
มอง‘เปรี้ยว’สวยสังหาร ผ่าน‘จิตแพทย์’-‘หมอผ่าศพ’
'เปรี้ยว' มือสังหาร 'น้องแอ๋ม' สาวคาราโอเกะ เป็นคนอย่างไรในสายตา 'จิตแพทย์' และการหั่นศพ ทำได้ยากหรือไม่ ?
การก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าหั่นศพ น.ส.วาริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ ‘น้องแอ๋ม’ สาวคาราโอเกะ กำลังเป็นข่าวที่อยู่ในความสนใจของประชาชนเป็นอย่างมากอยู่ในขณะนี้ โดยคดีนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุหลายคน คือ น.ส.ปรียานุชหรือเปรี้ยว โนนวังชัย, น.ส.กวิตา ราชดา , น.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต ,นายวศิน นามพรหม และน.ส.จิดารัตน์หรือเบนซ์ พรหมคุณ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้แล้ว 2 คน คือ นายวศิน และ น.ส.จิดารัตน์ ส่วนอีก 3 คน คือ น.ส. ปรียานุช ,น.ส.กวิตา และ น.ส. อภิวันทน์ ยังหลบหนีคดีอยู่
สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้ ผู้ที่สังคมให้ความสนใจมากที่สุด ก็คือ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว เพราะนายวศิน ให้การซัดทอดว่า‘เปรี้ยว’ เป็นคนลงมือสังหาร‘น้องแอ๋ม’ และเป็นคนลงมือหั่นศพเพียงคนเดียว ซึ่งสอดคล้องกับการบอกเล่าของ ‘ประภาศิริ สมศรี ’ พี่สาวของ‘เปรี้ยว’ ที่อ้างว่า ‘เปรี้ยว’ได้บอกกับเธอว่า เป็นคนทำเองคนเดียว เพื่อนไม่เกี่ยว ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ‘เปรี้ยว’ ก็จะเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็น‘ฆาตกรฆ่าหั่นศพ’ เพราะธรรมชาติของผู้หญิง จะไม่จับต้องของที่เลอะเทอะ อย่างเช่น ศพแยกเป็นชิ้นๆ ผู้หญิงส่วนมากมักไม่ทำ
อีกทั้ง ‘เปรี้ยว’ ยังเป็นสาวสวยหน้าตาดี เซ็กซี่ และยังมีพฤติกรรมแปลกๆ เพราะหลังจากมีข่าวฆาตกรรมคดีนี้ออกไป ประชาชนก็เข้าไปติดตามพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุที่โพสต์ผ่านออนไลน์โดยเฉพาะ ‘เปรี้ยว’ สาวชาว อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ซึ่งเมื่อเข้าไปติดตามทางเฟซบุ๊คของเธอ พบว่า น.ส.ปรียานุช โพสต์‘ตุ๊กตาผีชัคกี้’ ,โชว์การสักลายเต็มแผ่นหลังของเธอ หรือภาพธนบัตรที่กองอยู่เต็ม ทำให้มีเสียงวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ รวมทั้งกลุ่มคนที่วิจารณ์ ว่า เปรี้ยวเป็น‘ฆาตรกรโรคจิต’
*‘จิตแพทย์’ชี้ ‘เปรี้ยว’ ต่อต้านสังคม*
น.พ.ณัฐกร จำปาทอง ผ.อ.โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ ได้ชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว ว่า การกล่าวหาว่า น.ส.ปรียานุช เป็นฆาตรกรโรคจิตนั้น ถือว่าสังคมมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะคนเป็นโรคจิต คือ คนที่ไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง ผู้ป่วยโรคจิตจะมีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ซึ่งต่างจากน.ส.ปรียานุช ที่มีการวางแผนซับซ้อน มีการโต้ตอบซึ่งต่างจากผู้ป่วยโรคจิต
น.พ.ณัฐกร จำปาทอง
