คอลัมนิสต์

"อลิสา อัศวโภคิน"งานเข้า!! จนลั้ลลาไม่ออก

"อลิสา อัศวโภคิน"งานเข้า!! จนลั้ลลาไม่ออก

16 มี.ค. 2560

ตามมาติดๆ กับการไล่เก็บผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย

         

          ล่าสุด 15 มีนาคมที่ผ่านมา ดีเอสไอแถลงข่าวเตรียมจะออกหมายเรียก อลิสา อัศวโภคิน เข้ารายงานตัว เรื่องที่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินที่ตั้งของอาคารบุญรักษา ภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งซื้อต่อมาจาก ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ช่วงปี 2556

          โดยเป็นที่ดินจำนวน 8 แปลง รวมเนื้อที่ 57 ไร่ ราคา 298 ล้านบาท ซึ่งพอซื้อเสร็จไม่กี่วัน ศุภชัยก็ถูกอายัดทรัพย์จากทางการทันที

          จากนั้น ปี 2558 ก็ได้มีการก่อสร้างอาคาร “บุญรักษา” ขึ้น เพื่อใช้เป็นโรงพยาบาลของวัดพระธรรมกาย

          อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ อลิสาเคยนำหลักฐานการซื้อขายมาแสดงแก่เจ้าหน้าที่แล้ว แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่กลับ พบหลักฐานสำคัญ เส้นทางการเงินที่วัดพระธรรมกายโอนเงินให้อลิสา เพื่อนำไปซื้อที่ดินทั้ง 8 แปลงดังกล่าว และถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนวัดพระธรรมกาย เรื่องราวก็เลยไม่ธรรมดาเข้าแล้ว

          ถามว่า อลิสา หรือ “แตง” เป็นใคร เธอเป็นบุตรสาวของ อนันต์ อัศวโภคิน กับมารดา คือ วารุณี (กี่ศิริ) อัศวโภคิน (หย่าร้าง)

          มี พี่น้องคือ อาชวิน และ อาชนัน อัศวโภคิน โดยแตงนั้นเป็น Wednesday Child หรือบุตรคนกลาง

          สำหรับบิดาของแตงนั้น รู้กันดีว่า เป็นเจ้าของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังของไทย บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) และยังมีธุรกิจธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ ค้าปลีกโฮมโปร ฯลฯ มีสินทรัพย์รวมกว่า 9.7 หมื่นล้านบาท

          หากแต่ต้นตระกูลของอัศวโภคินนั้น ต้องบอกว่าแต่เดิมอพยพมาจากจีนโพ้นทะเล อลิสา เคยเล่าว่า ครอบครัวเป็นจีนแต้จิ๋ว คุณปู่ หรือ บุญทรง อัศวโภคิน เกิดที่เมืองจีน ส่วนคุณย่า คุณตา และคุณยายเกิดที่เมืองไทย คุณปู่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในคนจีนแต้จิ๋วในเมืองไทย และยังเคยเป็นนายกสมาคมแต้จิ๋วด้วย

          ทั้งนี้ ธุรกิจเดิมของครอบครัวนั้นขายผ้าแถวสะพานหัน แต่คุณย่า หรือ เพียงใจ หาญพาณิชย์ เป็นผู้ริเริ่มเข้าสู่วงการอสังหาฯ ซื้อ-ขายที่ดิน จนปี 2504 ได้เริ่มทำโครงการจัดสรรที่ดินครั้งแรกแถวประชาชื่น จนประสบความสำเร็จมาถึงปัจจุบัน

          ส่งต่อความสุขสบายให้กับคนรุ่นหลัง เพราะ “แตง” ได้เรียนไฮสคูลที่ Dana Hall School สหรัฐอเมริกา และเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ University of Pennsylvania ด้านศึกษาเอเชียตะวันออกและเศรษฐศาสตร์

          จากนั้นก็ศึกษาปริญาโทต่อที่ New York University เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษ เรียกง่ายๆ คือเรียนเป็นครูสอนภาษา

