คอลัมนิสต์

วันที่เพื่อไทยไม่มี "ยิ่งลักษณ์"..."บิ๊กตู่" อย่าฝันหวาน!?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

(สัมภาษณ์พิเศษ) “ภูมิธรรม” เปิดใจ... วันที่ไม่มี ‘นางสิงห์’...อย่าฝันหวานว่า ‘ประยุทธ์’ จะได้เป็นนายกฯอีก!!

 

                  “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดใจกับเครือเนชั่น หลัง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ผู้นำของพรรคที่เขาเรียกว่า “นางสิงห์” หายตัวไปเกือบ 1 เดือน กับอนาคตพรรคที่เขาแสดงท่าทีว่าพร้อมเดินหน้าทันทีที่กติกาชัดเจน และอนาคตของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่เขาบอกว่า “อย่าฝันหวาน” ว่าจะได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง

 

                  “ยิ่งลักษณ์”  ไม่มาศาล สู้เต็มที่แล้ว

                  กรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่มาศาลเพื่อฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า คนสามารถคิดไปได้ แต่เรื่องที่นายกฯ เกิดคดีหลังรัฐประหาร ยังมีคำถาม ยังไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดกับท่าน วันนี้เรื่องราวที่เกิดในหลายเรื่อง ระบบไม่ได้เปิดให้พูดคุยถกเถียงต่อสู้ตามกระบวนการที่เปิดเผย หรือหลักที่ยุติธรรมเพียงพอ หากระบบเปิดกว่านี้ อะไรที่ผิด ควรจะต้องผิด ถ้าผิดต้องรับผลการกระทำของตนเอง แต่ถ้าไม่ชัดเจนคลุมๆเครือๆจะเป็นที่มาแห่งปัญหาที่หาข้อยุติไม่ได้ หากถามว่าผิดหรือไม่ หลายเรื่องเราก็เห็นต่างแม้กระทั่งเรื่องที่เข้าสู่กระบวนกรยุติธรรม  เรายังไม่คิดว่าสิ่งที่นายกฯยิ่งลักษณ์ทำหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ผิด เราเชื่อมั่นในตัวท่าน ท่านทำด้วยความโปร่งใสและมีกลไกของระบบรองรับ หลายเรื่องที่รัฐบาลจะทำ รัฐบาลก็ใช้กลไกกฤษฎีกาที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายให้ความเห็น ถ้าเรื่องการใช้งบประมาณ เราก็มีสำนักงบประมาณ มีการตรวจสอบอยู่

                “เรื่องจำนำข้าว ก็ได้ทำภายใต้กรอบ ผ่านตามกระบวนการ ทุกอย่างมีกฎเกนฑ์กติกายอมรับ สิ่งที่ฟ้องนายกฯ มาตรา157 ได้ผิดตรงนั้นหรือไม่ ที่ผ่านมาท่านก็สู้อยางเต็มที่ จนมาถึงวันที่ 1 ส.ค.ท่านพยายามใช้กระบวนการทางความยุติธรรมอย่างเต็มที่ เท่าที่ทำได้ จะเห็นได้จากการแถลงปิดคดี ท่านได้ชี้ให้เห็นทุกกรณี  แต่ในวันที่  27 ก.ย.จะมาศาลหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง   แต่เราคิดว่าโดยกระบวนการท่านได้ทำครบถ้วน และหลังจากวันที่ 1 ส.ค.ท่านคงได้ไตร่ตรองของท่าน ซึ่งเราไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไร เพราะมีผลต่อท่านโดยตรง”