“สำหรับการโพสต์ภาพตุ๊กตาชัคกี้ การสักลาย ของ น.ส.ปรียานุช ถือว่ามีนัยยะ จากการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมที่ประมวลมาจากการบอกเล่า, ข่าว รวมถึงการโพสต์ของผู้ก่อเหตุเอง พบว่าน.ส.ปรียานุช มีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติ เข้าข่ายในลักษณะที่เรียกว่าต่อต้านสังคม ส่วนสาเหตุมาจากการเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ที่มีปัญหาด้านสัมพันธภาพกับผู้เลี้ยง คนใกล้ชิด ในช่วงการเติบโตมีการสร้างสัมพันธภาพที่ผิดปกติ โดยสังเกตได้จากบุคลิก คือ ความรู้สึกผิดต่อการกระทำจะน้อยกว่าที่ควรเป็น เพราะคนทั่วไปจะรู้ศีลธรรม จริยธรรมขั้นพื้นฐาน สิ่งใดที่ควรหรือไม่กระทำต่อเพื่อนมนุษย์ แต่สำหรับน.ส.ปรียานุชเมื่อได้ก่อความรุนแรงแล้ว พบว่า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีขาดหายไป นอกจากนี้กลุ่มคนต่อต้านสังคมแบบนี้ จะมีพฤติกรรมที่สามารถสังเกตเห็นได้ทั้งการใช้ยาเสพติด โพสต์เรื่องเงินทอง การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวงจรบางอย่างที่อยู่ในข่ายผิดกฎหมาย ที่สำคัญคือการใช้ความรุนแรงทั้งกับตัวเองและผู้อื่น เพื่อแสดงสัญลักษณ์บางอย่าง และจะพบได้ทั้งผู้ที่มีไอคิวสูงและไอคิวต่ำ”
น.พ.ณัฐกร กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงาน และจากคำบอกเล่าของอาจารย์แพทย์ แต่ไม่มีหลักฐานทางวิชาการยืนยันพบว่า กลุ่มคนภาวะบุคลิกภาพผิดปกติ เข้าข่ายที่เรียกว่าต่อต้านสังคมนี้ บางรายมีลักษณะโดดเด่นกว่าคนทั่วไป ทั้งรูปร่าง หน้าตาดี แต่งกายดี มีเสน่ห์ พูดโกหก ใช้คำพูดรุนแรง ทำสิ่งผิดกฎหมาย สร้างสัมพันธภาพกับคนอื่นที่มีลักษณะฉาบฉวย ต้องการใช้ประโยชน์จากบุคคลนั้น ซึ่งในกรณี น.ส.ปรียานุช มีลักษณะที่มีไอคิวสูง ทำให้สามารถกลบเกลื่อนพฤติกรรม ภาพลักษณ์ออกมาดีได้เป็นบางครั้ง
ในส่วนพฤติกรรมการฆ่าหั่นศพนั้น น.พ.ณัฐกร เชื่อว่า คนที่ฆ่าหั่นศพได้ ไม่น่าจะก่อความรุนแรงครั้งแรก ที่ผ่านมาคงก่อเหตุความรุนแรงมาแล้วทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นและสำหรับผู้ก่อเหตุคนร้ายรายนี้ถือว่ามีไอคิวสูง รู้ว่ากระทำผิด แต่ขาดความรู้สึกกับการกระทำความผิด ไม่สนใจวิธีการที่ได้มาว่า เป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ สำหรับคนทั่วไปที่มีการเลี้ยงดูตามปกติ ไม่สามารถฆ่าหั่นศพคนได้
“สำหรับการกระทำความรุนแรงในลักษณะก่อเหตุฆ่าหั่นศพ คาดว่าไม่มีประสบการณ์มาก แต่น่าจะมีการใช้ความรุนแรงมาก่อน จึงทำให้เป็นคนเฉยชาต่อความรุนแรง คนกลุ่มนี้ไม่สามารถระบุจำนวนได้ว่ามีจำนวนมากน้อยเท่าไร เพราะเขาอยู่ปะปนกับเราในสังคม ส่วนแหล่งที่พบเห็น แหล่งรวมคนกลุ่มนี้มีมากในเรือนจำ เพราะสัญญาณสำคัญ คือ การทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะพบเห็นเกือบทุกราย แค่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีทั่วๆไปก็ไม่มีแล้ว บางรายยังหลีกเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งกลุ่มที่ไอคิวสูงจะเป็นอันตรายมาก การก่อเหตุฆ่าหั่นศพ มีความเป็นไปได้สูงที่ระหว่างการฆ่า น.ส.ปรียานุช จะเสพยาเสพติดด้วย เพราะจะช่วยให้การลงมือทำได้ไหลลื่นขึ้น เพราะยาเสพติดจะเร่งปฏิกิริยาออกฤทธิ์ ทำให้กลไกการห้ามในจิตใจลดลง เพิ่มความกล้า ทำในสิ่งที่เหนือความคาดหมายได้” น.พ.ณัฐกร กล่าว
* ‘การหั่นศพ’ไม่ใช่เรื่องง่าย..จริงหรือ?*
