
เฟซบุ๊กไลฟ์โชว์ลามกเด็ก “แค่เปิดดู” ผิดหรือไม่?
เมื่อเฟซบุ๊กไลฟ์โชว์ลามกเด็กอย่างจะแจ้ง เรื่องนี้มีประเด็นถกเถียงกันว่า “คนเปิดดู” ผิดหรือไม่? ที่นี่มีคำคอบ
เรื่องน่าสลดใจเกิดขึ้นใน “โลกสังคมออนไลน์” หลังพบคนหลายสิบคนเปิดชมเด็กผู้หญิงในชิคาโกถูกชาย 5-6 คนรุมโทรมข่มขืน โดยไม่มีใครแจ้งความตำรวจจนกลายเป็นประเด็กถกเถียงกันว่า “คนดู” เนื้อหา รูปภาพ คลิป “ลามกอนาจาร” มีความผิดหรือไม่?
ช่วงวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา ตำรวจชิคาโกรับแจ้งความจากแม่ของลูกสาววัย 15 ปี ที่โดนข่มขืนพร้อมโชว์สดผ่านสื่อ “เฟซบุ๊กไลฟ์” ระหว่างการถ่ี่นี่มีคำคตอบายทอดสดนั้นมีคนมากกว่า 40 คน เปิดดู แต่ไม่มีใครแจ้งตำรวจ จนกระทั่งผ่านไปกว่า 10 วัน ตำรวจถึงจับเด็กหนุ่มวัย 14 ปี ซึ่งยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแก๊งข่มขืน
คดีนี้ถูกตั้งข้อหา “ความผิดอาญาอุกฉกรรจ์” เนื่องจากเด็กหนุ่มที่ร่วมข่มขืนได้เผยแพร่ภาพออกสู่สาธารณะ เป็นการสร้างความอับอายให้แก่เหยื่อผ่าน “เฟซบุ๊กไลฟ์” ขณะเดียวกันมีคนจำนวนหนึ่งโพสต์ข้อความฟ้องว่า “เฟซบุ๊ก” คือตัวการทำเทคโนโลยีถ่ายทอดสดแบบนี้ออกมา และขอให้ยกเลิกบริการลักษณะนี้ แต่สิ่งที่เฟซบุ๊กจัดการคือลบคลิปวิดีโอทิ้ง แล้วโพสต์ข้อความว่า “เฟซบุ๊กไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่สำหรับอาชญากรรมสะเทือนขวัญ”
แต่ประเด็นที่น่าสนใจกว่านั้น ผู้ชมมากกว่า 40 คน ที่เปิดดู “เฟซบุ๊กไลฟ์ถ่ายทอดสดการกระทำอนาจารเด็ก” นั้น มีความผิดหรือไม่อย่างไร?เพราะตามกฎหมายอเมริกาอาจไม่ต้องรับผิดอะไร
แต่หาก “คนเปิดดูอาศัยอยู่ในประเทศไทย” จะผิดกฎหมายด้วยหรือเปล่า?