                  ส่วนถามว่ารู้หรือไม่ว่าท่านจะหนีนั้น  คิดว่าไม่มีใครรู้ คนที่พูดก็คาดการณ์  เรารู้เพียงว่า เราได้ทำทุกระบวนทุกอย่างอย่างเต็มที่ที่สุดภายใต้ข้อจำกัด  ทั้งหมดอยู่ที่ตัวนายกฯยิ่งลักษณ์ และคิดว่าไม่มีใครรู้ได้ดีเท่าตัวท่าน คนอื่นตอบก็เพียงการคาดการณ์  คิดว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เมื่อชัดเจน ท่านคงจะออกมาชี้แจงเอง คิดว่าท่านเข้มแข็ง ท่านเชื่อมั่นว่าไม่ได้ผิดอะไร ได้ทำเต็มที่แล้ว อย่างที่สมควรจะทำ ท่านทำอยู่คนเดียวและเปิดเผยต่อสาธารณชนทุกขั้นตอน  ตั้งแต่ท่านต้องคดีท่านไม่เคยเข้ายุ่งเรื่องราวต่างๆในพรรคเลย ท่านไปทำหน้าที่ของท่าน หลายครั้งท่านก็รู้ว่า อย่างเรื่องเผชิญสืบ ท่านก็อยากให้ไปดูว่าไม่เป็นจริงตามนั้น แต่ศาลคิดว่าไม่มีความจำเป็น ก็เป็นอำนาจของศาล หรือเรื่องท่านรู้สึกว่าในการพิจารณาคดีของท่าน จากคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ดำเนินการ หรือบุคคลบางคนที่ดำเนินคดีมา รู้สึกว่าไม่สบายการทำหน้าที่ ขอเปลี่ยนแปลง เหมือนที่สุเทพ เมือกสุบรรณ ขอเปลี่ยน ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิของจำเลย สิทธิของผู้ถูกกล่าวหา จริงๆโดยกระบวนการปกติจะถามว่ากรรมการที่ตั้งขึ้นมาสบายใจหรือไม่สบายใจ ส่วนใหญ่เราก็มีสิทธิบอก แต่ดุลพินิจอยู่ที่ผู้พิจารณาอันนี้ก็จะเป็นปัญหา หลายเรื่องกระบวนการไม่สมบูรณ์

 

วันที่เพื่อไทยไม่มี "ยิ่งลักษณ์"..."บิ๊กตู่" อย่าฝันหวาน!?

                  “ยิ่งลักษณ์” สู้อย่างนางสิงห์

                  “ทุกอย่างต้องรอตัวท่านมาพูด ว่าเห็นอย่างไร รับหรือไม่รับอะไร วันนั้นที่ท่านออกมาพูดเอง คงจะชัดเจนที่สุด ไม่ควรมีใครไปพูดแทนท่าน เรารู้ว่าท่านพยายามสู้อย่างนางสิงห์ ถึงที่สุด ได้พยายาม และท่านได้ทำในสิ่งที่ท่านควรทำ ท่านมั่นใจในสิ่งที่ท่านปฎิบัติและท่านรู้สึกว่าท่านไม่ได้ทำผิดอะไร ท่านพยายามพิสูจน์ตนเอง แต่ตลอดเวลา 2 ปีกว่า ที่ท่านได้พิสูจน์ ภายใต้ข้อจำกัดที่ อำนาจที่อยู่เฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้อง และกระบวนการที่กำลังดำเนินการอยู่ แต่ละขั้นตอนโดยเฉพาะขั้นตอนแรกๆของกระบวนยุติธรรม อาจจะเป็นปัญหาที่ท่านรู้สึกมาก จำคำพูดที่ท่านพูดได้ เมื่อถ้าต้นทางมันไม่ดี ปลายทางก็จะมีปัญหา ท่านเลยอยากให้ดูทั้งหมดดูจากกระบวนการ ทั้งระบบด้วย และคำแถลงวันที่  1 ส.ค.ท่านคงได้พูดความในใจของท่านทั้งหมด ได้พอสมควร ตรงนั้นเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ว่าท่านรู้สึกอย่างไร ส่วนหลังจากนั้นแล้ว ที่ท่านได้สู้มาครบกระบวนและคิดอะไรยังไง ต้องรอท่านพูด”

 

                  สูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่าของพรรค

                  ถามว่า การไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยมีผลกระทบหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่ได้มองแค่ว่ามาหรือไม่มา แต่เรามองทั้งกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้  แต่เราก็ถือว่าสูญเสียบุคลากรที่มีคุณค่าไป  แต่ก็ไม่มีผลกระทบกับพรรคอย่างรุนแรง เพราะเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ 10 กว่าปี เราสูญเสียบุคลากรไปเป็นจำนวนมาก ครั้งนี้จะเป็นอีกครั้งที่สูญเสียบุคลากรระดับผู้นำของพรรค แต่พรรคเราไม่ได้ยืนอยู่ที่ตัวบุคคล และเรียนรู้ที่จะต่อสู้มาโดยตลอด สิ่งที่ทำให้เรายืนอยู่ได้ เพราะความสามัคคีของสมาชิกพรรคเราและการต้อนรับให้กำลังใจของพี่น้องประชาชน เป็นแรงผลักดันให้เราอยู่ได้

