้อ” หมายถึง เครื่องสักการบูชาครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนถ่ายทอดความรู้มาให้เพื่ออัญเชิญท่านมาสถิตยังตัวผู้แสดงให้แสดงออกมาดีเป็นที่ประทับใจของผู้ชม หากยกครูขึ้นคายถูกต้องการแสดงก็จะออกมาดี”
แม้วงดนตรียุคใหม่จะเข้ามาแบ่งงานแสดงไปมากขึ้นแต่ไม่อาจเปลี่ยนใจชาววงอีสานกลองยาวบ้านปลาขาว อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ให้ละทิ้งกลองยาวที่พวกเขาเคยคุ้นมากว่า 50 ปีไปได้ พวกเขายังรักษาเครื่องดนตรีประเภทนี้ แถมยังพร้อมเผยแพร่ฝึกสอนให้ผู้สนใจอีกด้วย ที่สำคัญแม้แต่ละคนจะอายุอานามล่วงเลยมามาก แต่ยังรับงานแสดงและพร้อมเดินสายไปทั่วประเทศ
พ่อสีดา ศรีภาร์ หรือพ่อนาย วัย 75 ปี หัวหน้าวงอีสานกลองยาว ผู้บุกเบิกและสืบสาน บอกเล่าความเป็นมาของวงกลองยาวคณะนี้ว่า วงอีสานกลองยาวตั้งอยู่ที่บ้านปลาขาว หมู่ 9 ต.สันป่าตอง อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม เป็นวงดนตรีที่เกิดจากการรวมตัวกันของคนในชุมชน ก่อตั้งเมื่อปี 2530 ในลักษณะของกลองยาวโบราณ ซึ่งครั้งแรกเริ่มมีกลองยาวเพียง 4 ตัว ประกอบกับมีรำมะนา ฉิ่ง และฉาบอย่างละอัน การตีแบบจังหวะเซิ้ง ผู้ก่อตั้งวงคนแรกคือ พระมหาสังคม จิตติญาโน อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาชัยพระอารามหลวง อ.เมือง จ.มหาสารคาม ซึ่งปัจจุบันท่านมรณภาพแล้ว ยังคงหลงเหลือไว้แต่เพียงความดีงามที่ท่านได้สร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านในครั้งที่ท่านเคยมาจำวัด ณ วัดทรงศิลาบ้านปลาขาวแห่งนี้
กลองยาวคือดนตรีพื้นบ้านที่อยู่ควบคู่กับศิลปวัฒนธรรมไทยมาช้านาน ในการละเล่นกลองยาว พ่อนายเล่าว่า วงมีความเชื่อว่ากลองยาวมีครูบาอาจารย์เนื่องจากดนตรีไทยเป็นเครื่องดนตรีที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะเริ่มเล่นต้องมีการไหว้ครูเพราะเป็นการเคารพครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนถ่ายทอดวิชาความรู้ต่อๆ กันมา การไหว้ครูกลองยาวจึงรวมถึงการไหว้ครูที่ล่วงลับไปแล้วและที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ทั้งยังเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้แสดงอีกด้วย
“สาธุเด้อ...พระภูมิเจ้าที่ ภูมิบ้านภูมิเมือง ตามห้วยตามฮ่อง ตามต้นไม้ชายคากะดี จงลงมาเป็นสักขีพยาน ที่มื้อนี่วงอีสานกลองยาวได้มาเสพ มาเล่นในพื้นที่ ขออัญเชิญรุกขเทวดา ภูมิบ้านภูมิเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม่นางธรณี ที่สิงสถิตในที่แห่งนี้ ให้มาเป็นสักขีพยาน ปกปักรักษาลูกหลานวงอีสานกลองยาวในขณะที่เปิดทำการแสดง ขอให้เป็นที่ฮักที่นิยมของผู้คนทั้งหลายที่ได้ยินเสียงกลองยาวสาธุ”
พ่อนายได้เริ่มกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัยต่อด้วยคำกราบพระ อะระหังสัมมา สัมพุทโธ จนจบบท แล้วตั้งนะโมสามจบ จากนั้นกล่าวบทสวดชุมนุมเทวดาเพื่ออัญเชิญรุกขเทวามาช่วยอำนวยอวยชัยและปกปักรักษาให้สมาชิกทุกคนในวงได้ทำการแสดงไปอย่างราบรื่น บอกกล่าวขอขมาพระแม่ธรณีที่ได้ล่วงเกินในขณะเข้ามาเหยียบย่ำในพื้นที่ที่ทำการแสดง