          ก็ไม่รู้เพราะเป็นลูกคนกลางหรือไม่ อลิสาจึงได้ใช้ชีวิตตามเส้นทางที่ตัวเองขีดเขียนเอง โดยไม่ต้องช่วยบริหารธุรกิจของครอบครัว เธอเคยเล่าว่า

          “ทุกคนจะถามแตงเสมอว่า ทำไมถึงมาทำธุรกิจของตัวเอง ไม่ไปช่วยธุรกิจคุณพ่อ แตงคิดว่า สิ่งแรกที่สำคัญ คือต้องดูว่าตัวเราชอบอะไร อย่างงานด้านอสังหาริมทรัพย์นี่ เราไม่เชี่ยวชาญ จึงคิดว่าน่าจะให้คนอื่นเขาทำดีกว่า ส่วนเราก็มาทำอะไรที่ตัวเองชอบ"

          เมื่อกลับมาไทย แตงก็ได้ทำงานในสิ่งที่เรียนมา ไปเป็นครูสอนภาษาที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) อยู่ 2 ปีเศษ จากนั้น หันมาเรียน MBA ที่ “ศศินทร์” และทำงานกับ ILO (International Labour Organization) ของยูเอ็น ช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานทั่วโลกให้ได้รับความยุติธรรมจากสังคม

          แต่เธอทำอยู่ไม่กี่เดือนก็ออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ที่ตึก Q House ของบิดา ที่หัวถนนสาทร เป็นเจ้าของธุรกิจ บริษัท อลิซ่า จำกัด  ทำ “ลัลลาบายสปา” และ “ลัลลาบายโยคะ”

          อย่างไรก็ดี ปีที่แล้วคงจำกันได้ว่า ข่าวคราวของ ปานามาเปเปอร์ส์ ออกมาแฉข้อมูลที่ สำนักกฎหมาย มอสแซค ฟอนเซก้า ซึ่งให้บริการจดทะเบียนบริษัทนอกอาณาเขตแก่ลูกค้าทั่วโลก นั้น ได้ระบุชื่อ 2 ทายาทอัศวโภคิน ถือครองบริษัทนอกอาณาเขตบนเกาะบริติชเวอร์จิ้น

          คือ อาชวิณ อัศวโภคิณ มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ ถือหุ้นจำนวน 100 หุ้นของ บริษัท อีซี่ เอสเซ้นส์ คอนซัลแทนท์ ลิมิดเต็ด

          และ อลิสา อัศวโภคิน เป็นผู้อำนวยการ ถือหุ้นจำนวน 100 หุ้นของ บริษัท ลัลลาบาย โฮลดิ้งส์ ลิมิดเต็ด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2553 ที่บริติช เวอร์จิ้น ใช้ที่อยู่เดียวกับบริษัทของอาชวิณ

          มาวันนี้เรื่องราวของ อลิสา เริ่มจะไม่ลัลลาอีกแล้ว เพราะต้องมามีชื่อพัวพันกับวัดพระธรรมกาย

          โดยต้องเข้าให้ปากคำในคดีฟอกเงิน และต้องเข้ารายงานตัวตามมาตรา 44 กรณีให้พระสงฆ์และประชาชนเข้าไปใช้พื้นที่อาคารบุญรักษาต่อต้านการตรวจค้น

          แถมยังโยงไปถึงบิดา อนันต์ อัศวโภคิน ผู้เป็นศิษย์ธรรมกายชนิดสุดตัวอีกด้วย

          เพราะเขายังต้องเจอการตรวจสอบการเข้าไปรับซื้อที่ดินจากลูกข่ายรับฟอกเงินจากศุภชัย ซึ่งที่ดินทั้งหมดมีสถานที่ตั้งรายล้อมวัดพระธรรมกาย ยาวไปถึงตลาดไท รังสิต จ.ปทุมธานี

          ตามด้วยข่าวจากกระทรวงยุติธรรม ที่เปิดเผยว่า ช่วงปี 2553-2559 วัดพระธรรมกายนำเงินไปเล่นหุ้นอสังหาริมทรัพย์ โดยมีพระทัตตชีโว หรือ เผด็จ ทัตตชีโว เข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

          จะไม่ให้เรียกงานเข้า แล้วจะเรียกว่าอะไร