                   ส่วนถามว่าจะเป็นการสูญเสียครั้งสุดท้ายหรือไม่นั้น เราคงตอบไม่ได้ ได้แต่หวังว่า ระบบการเมืองภายในประเทศจะเข้าสู่ภาวะปกติ มีหลักการชัดเจน ยึดหลักนิติธรรมที่สากลยอมรับได้  ให้เดินหน้าของประเทศไปในทิศทางที่ดี เวลานี้การเมืองไทย ยังเป็นการเมืองของชนชั้นนำอยู่ ยังไม่ถึงประชาชนอย่างแท้จริง และยังไม่สามารถมีผลมาเปลี่ยนแปลงได้เท่าไหร่ ต้องคิดว่าต้องรอเวลา สิ่งสำคัญต้องรอระบบมันเปิด

 

วันที่เพื่อไทยไม่มี "ยิ่งลักษณ์"..."บิ๊กตู่" อย่าฝันหวาน!?

                  กติกาเพื่อประชาธิปไตยแบบไทยๆ

                  เมื่อถามว่ามองเรื่องการเลือกตั้งที่กติกาที่วางไว้เพื่อเป็นการสกัดกั้นพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยจะมีการปรับตัวอย่างไร  นายภูมิธรรม กล่าวว่า กติกานี้ถูกวางภายใต้ที่บอกว่า จะสร้างระบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ตนคิดว่า กฎกติกามีผลกระทบต่อระบบพรรคการเมืองทั้งหมด องค์กรประชาธิปไตยทุกองค์กร องค์กรทางสังคมส่วนใหญ่ สื่อมวลชน ประชาชนก็ได้รับผลกระทบ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ต้องมีขอบเขตที่จำกัด  คำตอบของเรื่องนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ จะเป็นคนตอบ แต่หากเป็นข้อสรุปของคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าคิดแบบนี้แล้วส่งผลดีต่อทุกฝ่าย ก็เดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าไม่ใช่  ก็ต้องถูกตั้งคำถาม ปัญหาคือว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นประชาธิปไตยแบบไหน แต่ต่างประเทศต้องยอมรับได้  ยินดีพบปะกับคุณภายใต้พื้นฐานระบบที่เปิด  ที่ควบคู่ไปกับหลักนิติธรรม แต่ขณะนี้อยู่ที่อำเภอใจของผู้มีอำนาจหรือไม่ ดุลพินิจกับอำเภอใจใกล้เคียงกัน ดุลพินิจฟังดูดี แต่ถ้าดุลพินิจที่ไม่ดีก็คืออำเภอใจ ตรงนี้จะเป็นปัญหา แต่ที่สุดก็อยู่ที่ปากท้อง ถ้าทำแล้ว ประชาชนกินดีอยู่ 

                 “รัฐบาลปัจจุบัน บอกจะเข้ามาแก้ปัญหา เขาก็รอ บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเขาพยายามหลีกเลี่ยงภายใต้การปกครองโดยรัฐบาลชุดนี้ ทุกคนพยายามไม่เป็นเงื่อนไขให้มีปัญหา แต่3 ปีที่ผ่านมา เหมือนปัญหาถูกกลบไม่ได้แก้ปัญหา อ้างเหตุผลที่ว่าเกิดขึ้นมานานแล้ว รัฐบาลเก่าไม่แก้ แต่คุณอาสามาแก้ปัญหา ทุกคนร่วมมือให้ความสงบ แต่ทำไมยังไม่จบ ทุกวันนี้ก็อ้างว่า เป็นเรื่องกรอบกติกาที่ยังไม่แล้วเสร็จ”

 

