คอลัมนิสต์

ครอบครัวไทย“ไร้เงิน ไร้รัก”ก้าวสู่วงจรเด็กเร่ร่อน ค้าประเวณี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เด็กไทยต้องเข้าสู่วงจรค้าประเวณี เร่ร่อน เพราะเขาต้องการเงิน พอพึ่งครอบครัวไม่ได้ก็ต้องออกหาเงินด้วยตัวเอง อะไรที่ทำให้เขาได้เงินง่ายเขาก็ทำ

      “ครอบครัว” เป็นสถาบันเริ่มแรกในกระบวนการเลี้ยงดู อบรม ปลูกฝังให้ชีวิตแก่เด็กคนหนึ่ง ทว่าคนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน แถมเลือกเกิดไม่ได้ ขณะที่ สภาวะทางเศรษฐกิจยิ่งกระตุ้น ส่งผลให้เกิดช่องว่างแต่ละครอบครัวมากยิ่งขึ้น (คนจนก็จนเอา ส่วนคนรวยก็รวยไป) หลายครอบครัวจึงต้องดิ้นรน ต่อสู้เพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้อง ทำให้พ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงดู อบรม ให้ความรักแก่ลูกเมื่อ “พ่อแม่” ไม่ได้เป็นเสาหลัก คอยดูแลเอาใจใส่ “เด็ก” ก็ต้องไปหาเสาหลักอย่างอื่นให้ตนเอง

ครอบครัวไทย“ไร้เงิน ไร้รัก”ก้าวสู่วงจรเด็กเร่ร่อน ค้าประเวณี

ครูจิ๋ว-ทองพูล บัวศรี

      “ครูจิ๋ว-ทองพูล บัวศรี” ทำงานกับเด็กเร่ร่อนตามหัวลำโพงและคลองหลอด เล่าถึงปัจจัยหลักที่ทำให้เด็กไทยต้องเข้าสู่วงจรเด็กเร่ร่อน-ค้าประเวณี ว่า สถานการณ์ครอบครัวไทยในขณะนี้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว พ่อแม่แตกแยก อีกทั้งเด็กถูกเลี้ยงด้วยเทคโนโลยี พ่อแม่ต้องทำงานเช้าจดค่ำเพื่อหาเงินมาใช้จ่าย จนทำให้ไม่มีเวลาอยู่กับลูก ลูกก็ต้องออกมาเร่ร่อน แต่ไม่ได้อยู่ตามท้องถนนแบบแต่ก่อน กลับไปฝังตัวอยู่ในร้านเกม และพอเงินที่พ่อ หรือแม่ให้มาหมดก็ออกมาเร่ร่อน เดินขอทานตามท้องถนน หรือค้าประเวณี

      “ตอนเช้าเด็กจะฝังตัว หลบอยู่ในร้านเกม เพราะร้านเกม 6 ชม. 50 บาท มีทุกสิ่งที่เด็กต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ความสนุกสนาน อาหารการกิน หรือแม้แต่เป็นที่นอน (ร้านเกมเปิด 24 ชม.) พอเงินหมด พวกเขาก็ออกมาขอทาน หรือขายบริการทางเพศ ได้เงินมาก็ไม่เข้าบ้าน เพราะเข้าบ้านไปก็ไม่มีใครอยู่ หรือกลับไปก็ต้องทะเลาะกับพ่อ หรือแม่ ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ ไม่มีความสุข เมื่อเขาไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว ตรงไหนที่เด็กหาเงินได้ มีความสุข เขาก็ใช้ชีวิตอย่างนั้น”

ครอบครัวไทย“ไร้เงิน ไร้รัก”ก้าวสู่วงจรเด็กเร่ร่อน ค้าประเวณี

     เส้นทางการใช้ชีวิตของเด็กเร่ร่อน หญิงและชาย เมื่อตัดสินใจออกจากบ้านมาอยู่บนท้องถนน

