คอลัมนิสต์

กรุงเทพฯแชมป์ไฟไหม้ เมืองกว้าง-ทางแคบซ้ำซากจนสูญเสีย

กรุงเทพฯแชมป์ไฟไหม้ เมืองกว้าง-ทางแคบซ้ำซากจนสูญเสีย

04 เม.ย. 2561

กรุงเทพฯแชมป์ไฟไหม้ เมืองกว้าง-ทางแคบซ้ำซากจนสูญเสีย : คอลัมน์... เจาะประเด็นร้อน  โดย... ทีมข่าวอาชญากรรม

 

          ช่วงเวลาตีสอง แทนที่จะเป็นช่วงที่ผู้คนนอนหลับพักผ่อนอย่างสบายใจ แต่ไม่ใช่สำหรับผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในตึก “ราชเทวี อพาร์ทเม้นท์” เลขที่ 488/18 ซอยเพชรบุรี 18 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม. เพราะช่วงเวลานี้ของวันที่ 3 เมษายน 2561 เกิดเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังโหวกเหวก บ้างก็กรีดร้องด้วยความตกใจกลัว สลับกับเสียงหวอของรถดับเพลิง ทั้งของหน่วยงานรัฐและเอกชน ที่ต่างเร่งรีบมาควบคุมสถานการณ์ ท่ามกลางความอลหม่านของคนหนีตาย และยังติดในตึกรอการช่วยเหลืออีกหลายชีวิต

          ความหดหู่ ความหวัง และการรอคอยความช่วยเหลือของผู้ติดค้างท่ามกลางควันไฟที่พวยพุ่งปกคลุมไปทั่วอาคาร ถูกเวลากลืนกินไปนานร่วม 6 ชั่วโมง สถานการณ์จึงคลี่คลาย เหลือเพียงระบายกลุ่มควัน ทั้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และผู้รอดตาย เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าควันไฟ แต่หลายคนมีคราบน้ำตา หลังควันไฟเจือจางความเสียหายเกิดขึ้นพร้อมกับความสูญเสีย มีผู้สังเวยชีวิตไป 3 ราย บาดเจ็บจากการสำลักควันไฟอีกเกินครึ่งร้อย ทุกคนถูกหน่วยกู้ชีพกระจายส่งตามโรงพยาบาลต่างๆ 

 

กรุงเทพฯแชมป์ไฟไหม้ เมืองกว้าง-ทางแคบซ้ำซากจนสูญเสีย

 

          สาเหตุเบื้องต้น ต้นเพลิงเกิดจากห้องไฟฟ้า หรือช่องชาร์ป ที่เก็บรวบรวมสายไฟในชั้น 5 ของตัวอาคาร ก่อนลุกลามสายไฟฟ้าขึ้นไปยังชั้นบน เนื่องจากสายไฟมีสภาพเก่า อาจเกิดการลัดวงจร ประกอบกับมีช่องเดินสายไฟ ทำให้ควันแผ่พุ่งไปที่ชั้น 13 ทันที โดยควันได้ขยายวงกว้างทั่วชั้น 13 ก่อนจะกดตัวให้ต่ำไล่ชั้นลงมา ดังนั้นผู้ที่อยู่ชั้นล่างๆ จึงสามารถหนีเอาตัวรอดได้ ส่วนผู้ที่อยู่ชั้น 9-11 หลบเลี่ยงลำบาก เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสำลักควันเป็นจำนวนมาก 

