
ที่พักรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เต็มที่บริการ
ที่พักรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เต็มที่บริการ : ร่วมสำนึกต่อหน้าที่เพื่อทำดี ถวาย ร.๙
เมื่อประชาชนไทย พร้อมใจกันหลั่งไหลเข้ามาสู่กรุงเทพมหานครเพื่อร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ เพื่อส่งเสด็จพ่อหลวงในดวงใจสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย
แน่นอนว่า จุดมุ่งหมายของคลื่นมหาชน คนรักพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๙ เป็นสถานที่เดียวกัน คือ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และแม้เจ้าหน้าที่ของรัฐรวมถึงคณะผู้จัดงานจะเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับคลื่นมหาชน ด้วยการเปิดพื้นที่สนามหลวงและบริเวณโดยรอบให้ประชาชนเข้าพื้นที่สำคัญ ได้ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม แต่เชื่อเหลือเกินว่า ประชาชนคงไม่รอออกเดินทางตามเวลาที่เจ้าหน้าที่ประกาศ
เพราะ “พ่อหลวง รัชกาลที่๙” ที่ทรงงานเพื่อพสกนิกรทั้งประเทศมากว่า 70 ปี แน่นอนว่า ประชาชน ที่แม้จะอยู่ห่างไกล ต้องการเดินทางเข้าสู่พื้นที่ ซึ่งการจากบ้านที่ต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพนั้น ต้องหาที่พักค้างคืน โดยเป้าหมายพักค้างของ ประชาชนหนีไม่พ้นโรงแรมที่ตั้งอยู่รอบเกาะรัตนโกสินทร์
จากการสำรวจโรงแรมและที่พัก รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ของ “ทีมข่าวคมชัดลึก” พบว่า โรงแรมทุกแห่งถูกจองเต็ม ตั้งแต่วันที่ 24- 27 ตุลาคม ผู้ที่เข้าพักส่วนใหญ่ คือ คนไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่โรงแรมล้วนตระหนักถึงเป้าหมายและความตั้งใจของผู้เข้าพัก คือ ร่วมงานพระราชพิธีฯ ทางผู้ให้บริการจึงยืนยันกับทีมคมชัดลึก ว่า ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคา หรือ ลดมาตรฐานให้บริการ เมื่อเทียบกับการบริการให้กับชาวต่างชาติ
สำหรับโรงแรมที่เป็นจุดหมายตาของคนไทยที่ต้องการร่วมงานพระราชพิธีฯ คงหนีไม่พ้น“โรงแรมรัตนโกสินทร์” ตั้งอยู่มุมแยกผ่านพิภพลีลา จากการบอกเล่าของ ธีรณัฎฐ์ เผ่าหฤหรรษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการโรงแรม พบว่า ห้องพักโรงแรมถูกจองเต็มจนครบ หลังการประกาศหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เพียง1วัน ดังนั้นทางโรงแรมต้องเตรียมความพร้อมเพื่อคอยให้บริการและอำนวยความสะดวก ทั้งบุคลากรและพนักงานที่ต้องบริการแบบเต็มทีม ซึ่งเผื่อการให้บริการประชาชนทั่วไปด้วย
สำหรับโรงแรมรัตนโกสินทร์ ถือเป็นจุดที่ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นสำคัญ ดังนั้นในช่วงางนพระราชพิธีฯ ต้องเข้มงวดเรื่องผู้เข้าพักมากกว่าปกติ ซึ่ง “ธีรณัฎฐ์” อธิบายว่า สำหรับผู้เข้าพักทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนและลงทะเบียนเป็นข้อมูลให้ทางโรงแรมตรวจสอบได้ภายหลัง นอกจากนั้นก่อนที่ผู้เข้าพักจะเข้าห้องต้องถูกตรวจสอบว่าตรงกับที่แจ้งจองกับทางโรงแรมหรือไม่ เพื่อให้พื้นที่มีความปลอดภัยสูงสุด
นอกจากนั้นบนถนนราชดำเนินกลาง ยังมีโรงแรมอีก 2 แห่งที่ถูกจับจองห้องพักเต็มช่วงงานพระราชพิธีฯ คือ “โรงแรมบ้านดินสอ” สาขา2 ตั้งอยู่หัวมุมถนนดินสอ และ “โรงแรมสยาม ฌอง อาเลเซ่” ตั้งอยู่ด้านหลังหอนิทรรศรัตนโกสินทร์ ของกรุงเทพมหานคร ถนนราชดำเนิน ซึ่งผู้จัดการโรงแรมให้ข้อมูลกับ ทีมคมชัดลึก ว่า สิ่งที่ต้องเตรียมให้แขกที่เข้าพักมากที่สุด คือ ข้อมูลเรื่องการเดินทางเข้าพื้นที่ เพราะถนนและเส้นทางสัญจรในวันงานโดยรอบถูกปิด