                 คงไม่ได้เลือกตั้ง

                “คนกลุ่มนี้ที่มาร่าง หากบอกว่าทำไม่ได้ คุณก็เปิดให้สถาบันทางวิชาการ ตัวแทนสื่อมวลชนบางส่วน ผมเชื่อว่ามีคนพร้อมทำงาน ภายใน 1-2 เดือน ทุกเรื่องเลยที่คุณบอกยังค้างอยู่ จึงไม่ใช่เหตุผล ฝ่ายบริการทางกฎหมายที่ให้บริการหากบริการไม่ได้ ก็เอาคนอื่นมาทำ ผมเชื่อว่า นักวิชาการหลายท่านมองเห็นปัญหาอยู่ ว่าจะไปทางไหน การทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า มันอยู่ภายใต้กรอบกติกาแบบนี้ จะทำให้ประเทศอยู่ในภาวะที่กดดัน  ผมว่าต้องเร่งแล้ว เข้าปีที่  4 มากเพียงพอในความต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกติกาอะไร ก็ยังไม่ชัดเจน  สิ่งที่ชัดเจนมาโดยตลอดกับ รัฐบาลกลุ่มนี้ ผู้มีอำนาจกลุ่มนี้คือ “ความไม่แน่นอน” ตอนแรกสร้างเงื่อนไขว่า กฎหมายลูก ตอนนี้สร้างเงื่อนอีกว่า ถ้าไม่ปรองดองก็ไม่ได้เลือกตั้ง แล้วปรองดองจะเกิดหรือไม่ แค่ไหนเรียกปรองดอง ทุกวันนี้ทุกคนหยุดนิ่งไม่ได้ทำอะไรเลย การวิพากษ์วิจารณ์ผลงานรัฐบาลที่ทำ หากแบบนี้เรียกไม่ปรองดอง แบบนี้คงไม่ได้เลือกตั้ง”

 

             ไล่กลับไปทำหน้าที่รั้วของชาติ

             “คุณใช้อำนาจอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีภัยรบกวนเหมือนรัฐบาลเลือกตั้งปกติ  3 ปีเข้าปีที่ 4 แล้ว คุณได้ทำให้ประชาชนสบายใจพึงพอใจหรือไม่ พรรคการเมืองวันนี้ไม่เป็นเงื่อนไข แต่ทุกอย่างที่มีปัญหาทุกวันนี้ คุณก็โยนให้พรรคการเมือง  วันนี้คุณทำได้คุณต้องบอกคุณทำ อะไรทำไม่ได้ต้องบอกทำไม่ได้  ผมคิดว่า 3 ปีเป็นคำตอบ คุณมีศักยภาพเพียงพอ และแก้วิกฤตของประเทศหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง เรื่องความมั่นคง เป็นทหาร ในเมื่อเรื่องการบริหารประเทศไม่ใช่เรื่องของความมั่นคงอย่างเดียว เป็นเรื่องการจัดการชีวิต เศรษฐกิจ การดูแลทางสังคม การบริหารการความสัมพันธ์ในสังคม ถ้าจัดการไม่ได้ ก็ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่น เข้ามา คุณก็ทำหน้าที่เป็นรั้วของบ้าน

              ลองไปเดินถามตามตลาด ถ้าวันนี้ชาวบ้านกินดีอยู่ดีแล้วบอกเศรษฐกิจแย่ ชาวบ้านเขาก็หัวเราะ แต่วันนี้บอกเศรษฐกิจดี ลองไปถามชาวบ้านดู ไม่ได้ใส่ร้าย ชาวบ้านอยู่ไมได้ ชาวนาบ่น ไม่ใช่เรื่องที่ปั้นเรื่องมาด่ากัน ถ้ารัฐบาลเลือกตั้งเป็นแบบนี้ ทำไม่ได้ ก็ต้องออกให้รัฐบาลชุดใหม่มา แต่วันนี้ไม่มีคนไล่ท่านหรอก แต่ท่านจะอยู่เป็นเงื่อนไขให้ประเทศมีข้อจำกัดแบบนี้หรือไม่ หรือที่อยู่พราะอะไร ท่านมาเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นใช่หรือไม่”

 

วันที่เพื่อไทยไม่มี "ยิ่งลักษณ์"..."บิ๊กตู่" อย่าฝันหวาน!?