          นายวรุต พูลผล อายุ 29 ปี หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ บอกว่า อาศัยอยู่ชั้น 4 มากว่า 4 ปี แล้ว ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน โดยช่วงเวลาที่เกิดเหตุประมาณ 02.00 น. กำลังเล่นเกมออนไลน์อาร์โอวี ระหว่างเปิดไมค์คุยกับเพื่อน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเหมือนประกายไฟดังขึ้นบริเวณตรงข้ามห้อง จึงเดินออกไปดูพบว่ามีประกายไฟเกิดขึ้นบริเวณห้องควบคุมไฟ ตนจึงเดินลงไปข้างล่างเพื่อแจ้ง รปภ.ให้ทราบ เมื่อแจ้งเสร็จตอนเดินขึ้นไปบนห้อง บริเวณทางเดินมีควันไฟหนามาก จึงได้แจ้งกับเพื่อนที่เล่นเกมด้วยกันผ่านไมค์ในเกมว่า มีไฟไหม้ จากนั้นตัวเองและเพื่อนจึงได้รีบเก็บของที่มีค่าออกมา พร้อมตะโกนบอกทุกคนในบริเวณนั้นให้หนีออกมา พอหนีออกมาได้ ก็รีบโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาให้ความช่วยเหลือ โดยในช่วงเวลาเกิดเหตุเห็นผู้คนที่อาศัยอยู่ต่างพากันหนีตายด้วยวิธีต่างๆ ซึ่งเป็นภาพที่รู้สึกหดหู่ใจ 

          ด้าน น.ส.พรนภัส ประเสริฐกุล และ น.ส.พลอยรุ้ง เพ็ญพรรณศิริ ผู้ที่ติดค้างอยู่ภายในห้อง 743 ที่ชั้น 7 นานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปช่วยเหลือลงมา และยังอยู่ในอาการตกใจ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุทั้งคู่กำลังนอนอยู่ แต่จู่ๆ ได้ยินเหมือนเสียงมีคนทะเลาะกัน ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาจากทางลิฟต์มายังฝั่งห้องของตนเอง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินเกิดที่ชั้น 7 หรือชั้น 6 กันแน่ จากนั้นไฟก็ดับ แล้วมีคนวิ่งเคาะประตูร้องให้ช่วย เมื่อเปิดประตูออกไปก็มีกลุ่มควันพวยพุ่งเข้ามาภายในห้อง จึงรีบพากันไปหยิบหน้ากากกันควันที่เคยซื้อไว้มาใส่ นำผ้าขนหนูไปชุบน้ำ และพากันรีบวิ่งออกมาที่ริมระเบียงเพื่อหาอากาศหายใจ และขอความช่วยเหลือ โทรหาญาติ และพยายามประสานกับเพื่อนห้องข้างๆ ช่วยเหลือกัน ตอนเกิดเหตุตกใจกันมาก ไม่กล้าวิ่งลงมาเพราะไม่รู้จะไปเจออะไร หรือเพลิงอยู่ชั้นไหน ตอนนั้นกลัวและตกใจ แต่คิดว่าอย่างไรก็ต้องรอดออกมาให้ได้

 

กรุงเทพฯแชมป์ไฟไหม้ เมืองกว้าง-ทางแคบซ้ำซากจนสูญเสีย

 

          เหตุสลดแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ซึ่งกรุงเทพมหานครถือว่าเป็น “แชมป์ไฟไหม้” ของประเทศไทย เพราะมีสถิติเมื่อปี พ.ศ.2560 จากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพบว่า อัคคีภัยที่เกิดขึ้นเฉลี่ย 800-1,200 ครั้งต่อปี คิดเป็น 4-5 ครั้งต่อวัน ส่วนสถิติช่วงปี 2558 เป็นต้นมาพบว่า เพลิงไหม้อาคารสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร 646 ครั้ง ถัดมาปี 2559 เพลิงไหม้ 681 ครั้ง และปี 2560 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เกิดเหตุเพลิงไหม้จากไฟฟ้าลัดวงจรจำนวน 107 ครั้ง