ซึ่ง ณัฐนันท์ กุลมาตย์ หัวหน้าแผนกต้อนรับโรงแรมสยามฌอง อาเลเซ่ บอกว่าทางโรงแรมได้ส่งข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับงานพระราชพิธีฯ ผ่านทางอีเมล์ให้ผู้จองห้องพัก นอกจากนั้นได้ส่งข่าวสารทุกแง่มุม ผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ไปยังกลุ่มพนักงานของโรงแรม เพื่อให้ศึกษาและทำความเข้าใจ กรณีต้องสื่อสารให้ผู้เข้าพักทราบเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
“แม้แขกที่เข้าพักส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย และเตรียมข้อมูลงานพระราชพิธีฯ ไว้แล้ว แต่ทางโรงแรมต้องเตรียมพร้อม ทั้งข้อมูล แผนที่เส้นทางให้ผู้ที่ต้องการ รวมถึงแจกสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ของโรงแรมให้กับแขกเข้าพักเพื่อแสดงตัวตนว่าพักที่นี่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ” ณัฐนันท์ เล่ารายละเอียด
เช่นเดียวกับที่ โรงแรมบ้านดินสอ สาขา2 ที่เตรียมข้อมูล แผนที่เดินทางไว้บริการผู้เข้าพัก รวมถึงให้บริการพิเศษกับ ประชาชนทั่วไปที่ต้องชำระร่างกาย ราคา 150 บาทต่อคน พร้อมมีผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำบริการ นอกจากนั้นแล้วผู้ที่จองห้องพักในวันที่ 25 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่เริ่มปิดการจราจร ทางโรงแรมรับฝากกระเป๋า เสื้อผ้าและสิ่งของล่วงหน้าก่อนวันเข้าพัก เพื่ออำนวยความสะดวกในวันเดินทางเข้าพื้นที่แบบไม่ต้องหิ้วของพะรุงพะรัง
อย่างไรก็ดี เรื่องห้องพักถือเป็นปัจจัยหลักของ ประชาชนที่ต้องการส่งเสด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๙ ช่วงงานพระราชพิธีสำคัญ ยอมรับว่า โรงแรมที่เดินทางสะดวก ตั้งติดกับถนนราชดำเนินถือเป็นเป้าหมายหลักของใครหลายคน แต่เมื่อที่พักเป้าหมายถูกจองเต็ม โรงแรม ที่พัก และ ย่านอาศัยพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งซ่อนตัวในถนนสายรอง ทั้งตรอก และซอย จึงเป็นตัวเลือกสำรองที่สำคัญ แม้จะเป็นโรงแรมที่อยู่ในระดับสี่ดาว หรือ โรงแรมไร้ดาว รวมถึงห้องพักแบบนักเดินทางขาลุย
เมื่อทีมข่าวคมชัดลึก เดินเท้าเข้าไปสอบถาม พบว่าโรงแรมที่เป็นตัวเลือกสำรองนั้นถูกจองเต็ม ในช่วงเวลา 3 วันของงานพระราชพิธีฯ
ขณะที่ โรงแรมดีโฮสเทล บางกอก ตั้งอยู่ริมถนนบุณศิริ เขตพระนคร ซึ่งเป็นที่พักแบบนักเดินทางขาลุย ด้วยห้องพักแบบนอนรวม เตียง2 ชั้น แบบ4 เตียง และแบบ6 เตียง ถูกจองเต็มตั้งแต่เมื่อ3 เดือนที่ผ่านมา โดย สมพงษ์ อุตสาห์พานิช ผู้จัดการโรงแรมดีโฮสเทล เล่าว่า แขกที่เข้าพักส่วนใหญ่มาเป็นหมู่คณะ และครอบครัว จึงสะดวกเข้าพักแบบห้องนอนรวมกัน สำหรับช่วงงานพระราชพิธีฯ ผู้ที่รับบริการของโรงแรมคือ คนไทยเกือบทั้งหมด ซึ่งต่างจากฤดูท่องเที่ยวปกติที่ผู้เข้าพักจะเป็นนักท่องเที่ยวแถบยุโรป
แต่การให้บริการนั้นไม่มีแบ่งแยกคนไทยหรือคนต่างชาติ และยิ่งในช่วงงานพระราชพิธีฯ ที่ประชาชนคนไทยรอส่งในหลวงรัชกาลที่๙ ด้วยความอาลัย ทางโรงแรมดีโฮสเทล บางกอก ยังจัดบริการพิเศษเพื่อให้ผู้ที่เข้าพัก เพื่อเป็นการทำความดี ถวายเป็นพระราชกุศลด้วย นั่นคือ จัดอาหารมื้อพิเศษ ในช่วงเวลา เที่ยงคืนของวันที่ 25 และเที่ยงคืน วันที่26 ตุลาคม