              กติกาชัดเมื่อไร พร้อมเดินหน้า

              ถามว่าต้องเตรียมการเลือกตั้งหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า บอกเลยไม่เตรียมตัวเพราะทุกคนเท่ากัน แต่เราบอกกับสมาชิกพรรคว่า  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเสียงของประชาชน เวลานี้อย่าไปสนใจกฎกติกา ชัดเจนเมื่อไหร่ค่อยคุย เพราะยังไม่ข้อสรุป นักาการเมืองเรา ต้องลงไปหาประชาชน ไปเยี่ยมในยามที่เขาทุกข์โศก นักการเมืองอาสามาทำงาน คือการเตรียมตัวที่ดีที่สุด ถกเถียงโวยวายไม่มีประโยชน์ กติกาออกเลือกตั้งเลย  ยกเว้นผู้อำนาจแอบซุ่มทำอะไรไว้ก่อน อันนั้นจะได้เปรียบ ผู้มีอำนาจเป็นคนกำหนดขั้นตอน ก็อาจจะไปเตรียมการอะไรก่อนได้ แต่ว่าสำหรับพรรคการเมืองเท่ากัน เท่าเทียมกัน

 

                  ยกบทเรียนทหารพม่าสอน คสช.

                 เมื่อถามว่าความสัมพันธ์พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ จะสามารถนำไปสู่การจับมือร่วมกันหรือไม่ ไม่ว่าก่อนหรือหลังเลือกตั้ง  นายภูมิธรรม กล่าวว่า  พรรคการเมืองต่างมีจิตวิญญาณที่เหมือนอยู่อย่างคือการยอมรับด้วยการมาโดยอำนาจของประชาชน เรารู้ว่า ประชาชนเป็นฐานสำคัญ แต่วิธีการอาจจะแตกต่างกัน ตนว่าไม่มีปัญหาอะไรสำหรับพรรคการเมืองในการยอมรับในระบบ การเข้ามาสู่อำนาจสู่ระบบรัฐสภา ถึงวันนั้นพรรคการเมืองต่างๆ ก็ทำหน้าที่ในการหาทางออกให้กับระเทศ  หากถามว่าคุยกันหรือไม่ คุยกันได้ แต่ถามว่า ร่วมมือกันได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับสภานการณ์ วันนี้ถามว่าใครจับมือใคร คือคำถามที่มาก่อนเวลา

                  “พรรคเพื่อไทยเราไม่เห็นด้วยกับนายกฯคนนอก ที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าพรรคการเมืองคุยกันได้ หาได้ แต่ทุกวันนี้พยายามหาข้อยกเว้น ข้อยกเว้นต้องมีวิกฤติ สมมุติประชาชนให้มาเต็ม ยกตัวอย่าง อองซาน ซูจี ทหารวางไว้หมดเลย ในที่สุดก็มาเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์  ทหารกล้าอยู่ในอำนาจต่อหรือไม่ ก็ต้องยกให้ แต่คงไม่เบ็ดเสร็จ  แต่อย่างไรก็ต้องคืน ผมคิดว่าวันนี้เรามุ่งเดินหน้าบนพื้นฐานระบบประชาธิปไตย ให้ระบบทำหน้าที่กลไกประชาธิปไตยหาทางออกได้ ข้อยกเว้นไม่ควรจะมี หรือต้องเกิดจากมีวิกฤติจริงๆ”

 

วันที่เพื่อไทยไม่มี "ยิ่งลักษณ์"..."บิ๊กตู่" อย่าฝันหวาน!?