          นอกจากนี้สถิติยังบอกด้วยว่า ช่วงฤดูร้อนมักมีโอกาสที่จะเกิดเหตุเพลิงไหม้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมีการเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน กระทั่งอุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานหนักจนรับภาระไม่ไหว นำไปสู่การหลอมละลายและช็อตขึ้นในที่สุด ทั้งนี้ อาคารที่พักอาศัยโดยเฉพาะห้องแถว มีสถิติเกิดเพลิงไหม้มากที่สุดคิดเป็น 60-70 เปอร์เซ็นต์ เพราะอาคารเหล่านี้ใช้ชั้นล่างเป็นพื้นที่พาณิชย์ มีการเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแห่ง ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัยที่ติดตั้งลูกกรง เหล็กดัด เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้จะทำให้ไม่สามารถหนีออกจากอาคารได้ ดังนั้นควรทำเป็นช่องทางให้หนีได้ในช่วงเหตุฉุกเฉิน โดยเก็บกุญแจล็อกไว้ในที่สามารถจดจำและค้นหาได้ง่าย

          ถัดมาคือ บ้านพักอาศัยที่เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ โดยมักเลือกซื้อเต้าเสียบปลั๊กไฟไม่ได้มาตรฐาน นำมาเสียบใช้ไฟฟ้ากับทุกอุปกรณ์จำนวนมาก อาทิ คอมพิวเตอร์ ปรินเตอร์ โทรศัพท์มือถือ พัดลม รวมถึงศาลเจ้าที่ของคนไทยเชื้อสายจีนที่วางกับพื้นเกิดไฟลุกไหม้บ่อยที่สุด

          เหตุไฟไหม้ที่ราชเทวี อพาร์ทเม้นท์ เป็นเหมือนหลายๆ แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่เมื่อเวลาเกิดเหตุไฟไหม้แล้วมีอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง เนื่องจากซอยคับแคบ รถดับเพลิงขนาดใหญ่ รวมทั้งรถกระเช้าไม่สามารถเข้าไปได้ การยับยั้งและเข้าช่วยเหลือจึงล่าช้า นำมาซึ่งความสูญเสีย ซึ่งจะใช้คำว่า “ซ้ำซาก” ก็ไม่แปลก รถกระเช้าดับเพลิงคันละ 100 กว่าล้าน พร้อมอุปกรณ์เปี่ยมประสิทธิภาพแต่ไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ ก็ไม่มีประโยชน์

 

กรุงเทพฯแชมป์ไฟไหม้ เมืองกว้าง-ทางแคบซ้ำซากจนสูญเสีย

 

          ปัจจุบันอุปกรณ์ด้านการดับเพลิงของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.กทม.) นับว่ามีความทันสมัยที่สุดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ รถกระเช้าดับเพลิง ซึ่งปัจจุบัน สปภ.กทม. มีรถกระเช้าดับเพลิงที่มีความสูงถึง 90 เมตร หรือสามารถดับเพลิงได้ถึงตึกในระดับ 30-40 ชั้น นอกจากนี้ยังมีรถกระเช้าในระดับอื่นๆ อีก โดยรถกระเช้าดับเพลิงสูง 90 เมตรคันนี้ กทม.สั่งซื้อมาจากประเทศฟินแลนด์ ตั้งแต่ปี 2552 มีมูลค่าอยู่ที่ 113 ล้านบาท สามารถยืดกระเช้าสูงสุดได้ 90 เมตร ใช้ปฏิบัติหน้าที่เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารสูงที่มีระดับตั้งแต่ 10 ชั้นขึ้นไป แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพของที่เกิดเหตุด้วยว่า จะสามารถนำเข้าไปใช้ได้หรือไม่ เพราะรถคันนี้จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการเตรียมอุปกรณ์ค้ำยันต่างๆ