“รศ.คณาธิป ทองรวีวงศ์” คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายคอมพิวเตอร์ อธิบายว่า ปัจจุบันมีกฏหมายทั้ง 3 ฉบับ สามารถเอาผิดเกี่ยวกับสื่อลามกอนาจาร เน้นลงโทษ 3 กลุ่มด้วยกัน คือ “กลุ่มผู้ผลิตหรือสร้างเนื้อหา”“ผู้เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ” และ “พวกคนดู”
สำหรับประเด็นที่สงสัยว่า “คนดู” ทำไมต้องมีความผิด? นักกฎหมายข้างต้นยืนยันว่า กฎหมายของหลายประเทศถือว่าไม่ผิด แต่สำหรับกฎหมายไทยผิดแน่นอน ตาม มาตรา 16/2 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่เขียนความหมายไว้ชัดเจนว่า ผู้ใดรู้ว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์ในความ “ครอบครอง” ของตนเป็นข้อมูลที่ศาลสั่งให้ทำลาย ผู้นั้นต้องทำลาย
“คำว่า ครอบครอง กลายเป็นเรื่องถกเถียงกันมาตลอด เพราะเวลาที่ใครเปิดดูเนื้อหา รูปภาพหรือวิดีโอ หรือเฟซบุ๊กไลฟ์ ตามกลไกการทำงานของคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือข้อมูลเหล่านี้จะไหลผ่านเข้ามาเก็บไว้ในหน่วยความจำของเครื่องสักพัก เพื่อให้เปิดดูได้ แม้ว่าจะไม่ได้กดเซฟหรืออัดเก็บไว้ก็ตาม กลายเป็นแค่เปิดดูก็คือการ ครอบครอง แล้ว”
กรณีของเด็กหญิงฝรั่งที่ถูกข่มขืนแล้วคนดูกว่า 40 คนนั้น ถ้าคนดูอยู่ในไทยจะผิดตามกฎหมายไทยทันที เพราะถือว่าครอบครองข้อมูลสื่อลามกอนาจารเด็ก ขอเตือนว่า ไม่เฉพาะเด็กเท่านั้น ถ้าเป็นสื่อลามกผู้ใหญ่ ก็มีความผิดเหมือนกัน แต่โทษไม่หนักเท่าของเด็กต่ำกว่า 18 ปี จะไปแก้ตัวว่าไม่มีเจตนาคงไม่ได้ และยิ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์เช่น เฟซบุ๊กไลฟ์ ระหว่างที่เราเปิดดูนั้น จะมีโปรแกรมอัตโนมัติไปชักชวนเพื่อนในเฟซบุ๊กเราให้ไปดูด้วย กรณีนี้ศาลอาจตีความได้ว่าเป็นการช่วยเผยแพร่และส่งต่อ โทษหนักกว่านั่งดูเว็บไซต์ทั่วไป ที่ดูคนเดียวไม่ได้มีการเผยแพร่หรือชักชวนอัตโนมัติ
รศ.คณาธิป แนะนำต่อว่า ใครที่ได้รับลิงค์ภาพ คลิปวิดีโอหรือเนื้อหาเป็นสื่อลามกอนาจารไม่ว่าต้นตอเป็นของไทยหรือของต่างประเทศ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ให้รีบทำลายหรือลบทิ้งทันที ทั้งลิงค์จากยูทูบ เฟซบุ๊ก โดยเฉพาะให้ห้องพูดคุย “ไลน์” ก็เสี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะบางครั้งการเป็นสมาชิกอยู่ใน “ห้องไลน์” ที่มีคนหลายร้อยคน อาจมีใครส่งภาพโป๊มาแล้วเผลอไม่ได้ลบทิ้ง แม้ไม่ได้ดูก็มีความผิดแล้วในฐานะครอบครอง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า
“ที่ผ่านมาผมไม่ค่อยเห็นด้วยที่ใช้คำว่า ครอบครอง แต่ยังไม่เคยมีคดีฟ้องร้องขึ้นศาลไทยเกี่ยวกับความผิดของคนดูเฟซบุ๊กไลฟ์ ที่ดูเฉยๆ แล้วไม่ได้กดไลค์หรือกดแชร์ คงต้องติดตามว่า หากมีคดีฟ้องร้องแบบนี้ ศาลจะตัดสินลงโทษ “คนดู” แบบไหน จะโดนจำคุกหรือปรับมากน้อยแค่ไหน เพื่อเป็นคดีตัวอย่าง”
ปัจจุบัน กฎหมายไทยมีบทลงโทษ “สื่อลามกอนาจารเด็ก” บัญญัติไว้ชัดเจนในกฎหมาย 3 ฉบับ ได้แก่
-พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560
- พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก2546
- พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา 2558