      เริ่มแรกส่วนใหญ่จะออกมาอยู่ร้านเกม โดยเด็กผู้ชายจะใช้เวลา 8 เดือน – 2 ปี ในร้านเกมก่อนออกไปสู่วงจรยาเสพติด อาชญากรรม และการค้าประเวณี ขณะที่ เด็กผู้หญิงออกจากบ้าน ส่วนใหญ่อยู่ร้านเกม ไม่เกิน 2-3 วัน จะไปสู่ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ การขายบริการ เพราะพวกเขาสามารถได้เงินง่าย และเด็กผู้หญิงที่ออกมาเร่ร่อน ส่วนใหญ่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว พวกเขามองว่าเมื่อไม่มีอะไรต้องเสีย ขายบริการแล้วได้เงิน และนี้ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์ท้องก่อนวัยอันควร ท้องโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเด็กไทย แต่เกิดกับเด็กเร่ร่อนต่างชาติ อย่าง กัมพูชาที่ถูกละเมิดทางเพศ จนนำไปสู่การขายบริการทางเพศ

      นอกจากนั้น เด็กเดินเข้าสู่วงจรค้าประเวณีได้ง่ายมาก เพียงรู้จักเล่นอินเตอร์เน็ต โซเซียล เฟสบุ๊ค ไลน์ เด็กหาลูกค้าได้ทุกที่ ไม่ต้องออกมาเดินหาลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีสามารถทำให้เด็กนัดแนะ เห็นหน้า เสนอราคา และตกลงกันที่ห้องพักได้ทันที

       ครูจิ๋ว เล่าต่อไปว่า เด็กเร่ร่อน ค้าประเวณี เขาไม่ได้อายที่จะหาเงินด้วยวิธีเหล่านี้ เด็กเปิดเผยกันมากขึ้น แถมยังยอมรับได้ และกลายเป็นการโอ้อวดกันว่าใครหาเงินได้มากกว่ากัน ดังนั้น ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้เด็กไทยต้องเข้าสู่วงจรค้าประเวณี เร่ร่อน เพราะเขาต้องการเงิน พอพึ่งครอบครัวไม่ได้ก็ต้องออกหาเงินด้วยตัวเอง และอะไรที่ทำให้เขาได้เงินง่ายเขาก็ทำ ซึ่งการเดินขอทาน และการค้าประเวณี ทำให้เขาหาเงินได้ง่ายมาก เพียงคลิ๊กเดียวก็เกิดการซื้อขาย ประเวณีได้

      “เด็กเร่ร่อน เด็กที่เข้าสู่การค้าประเวณี” มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่อยู่ช่วงอายุ ตั้งแต่ 11-18 ปี และบางครั้งก็มีอายุ 9 ขวบหลุดเข้ามาวงจรนี้

        “การเข้าไปสำรวจว่าเด็กแต่ละพื้นที่ ในกรุงเทพฯ เป็นเด็กเร่ร่อน หรือค้าประเวณี หรือไม่นั้น ทำได้ยากมากขึ้น เพราะพวกเขาขายบริการทางอินเตอร์เน็ต เขาไม่ได้ออกมาเดินขายตามท้องถนน หรือจุดใดจุดหนึ่ง และเขาจะไม่ขอความช่วยเหลือ หรือบอกเล่าเรื่องราวให้ผู้ใหญ่ พ่อแม่ หรือใครก็ตามฟัง หากไม่ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ หรือโรคเอดส์ มีปัญหายาเสพติด ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการส่งยา ครูจะรู้เมื่อเขาติดโรคมาแล้ว ไม่รู้จะไปพึ่งใครก็ยอมให้ครูช่วย ซึ่งปัจจุบันมีเด็กที่อยู่ในการดูแลของครู ประมาณ 29 คน และสามารถช่วยเหลือได้ 16 คน ส่วนอีก 13 คนนั้น ยังช่วยได้ไม่เต็มที่ยังอยู่บนถนนแต่มีครอบครัวดูแล”