ในพิธีไหว้ครูจะต้องมีเครื่องเซ่นไหว้ หรือเรียกว่า “คายอ้อ” หมายถึงเครื่องสักการบูชาครูบาอาจารย์ที่ได้สั่งสอนถ่ายทอดความรู้มาให้ เพื่ออัญเชิญท่านมาสถิตยังตัวผู้แสดงให้แสดงออกมาดีเป็นที่ประทับใจของผู้ชม หากยกครูขึ้นคายถูกต้องการแสดงก็จะออกมาดี คายอ้อ ประกอบด้วย เหล้าขาว 1 ขวด บุหรี่ 1 ซอง แป้ง 1 กระป๋อง กระจก 1 บาน หวี 1 อัน น้ำมันทาผม 1 ขวด สีผึ้งทาปาก 1 ตลับ เงิน 12 บาท ขันธ์ 5 ขันธ์ 8 พร้อมด้วยเทียน 3 ห่อจากคำบอกเล่าของพ่อนาย ทำให้รู้ว่าการไหว้ครูเพื่อที่จะแสดงไปในพื้นที่ต่างๆ หรือไม่ว่าจะทำกิจการอันใดแล้วถ้าขึ้นชื่อว่าวิชาก็ย่อมต้องมีครู
โดยกลองยาวส่วนใหญ่จะทำมาจากไม้ขนุน ส่วนหน้ากลองจะทำด้วยหนังวัว โดยนำหนังวัวมาตากแดดให้แห้งแล้วนำไปตำให้อ่อน เพื่อจะนำมาคัดส่วนที่เป็นไขมันออกให้หมดให้เหลือแต่หนังจริงๆ จากนั้นนำมาตัดให้พอดีกับขนาดของหน้ากลอง เจาะรูรอบๆ หนัง นำเชือกมาร้อยดึงให้ตึง ตกแต่งผ้าสีสวยงาม มีสายสะพายคล้องบ่าเพื่อความสะดวกในการเดินตี
การตีกลองยาวแต่ละครั้งต้องมีการเทียบเสียงกลอง โดยจะใช้ข้าวเหนียวติดหน้ากลองไว้ตรงกลาง จะสังเกตเห็นได้จากปุ่มสีดำๆ ที่อยู่ตรงหน้ากลอง สำหรับข้าวติดหน้ากลอง สมัยโบราณจะทำมาจากข้าวเหนียวนึ่งสุกบดละเอียดแล้วนำไปผสมกับขี้เถ้าที่ได้จากใบกล้วยแห้งเผาไฟ ผสมกันเพื่อเพิ่มความเหนียว การติดก็จะติดทีละตัวแล้วตีเทียบเสียงดูจนมีความเสนาะหู
ปัจจุบันสิ่งที่นำมาติดหน้ากลองไม่ได้ทำแบบเดิมแล้วแต่จะทำมาจากกล้วยฉาบเพราะหาซื้อได้ง่าย มีความทนต่อการตี และเสียงไพเราะมากขึ้น ถ้าหากใช้ข้าวติดเหมือนสมัยก่อน เวลาตีไปนานๆ หรือข้าวโดนแสงแดดก็จะแห้งทำให้ข้าวหลุดออก เสียงของกลองยาวก็จะเพี้ยนตาม โดยหลังจากเสร็จงานทุกครั้งทางวงจะเก็บรักษากลองไว้ในที่ร่มไม่มีความชื้นและจะใช้ของมีคมปาดตรงที่ติดหน้ากลองออก เพื่อเป็นการรักษาหน้ากลองให้ใช้ได้นานเมื่อมีงานแสดงก็ค่อยนำมาติดอีก
ส่วนการเดินทางไปทำการแสดงนั้นพ่อนายเล่าว่า เดินทางโดยเช่าเหมารถ 6 ล้อ รถคันนี้บรรจุคนได้ 20 กว่าชีวิต และเครื่องดนตรีอุปกรณ์ต่างๆ อีกมากมาย ยามหน้าฝนก็จะพากันเปียกปอน ทุกคนต่างผ่านร้อนผ่านหนาวไปด้วยกัน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครบ่นว่าท้อ อาจจะมีเหนื่อยบ้าง ล้าบ้างตามอายุสังขาร แต่ทุกคนก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ออกมาดีที่สุดเพื่อสร้างความสนุกสนานให้ผู้ชมได้ปลดปล่อย ผ่อนคลายความเครียดจากการชมการแสดงของพวกเราชาวอีสานกลองยาว สนนราคาค่าจ้างก็แล้วแต่คนจ้างจะเมตตา แต่เริ่มต้นที่ครั้งละ 8,000-10,000 บาท ซึ่งไม่แพงเลย สำหรับ 20 ชีวิตและค่าจ้างเช่าเหมารถ
และนี่คืออีกหนึ่งวงดนตรีพื้นบ้านอีสานที่ถูกเรียกขานว่าเป็นตำนาน และเปิดการแสดงอยู่ทุกวันนี้ เพื่อสืบสานความฝันของตนเองและสร้างรายได้ให้ครอบครัวอีกทางหนึ่ง โดยการถ่ายทอดวิถีวัฒนธรรมการแสดงกลองยาวของชาวบ้าน นอกจากจะบอกเล่าผ่านบทเพลงหรือการแสดงแล้ว กลวิธีการเล่นกลองยาวก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่จะต้องพยายามถ่ายทอดวิชาให้แก่รุ่นลูกรุ่นหลาน เพื่อรักษามรดกซึ่งตกทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นไม่ให้สูญหายไป
ไม่ต่างจากต้นไม้ใหญ่ที่พยายามวิวัฒนาการให้ลูกไม้มีปีก มีขนหนาม หรือผลสีสดใสเหมาะแก่การกระจายเมล็ดพันธุ์เพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ความเป็นตัวของตัวเองไว้ไม่ให้สูญพันธุ์