ถ้าใครครอบครองหรือไปเปิดดูสื่อลามกอนาจารผู้ใหญ่ อายุมากกว่า 18 ปี อาจโดนเพียงข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 ตามมาตรา 14 ที่สรุปได้ดังนี้
“ผู้ใดนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีลักษณะอันลามก ทำให้ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ รวมถึงเผยแพร่หรือส่งต่อ...” โทษที่จะได้รับ คือ จําคุกไม่เกิน 5 ปีปรับ 1 แสนบาท
เพราะฉะนั้น “ผู้ที่ชอบเปิดชม” หรือ “ผู้กดผิดพลาด” แล้วมีรูปสื่อลามกโชว์ขึ้นมาหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือจอมือถือ ก่อนอื่นต้องรีบจ้องมองให้ชัดๆ ว่าหญิงหรือชายในหน้าจอนั้น มีรูปร่างหน้าตาอายุมากกว่า 18 ปีหรือไม่ เพราะหากตำรวจจับได้ว่าใครเปิดดูสื่อลามกเด็ก จะโดนข้อหา “พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก 2546” เพิ่มเข้าไปอีก
กฎหมายคุ้มครองเด็กระบุนิยามศัพท์ “สื่อลามกอนาจารเด็ก” หมายถึง "วัตถุหรือสิ่งที่แสดงให้รู้หรือเห็นถึงการกระทำทางเพศของเด็กหรือกับเด็ก ซึ่งมีอายุไม่เกิน 18 ปี โดย รูป เรื่อง หรือลักษณะสามารถสื่อไปในทางลามกอนาจาร ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของเอกสาร ภาพเขียน ภาพพิมพ์ ภาพระบายสี สิ่งพิมพ์ รูปภาพ ภาพโฆษณา เครื่องหมาย รูปถ่าย ภาพยนตร์ แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพ หรือรูปแบบอื่นใดในลักษณะทำนองเดียวกัน และให้หมายความรวมถึงวัตถุหรือสิ่งต่างๆ ข้างต้น ที่จัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์หรือในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นที่สามารถแสดงผลให้เข้าใจความหมายได้"
โดยมาตรา 26 มีเนื้อหาชัดเจนว่า “คนดู” ก็มีความผิดเช่นกันโดยระบุว่า “บังคับ ขู่เข็ญ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด" มีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 3 หมื่นบาท ถ้าดูแล้วส่งแชร์หรือส่งต่อให้เพื่อนฝูง จะโดนโทษเพิ่มเป็นจำคุก 6 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท
ชัดเจนแล้วว่า “คนดู” หรือ “คนเห็น” โชว์ลามกอนาจารผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ยูทูบ หรือสื่อสังคมออนไลน์ใดๆ ก็ตามที่ถ่ายทอดสด ภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ มีความผิด และอาจรับโทษหนักขึ้นไปหลายเท่าหากเกี่ยวกับ “เด็ก”
เครือข่ายคุ้มครองเด็กพยายามกดดันให้มีการเพิ่มโทษเกี่ยวกับ “การอนาจารเด็ก” มาต่อเนื่องหลายสิบปี เนื่องจากฝรั่งลามกชอบใช้พื้นที่เมืองไทยเป็นแหล่งเอาเด็กเล็กมาผลิตและเผยแพร่ภาพโป๊เปลือยส่งออกไปทั่วโลก โดยไม่เกรงกลัวเพราะโทษนิดเดียว และส่วนใหญ่ตำรวจก็ไม่สนใจมาตามจับด้วย
คดีที่ฝรั่งวิปริตโดนจับในไทยแล้วเป็นข่าวไปทั่วโลก ส่วนใหญ่เกิดจากการประสานงานมาจากตำรวจสากลหรือทีมเจ้าหน้าที่สืบสวนจากประเทศอื่น
ล่าสุด รัฐบาล คสช.ออกมาโชว์ผลงานเพิ่มบทลงโทษการครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก โดยประกาศใช้ “พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา 2558” ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2558 เพิ่มบทลงโทษรุนแรงมากขึ้นหลายเท่า