                  อย่าฝันหวาน “ประยุทธ์” จะเป็นนายกฯอีก

                  เมื่อถามว่าตอนนี้คนส่วนใหญ่เชื่อว่านายกคนต่อไป จะชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายภูมิธรรม สวนทันทีว่า “ก็อย่าฝันหวานนัก บทเรียนพม่ามีมาแล้ว ขนาดปกครองมาตั้ง 30- 40 ปี ผมเชื่อว่าทำทุกอย่างให้เข้าสู่ระบบปกติ เพราะคำตอบไม่ได้เพียงตกลงนายกคือใคร แต่คำตอบคือ ต้องการให้ประเทศหลุดพ้น ให้เป็นที่ยอมรับ เพื่อเปิดประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า และทุกอย่างมันเดินไปได้  คิดแต่หาทางออกให้วิกฤติ กฎเกณฑ์ต้องออกแบบให้เข้าสู่ระบบปกติ  แต่เรายังไม่เห็นอะไรที่นำไปสู่ภาวะที่ไม่เป็นปกติ ยกเว้นมีคนที่ยังอยากจะมีอำนาจ แสวงหาอำนาจไม่ต้องการให้ระบบปกติมันเดินได้ เพราะตนเองยังเพลิดเพลินกับการมีอำนาจอยู่

                 ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอย่างแน่นอน ส่วนพรรคการเมืองอื่น จะเสนอคนที่เหมาะสม และผมไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯต่อ ที่แน่ๆก็ไม่แน่มาเยอะแล้ว ไม่มีใครรู้ แต่อย่างไรเขาต้องมาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย  ถ้าจะมาเป็นนายกฯต้องสง่างามต้องมาจากสภา  ในเมื่อใช้วิธีพิเศษทำมาแล้ว  4 ปี สำเร็จแค่ไหน ให้ประชาชนตอบ วันที่ลงเลือกตั้ง ไปบอกประชาชนเลย ว่าพรรคไหนสนับสนุนใครเป็นนายก ใครอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ก็ประกาศเลย ชอบธรรม ตอนหาเสียง แต่หากถามวันนี้ ตอบยาก เพราะยังไม่เห็นวี่แววการเลือกตั้ง”

                นายภูมิธรรม กล่าวว่า พอกฎหมายกติกาออกมา จะมีตัวแปร ซึ่งทางพรรคจะมาดูอีกที “ตอนนี้เขาก็กำลังคิดกันอยู่ แต่การคิดของเขาเป็นการคิดที่ยังไม่มีประสบการณ์จริง เราก็นั่งดูจะไปเต้นทำไม อยากทำอะไร ว่ามา” 

 

               แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย

               เมื่อถามว่าคนเหมาะสมจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย หรือแคนดิเดตหัวหน้าพพรรค นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ไม่มีใครตอบได้กระบวนการในการหารือยังไม่เปิด จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อให้พรรคการเมืองทำหน้าที่ เปิดเมื่อไหร่ภายใน 30 วัน เราสรุปแน่นอน เพราะเรารักษาการอยู่ การตัดสินใจเลือก ต้องมีผู้เกี่ยวข้องเยอะ ต้องเลือกกรรมการพรรคชุดใหม่แน่นอน แต่ถามว่าเลือกแคนดิเดตนายกฯ ต้องรอดูก่อนว่าเขากำหนดกติกาว่าอย่างไร

               ทั้งนี้วันนี้ภายในพรรคทุกคนเป็นตัวจริงหมด เพราะทุกคนเข้ามาช่วยทำงาน แต่ทุกวันนี้มีข้อจำกัด ใครทำอะไรได้ก็พูดคุยกันไป แต่ละคนเข้ามาทำงาน ไม่ได้บังคับ วันนี้ก็มีพล.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค คนอื่นยังเข้ามาไม่ได้ รอวันที่เปิด