“ผมเชื่อว่าในช่วงวันนั้น แขกของโรงแรมที่ตั้งใจร่วมงานพระราชพิธีฯ ต้องเดินทางไปจองพื้นที่ส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่๙ ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง และแถวนี้เวลานั้นอาจหาอาหารทานได้ลำบาก ทางโรงแรมจึงจัดเมนูกาแฟ ขนมปัง และอาหารทานง่ายให้กับผู้เข้าพักได้ทานรองท้อง ซึ่งเป็นมื้อพิเศษที่ต่างจากการเข้าพักช่วงปกติที่มีบริการอาหารเช้าในเวลา7โมง นอกจากนั้นด้านหน้าโรงแรม มีบริการน้ำดื่มฟรีสำหรับผู้เข้าพักและประชาชนที่สัญจรในเส้นทางนี้ โดยทั้งหมดถือเป็นส่วนหนึ่งที่ตั้งใจทำเพื่อในหลวงรัชกาลที่๙ ทดแทนที่วันงานพระราชพิธีพนักงานของโรงแรมจะไม่ได้เข้าร่วมส่งพระองค์ในพื้นที่จัดงาน” สมพงษ์ กล่าว
นอกจากการเตรียมพร้อมเรื่องข้อมูลและการบริการของเจ้าหน้าที่โรงแรมแล้ว ในช่วงงานพระราชพิธีสำคัญ หลายโรงแรมได้ปรับภูมิทัศน์ภายนอกและภายในโรงแรมให้เหมาะสมด้วย ทั้งนำต้นดาวเรืองประดับโดยรอบ, ติดรูปพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๙, เขียนข้อความไว้อาลัย เป็นต้น และในโรงแรมหลายที่ที่เปิดบทเพลงขับกล่อมแขกเข้าพัก ยังเปลี่ยนจังหวะเพลงให้ช้าลง และบางที่ได้น้อมนำบทเพลงพระราชนิพนธ์ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เปิดให้ผู้เข้าพักได้ฟังด้วย
โดยทางโรงแรมที่ปรับสภาพพื้นที่เพื่อร่วมถวายความอาลัยและความจงรักภักดี ต่อองค์พระมหากษัตริย์ รัชกาลที่๙ ของชนชาวไทย ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ล้วนเป็นความตั้งใจทำร่วมถวายความอาลัยเพื่อพระองค์ ซึ่งจะทำแบบนั้นไปจนถึงวันสิ้นเดือนตุลาคมนี้
ขณะที่การเดินทางเข้าพักของประชาชนนั้น แม้ส่วนใหญ่จะเลือกเข้าพัก วันที่ 24 ตุลาคม แต่ยังมี ประชาชนส่วนหนึ่ง ที่เลือกวันเดินทางและเข้าพักตั้งแต่ต้นสัปดาห์ อย่างกลุ่มสาวใหญ่ จากต.น้ำพุ อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เลือกวันเข้าพักก่อนงานพระราชพิธีฯ จะเริ่ม
โดย นางปทุมมา ไทยเสน ตัวแทนกลุ่มสาวใหญ่ วัย 55 ปี เล่าว่าทั้งคณะมา 5 คนพักที่โรงแรมเวียงสำราญ ตั้งอยู่ด้านหลังถนนราชดำเนินกลาง ความตั้งใจ คือ ร่วมถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แม้ก่อนหน้านี้ตลอด 1 ปีที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต จะมีโอกาสเข้ากรุงเทพ เพื่อกราบพระบรมศพ แล้วถึง 5 ครั้ง แต่รอบนี้ถือเป็นความตั้งใจที่ต้องทำให้ได้ เพื่อน้อมส่งพระมหากษัตริย์ที่ครอบครัวรักและเทิดทูน
อย่างไรก็ดีในความเคลื่อนไหวของประชาชน ที่รอร่วมงานพระราชพิธีฯ ยังมี ตัวแทนประชาชนอีกหลายจังหวัดที่ทำไม่ได้ตามความตั้งใจ ด้วยเพราะที่พักเต็มและ ไร้กำลังทรัพย์ อย่างตัวแทนของชาวบ้าน จ.อยุธยา และ จ.แม่ฮ่องสอน ที่แม้มีโอกาสเข้าพักที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ในคืนวันที่ 22 ตุลาคม แต่เมื่อรุ่งเช้าต้องเดินทางกลับ เพราะมีคนรอคิวเข้าห้องพักและไม่มีที่พักอื่นรองรับความต้องการ ตัวแทนชาวบ้านเหล่านี้ บอกกับทีมข่าวคมชัดลึก ด้วยสีหน้าเศร้า ว่า จะขอร่วมส่งเสด็จ ในหลวงผ่านหน้าจอโทรทัศน์ แม้เขาจะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ร่วมส่งพระองค์ที่สนามหลวง แต่ต้องข่มความรู้สึกนั้นไว้ และคิดอีกมุมว่า ถือว่าโชคดีแล้วที่ได้ถวายพวงมาลัยดอกดาวเรือง และน้อมใจส่งพ่อหลวงใกล้สุดแล้วแม้กำแพงพระบรมมหาราชวังจะกั้นไว้
และนั่นก็เป็นภาพรวมทั้งหมดของการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ความรับผิดชอบของ ผู้ประกอบการสถานที่พัก โรงแรม และประชาชน ที่เขาได้เตรียมพร้อมไว้อย่างสูงที่สุด เพื่อรอวันส่ง พ่อหลวงรัชกาลที่๙ เป็นครั้งสุดท้าย.
ขนิษฐา เทพจร