เพื่อให้ปลอดภัยจากคุกตะราง “สาวกโซเชียล” ต้องจดจำและท่องให้ขึ้นใจ 2 มาตรา คือ
มาตรา 287/1 “ผู้ใดครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศ สําหรับตนเองหรือผู้อื่นโทษจําคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท และถ้าผู้ใดส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กแก่ผู้อื่น โทษจําคุก 7 ปีปรับ 1.4 แสนบาท”
มาตรา 287/2 ใครทำเพื่อการค้า แจกจ่ายเพื่อแสดงอวด หรือ ทํา ผลิต มีไว้ นําเข้าหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร หรือช่วยทำให้แพร่หลายสื่อลามกอนาจารเด็กโทษจําคุก 3 - 10 ปี ปรับ 6 หมื่นถึง 2 แสนบาท
“สรรพสิทธิ์ คุมพ์ประพันธ์” ผู้ชำนาญการประจำคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญสิทธิเด็ก อธิบายว่า คนนั่งเปิดเฟซบุ๊กดูการข่มขืนเด็กหรือทำอนาจารกับเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงหรือเด็กชายมีความผิดแน่นอน ถือเป็นการร่วมกระทำผิด เพราะมีเจตนาร่วม มีความพอใจที่เห็นการกระทำแบบนั้น กฎหมายอาญาที่แก้ไขปี 2558 เพิ่มโทษหนักจำคุกเป็นหลายปี ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ รีบแจ้งตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้ช่วยสืบหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ
“สื่อสังคมออนไลน์ทำให้เกิดการละเมิดเด็กได้ง่ายขึ้น เพราะสื่อเหล่านี้เผยแพร่เข้าถึงตัวเด็ก เข้าถึงเตียงนอนเด็กเลย อาจต้องมีการแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กให้ทันสมัยกว่านี้ เพราะใช้มาตั้งแต่ปี 2546 กฎหมายเดิมเน้นที่พนักงานเจ้าหน้าที่รัฐมากเกินไป เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ปัญหาการละเมิดสิทธิเด็กที่เกิดขึ้นเยอะแยะไม่ได้รับการแก้ไขต้องเปิดกว้างมากขึ้น ควรให้ครอบครัว ชุมชน เข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยคุ้มครองเด็ก และช่วยกันจับคนผิดมาลงโทษ” ผู้ชำนาญการกล่าว
แม้ว่ากฎหมายจะเพิ่มโทษผู้ดูและผู้แชร์แพร่สื่อลามกเด็ก จําคุก 3-10 ปี แต่กลุ่มคุ้มครองสิทธิเด็กถือว่าโทษยังน้อยไป เพราะในต่างประเทศคดีแบบนี้โทษจำคุกอาจถึง 10–40 ปี
เช่นกรณีคดีเกิดขึ้นเดือนธันวาคม 2559 ศาลนิวออร์ลีนส์ สหรัฐอเมริกา สั่งพิพากษาจำคุกชายวัย 39 เป็นเวลา 40 ปี โทษฐานดาวน์โหลดภาพลามกเด็กมาเก็บไว้ในแฟ้มภาพคอมพิวเตอร์หลายครั้ง
“สื่อลามก” ที่แสดงโดยผู้ใหญ่ ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมถกเถียงกันว่า “คนดู” ผิดหรือไม่ ? หากดูเฉยๆ ไม่ได้ทำเพื่อการค้า เพราะถือเป็นเรื่องศิลปะ หรือ การแสดงอารมณ์บันเทิงตามธรรมชาติมนุษย์ โดย เฉพาะสื่อที่ไม่ได้มีการขืนใจ ข่มขืน บังคับ ขู่เข็ญ “คนแสดง” ...
แต่กรณี “สื่อลามกเด็ก” ถือเป็นคดีโทษร้ายแรง เพราะการดู ครอบครอง หรือแชร์ส่งต่อ เป็น “การกระทำวิปริตทางเพศ” จะไปแก้ตัวอ้างว่า แค่ลองเปิดดูเล่นๆ ไม่รู้ว่าต่ำกว่า 18 ศาลคงไม่รับฟังอย่างแน่นอน...
ทีมข่าวรายงานพิเศษ
(ที่มาภาพ)
http://media.silive.com
http://dfw.cbslocal.com