                “วันนี้พรรคเรามีเยอะ คนเด่น คนมีศักยภาพ บุคลากรเยอะไปหมด เอาใครก็ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ท่านโภคิน (พลกุล) ท่านพงศ์เทพ (เทพกาญจนา) ท่านชัยเกษม (นิติสิริ) คุณจาตุรนต์ (ฉายแสง) คุณหญิงสุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์) ท่านชูศักดิ์ (ศิรินิล) เป็นได้หมด แต่ต้องถามว่า วันหนึ่งคุณต้องการหัวหน้าพรรคแบบนี้ ถ้าต้องการแบบทักษิณ ก็ต้องทักษิณ ยกตัวอย่าง ถ้าพูดเรื่องนักสิทธิมนุษยชน นักต่อสู้ จาตุรนต์ก็หาตัวจับยากคนหนึ่ง เอาคนอื่นไปเทียบก็อาจเป็นได้แต่ดีกรีอาจจะต่ำกว่า ถ้าสถานการณ์ต้องนักสิทธิมนุษยชนคุณจะตัดจาตุรนต์เป็นหนึ่งในสามได้ไง ถ้าสู้เรื่องข้อกฎหมายหนักหน่วง โภคิน ชูศักดิ์ ชัยเกษม พงศ์เทพ ได้ทั้งนั้น คนหนึ่งเป็นอัยการ คนหนึ่งเป็นผู้พิพากษา คนหนึ่งเป็นอดีตประธานศาลปกครอง คนหนึ่งเป็นอธิการบดีมหาวิทายาลัยรามคำแหง เป็นนักกฎหมาย ได้หมดเลย ถ้าเอามือประสานงานนักการเมือง อย่างคุณสุดารัตน์ ก็ได้เต็มไปหมด เตรียมๆมาบอกนาย ก.แต่ถึงเวลามันไม่ใช่ ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เราจะไปฝืนได้อย่างไร ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ไปบอกว่าเป็นคนนั้น คนนี้ยังไม่ได้ นี่คือความชัดเจน นี่คือความเป็นจริง”

 

                  หัวหน้าพรรคไม่จำเป็นต้องเป็นตระกูล “ชินวัตร”

                  เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคไม่จำเป็นต้องมาจากคนในตระกูลชินวัตรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่จำเป็น แต่ไม่ใช่ปฎิเสธ เพราะเราไม่ได้ปิดทางใคร และยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกชัดเจน  แต่ขึ้นอยู่กับว่าความจำเป็นในการทำงานการเมืองครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร ใครคือบุคคลที่เหมาะสม ที่ยึดกุม หลักคิดปรัชญาของพรรคได้ และอุดมการณ์พรรคได้ สามารถร้อยดวงใจของคนในพรรคเข้ามาเป็นหนึ่งได้ แต่ละคนก็มีดีมีด้อยที่ต่างกัน การเมืองความเป็นจริงอยู่ ณ วันนั้นต้องการแบบไหน การเมืองอยู่ ณ วันที่ปัจจุบัน

 

วันที่เพื่อไทยไม่มี "ยิ่งลักษณ์"..."บิ๊กตู่" อย่าฝันหวาน!?

                  ถ้า “ประยุทธ์” อยากมา ให้เสนอตัวมาตามระบบ

                  ถามว่า อยากฝากอะไรถึงนายกฯประยุทธ์ รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า “ผ่านมา 3 ปี เป็นเวลาพอสมควรแล้วที่ท่านเข้ามา วันนี้เราต้องยอมรับว่าระบบของประเทศที่มีปัญหาต้องการระบบที่เปิด ต้องการกลไกที่สังคมยอมรับ เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เราต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย อยากให้เปิดให้ประชาชนมามีบทบาท มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา การเปิดให้มีระบอบประชาธิปไตย ให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนเลือกคนที่จะเข้ามาดูแลแก้ปัญหาของประเทศเป็นระบบที่ดีที่สุด และจะเป็นผลดีทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และท่านก็สามารถไปอยู่ในที่ทางของท่านได้

                  เมื่อท่านเข้ามาเห็นปัญหาของประเทศ ถ้าท่านอยากทำ ท่านอาสาตัวลงมา เราไม่เคยรังเกียจผู้ที่อาสาตัวลงมา ขอให้มาตามกระบวนการ ท่านเข้ามาก็จะสง่างาม และจะเป็นนักการเมืองอ่างสมภาคภูมิที่มาด้วยการได้รับอาณัติจากประชาชน ไม่ได้มาโดยท่านตัดสินใจเองโดยไม่ได้มีใครเชิญหรือให้อาณัติท่าน ซึ่งท่านก็จะพูดได้เต็มปากว่า ที่ท่านมา เพราะท่านเสนอตัวและประชาชนเลือกท่าน และท่านก็จะได้ทำหน้าที่อย่างเต็มภาคภูมิ”

 

โดย โอฬาร เลิศรัตนดำรงกุล, สมฤทัย ทรัพย์สมบูรณ์ คมชัดลึกออนไลน์

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