ส่วนกรณีคำให้การเบื้องต้นของนายวศิณ นามพรหม ที่ถูกจับกุมเป็นคนแรก โดยอ้างว่าอยู่ร่วมในเหตุการณ์และทำหน้าที่ขับรถ ไม่ได้ร่วมฆ่าและหั่นศพ แต่เป็นการกระทำของ‘เปรี้ยว’ เพียงคนเดียวและใช้เวลาหั่นเพียง 1 ชั่วโมงนั้น มีความเป็นได้แค่ไหนสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง
น.พ.สุรณรงค์ ศรีสุวรรณ ผอ.สำนักนิติวิทยาศาสตร์บริการ 2 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อธิบายในเชิงนิติวิทยาศาสตร์ ว่า การหั่นศพไม่ใช่เรื่องง่าย คนเพียงคนเดียวใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ไม่มีทางเป็นไปได้ นอกเสียจากว่าคนนั้นจะเป็นผู้ที่เคยทำมาก่อน สั่งสมประสบการณ์เป็นร้อยๆชั่วโมง
'นึกภาพง่ายๆ แค่เจ้าหน้าที่ จะฉีดยาให้ศพก่อนไปบรรจุโลง ยังใช้เวลาครึ่งชั่วโมง หรือ ผู้เชี่ยวชาญปกติ 2 คน ช่วยกันกว่าจะผ่าเข้าช่องท้องได้ใช้เวลา 5-10 นาที ไหนจะโกยไส้และชิ้นส่วนที่ทะลักออกมาอีก ที่สำคัญ คือ ส่วนของกระดูกสันหลัง คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์จะใช้เลื่อยหั่นกระดูกสันหลังของคนที่มีขนาดเท่าข้อมือ ใช้เวลานานกว่า 5นาที ยังทำไม่ได้'
ส่วน ร.ต.อ. ดร. จอมเดช ตรีเมฆ นักอาชญาวิทยา จากมหาวิทยาลัยรังสิต สันนิษฐานไปทำนองเดียวกับ น.พ.สุรณรงค์ คือไม่เชื่อว่า‘เปรี้ยว’จะฆ่าหั่นศพเพียงคนเดียว เพราะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ การใช้เลื่อยไปเลื่อยกระดูก ไม่ใช่เรื่องง่าย ประกอบกับมีการชักชวนผู้ต้องหาคนอื่นๆมาร่วม จึงไม่น่าจะทำคนเดียว เพราะชวนมาแล้วก็น่าจะชวนมาช่วย ไม่ใช่แค่ชวนมาดู
อย่างไรก็ตามมุมมองของ น.พ.สุรณรงค์ และ ร.ต.อ. ดร. จอมเดช ต่างไปจาก พ.ญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ที่ปรึกษาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่มองว่า การหั่นศพเป็นเรื่องไม่ยาก
พ.ญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์
‘หมอพรทิพย์’ บอกว่า ในช่วงแรกๆเป็นหมอที่ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ แต่ระยะหลังกลับเป็นคนทั่วไป เป็นวิธีทำลายศพธรรมดา
‘ การทำลายศพเดี๋ยวนี้มีเยอะที่มีการหั่นศพ ที่เห็นก็มีคนต่างชาติ มันจะเหี้ยม อย่างเช่น แก๊งลูกหมู หั่นศพเพื่ออำพรางและแก้แค้น การหั่นศพ ไม่ใช่เรื่องยาก และไม่จำเป็นว่าต้องเป็นหมอหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นคนทำ คนขายหมู ก็ทำได้ ถ้าหั่นศพครึ่งเดียวหรือเป็น 2 ท่อน คนเดียวทำประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ในการหั่นศพด้วย แต่ถ้าหั่นละเอียดเป็น 20-30 ชิ้น คนเดียวไม่สามารถทำได้ภายใน 1 ชั่วโมง เพราะอย่างดิฉันเวลาผ่าศพ ซึ่งต้องทำอย่างละเอียด เอาอวัยวะภายในของศพออกทั้งหมดและมีทีมงานช่วยถึง 3 คน ยังใช้เวลาเป็นชั่วโมง”
ส่วนคดีฆ่าหั่นศพ น.ส.วาริสรา หรือ ‘แอ๋ม’ นั้น ‘หมอพรทิพย์’ กล่าวว่า เนื่องจากไม่ได้เห็นสภาพศพของผู้ตายว่าถูกหั่นอย่างไร จึงไม่สามารถบอกได้ว่า จะต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในการหั่นศพ ต้องไปถามเอาจากแพทย์ที่เป็นคนผ่าศพในคดีนี้
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ข้อเท็จจริงจะมีความกระจ่างมาขึ้น หากตำรวจสามารถตามตัว น.ส. ปรียานุช โนนวังชัย หรือ เปรี้ยว ผู้ต้องหาคนสำคัญรายนี้มาได้ และสอบปากคำให้เธอเล่าด้วยตนเองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น