       พื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่มีการขายบริการทางเพศ ไม่ใช่เกิดเฉพาะพัฒน์พงศ์ วงเวียนใหญ่ หัวลำโพง สะพานพุทธ เท่านั้น ณ เวลานี้ พื้นที่สุขุมวิท ซอย 7 หรือ สุขุมวิท ซอย 3 นานา ล้วนสามารถพบเห็นเด็กหญิง เด็กชายขายบริการทางเพศได้ทั้งสิ้น

        ครูจิ๋ว เล่าอีกว่า หากไม่อยากให้เด็กเข้าสู่วงจรเด็กเร่ร่อน ค้าประเวณี ทุกฝ่ายต้องช่วยกันสร้างสถานการณ์ครอบครัวให้ดีขึ้น รัฐต้องเข้าไปดูแลอย่างจริงจัง ต้องเพิ่มบทบาทของพ่อแม่ให้ทำหน้าที่ดูแลลูก เห็นความสำคัญของลูก และครอบครัวไหนไม่พร้อม รัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือ โดยไม่ใช่เด็กออกจากบ้านมาอยู่บนถนน รัฐใช้วิธีจับอย่างเดียว ทำอย่างไรไม่ต้องจับ แต่ช่วยให้เด็กเห็นอนาคตของตัวเอง ขณะเดียวกัน คนในสังคมต้องให้โอกาสเด็กเหล่านี้ เพราะเด็กเหล่านี้เข้าถึงโอกาสได้ยาก ต้องช่วยกันเปิดโอกาส เสริมทักษะ กระบวนการการเรียนรู้ให้แก่พวกเขา

     “พ่อแม่ เป็นกำลังสำคัญที่จะแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ และทำให้สถานการณ์ครอบครัวไทยเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่ใช่นับวันพ่อแม่วัยรุ่นเยอะขึ้น เด็กออกมาเร่ร่อน ขายประเวณีมากขึ้น เพราะต่อให้ครอบครัวไทยกลายเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว แต่รัฐต้องทำให้พ่อ หรือแม่เหล่านั้นสามารถเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนลูกของตนเองได้ ต้องทำให้พ่อหรือแม่มีงานทำ มีรายได้ รวมถึงควรปรับทัศนคติ ความคิดของพ่อ แม่ที่อายุต่ำลงเรื่อยๆ (เด็กอายุ 13 ปี ก็เป็นพ่อแม่คนแล้ว) รู้จักการสอนลูก ไม่ใช่พอเงินเดือนออกพาลูกไปเดินห้างทั้งที่เงินในกระเป๋าต้องใช้จ่ายทั้งเดือน ไม่ปลูกฝังค่านิยมผิด การสร้างความเท่าเทียมให้แก่ลูกอาจจะดีแต่การสอนให้ลูกรู้จักประมาณตน รู้จักใช้ชีวิตตามวิถีแต่ละครอบครัวที่แตกต่างกันสำคัญกว่า”

        อีกทั้ง ควรมีการบังคับใช้กฎหมาย โซเซียลเน็คเวิกต้องจัดการจริงๆ เว็บไหนละเมิด มีการขายบริการทางเพศต้องปิดเว็บ แอพพลิเคชั่นเหล่านั้น และต้องจัดการร้านเกมไม่ให้เปิด 24 ชม. เพราะจะกลายเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็ก และโรงเรียนควรเปิดโอกาสให้เด็กด้อยโอกาสกลับเข้าสู่ระบบโรงเรียน ไม่ใช่ระบบโรงเรียนผลักเด็กกลุ่มนี้ออก เพียงเพราะกลัวคะแนนของโรงเรียนตกต่ำ

         เด็กเร่ร่อน เด็กค้าประเวณี จะหมดไปจากสังคมไทยได้ ถ้าสถาบันครอบครัวไทยดีขึ้น และความเหลื่อมล้ำของคนในสังคมหายไป.

 

  ๐ชุลีพร อร่ามเนตร๐

 [email protected]

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