          สิ่งที่น่าห่วงของเหตุเพลิงไหม้ในกรุงเทพมหานครยุคสมัยนี้คงหนีไม่พ้นตึกสูง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการก่อสร้างอาคารสูงเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ละแห่งมักสูงเกินกว่า 30 ชั้น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมหรูหรา ซึ่งเป็นที่พักอาศัยต่างๆ ยังไม่นับรวมอาคารธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งสถานที่ในการก่อสร้างมักอยู่ในถนนแคบ หรือซอย ใกล้ย่านชุมนุมหนาแน่น โดยมักอ้างว่าเพื่อความสะดวกของผู้อยู่อาศัย แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่าอาคารสูงเหล่านี้ จะถูกบังคับควบคุมให้มีการก่อสร้างตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2543 แต่หลายครั้งที่เหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้นบนตึกสูง มักจะสร้างความหวาดผวาให้แก่สังคมอยู่ไม่น้อย ว่าแท้จริงแล้วมาตรการเหล่านั้นจะสร้างความมั่นใจ เรื่องความปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้มากน้อยแค่ไหน และอุปกรณ์ในการดับเพลิงของรัฐจะเพียงพอหรือพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกขนาดไหน เพราะที่ผ่านยังพบว่า มีไฟไหม้อาคารสูง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นให้เห็นอยู่เป็นระยะ

          สำหรับผู้ประสบเหตุไฟไหม้ในอาคารสูง มีการเผยแพร่บทความให้ความรู้เรื่องวิธีการหนีไฟ จากศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ นิด้า ซึ่งระบุว่า ไฟมักลามติดผนังขึ้นสู่ชั้นที่สูงกว่า แนะให้ผู้ประสบเหตุรีบลงจากอาคาร หรืออยู่ในชั้นที่ต่ำกว่าชั้นเกิดเหตุ โดยมีวิธีการหลัก 8 ข้อ ประกอบด้วย 1.ผู้ที่อยู่บนชั้นสูงไม่ควรหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าหรือหลังคา เพราะไม่สามารถทราบได้ว่าจะมีเฮลิคอปเตอร์มาช่วยเหลือหรือไม่ หรือเฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถทนต่อความร้อนได้ เป็นที่มาของแผนหนีไฟที่ให้คนอพยพลงสู่ด้านล่างอาคารเสมอ 2.ไม่ควรอยู่ในลิฟต์ขณะไฟไหม้ เนื่องจากในลิฟต์จะมีควันไฟ อีกทั้งลิฟต์อาจไปค้างที่ชั้นเกิดเพลิงไหม้ 3.สำหรับผู้พิการ อาคารสูงจำเป็นต้องสร้างพื้นที่หลบภัยในแต่ละชั้น เพื่อให้ผู้พิการสามารถเข้าไปหลบระหว่างรอเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ 

 

กรุงเทพฯแชมป์ไฟไหม้ เมืองกว้าง-ทางแคบซ้ำซากจนสูญเสีย

 

          4.ผู้ประสบภัยต้องพยายามปิดประตูเพื่อกันไม่ให้ควันเข้ามาภายใน และใช้โทรศัพท์โทรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อบอกตำแหน่งของตนเอง 5.ขณะรอเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ ให้พยายามทำสัญลักษณ์ให้ผู้อื่นทราบตำแหน่งที่ตนเองอยู่ และไม่แนะนำให้ทุบกระจก แต่หากเป็นกระจกแบบเปิดได้สามารถเปิดเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ แต่หากมีควันลอยเข้ามาให้ปิดทันที และการทุบกระจกอาจทำให้เจ้าหน้าที่ที่เข้ามาช่วยเหลือได้รับบาดเจ็บ หรือทำให้สายดับเพลิงขาด 6.การกระโดดออกจากหน้าต่างเพื่อหนีไฟไหม้ จะเกิดอันตรายแก่ผู้ประสบภัยหากอยู่สูงกว่าชั้น 2 7.แนะนำให้อยู่ในชั้นเดิมหรือชั้นที่ต่ำกว่าชั้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้จะปลอดภัยกว่า และ 8.เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ผู้ประสบภัยควรทำตามแผนหนีไฟฉุกเฉินและรีบออกจากตัวตึกทันที

          ผังเมืองที่ไม่มีมาตรฐาน เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของพนักงานดับเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดเหตุในบริเวณชุมชนใหญ่ ที่มีความแออัด ช่องทางเดินแคบเล็ก เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงมักเกิดการสูญเสีย เพราะการดับเพลิงไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เฉกเช่น “ราชเทวี อพาร์ทเม้นท์”