
“ป้าเช็ง”น้ำหมักเจ้าเก่าผู้ศรัทธาในธรรมกาย
“ป้าเช็ง” หายไปจากหน้าจอทีวีดาวเทียมหลายปี วันนี้ ชื่ือป้าเช็งกลับมาสู่โลกข่าวสารอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกับตำรวจและทหาร เข้าควบคุมตัวกลุ่มบุคคลจำนวน 20 คน ในจำนวนนี้มี 6 คนเป็นชาวต่างด้าว รวมถึงพระภิกษุและสามเณรอีกจำนวน 11 รูป จากตลาดป้าเช็ง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มาสอบสวนข้อเท็จจริงที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 โดยอาศัยคำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44
จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มดังกล่าวปักหลักชุมนุมอยู่ในบริเวณตลาดกลางคลองหลวง เนื่องจากพื้นที่การชุมนุมแออัด จึงได้ขยายพื้นที่การชุมนุมไปยังบริเวณตลาดป้าเช็ง เพื่อรองรับปริมาณกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้ามาเพิ่มเติม
เหตุที่มีพระเตรียมไปชุมนุมที่ตลาดป้าเช็ง ดีเอสไอจึงทำหนังสือเรียก ศรวรรณ ศิริสุนทรินท์ หรือ “ป้าเช็ง” ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ตลาดป้าเช็ง หมู่ 7 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มาให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ในวันที่ 9 มีนาคม เวลา 10.00 น. ซึ่งทางดีเอสไอได้รับการประสานจากป้าเช็ง ยืนยันว่าจะเข้ารายงานตัวต่อดีเอสไอตามวันและเวลาดังกล่าว
"ตลาดป้าเช็ง” หรือ “ตลาดใหม่ป้าเช็ง คลองหลวงเมืองใหม่” อยู่ตรงข้ามแม็คโคร คลองสอง และไม่ห่างจากวัดพระธรรมกาย (ตลาดแห่งนี้ คนละที่กับซูเปอร์เช็งมาร์เก็ต ที่ตั้งอยู่ในตลาดโรงเกลือนวนคร-ประตูน้ำพระอินทร์ สถานที่จำหน่ายสารพัดวัตถุดิบ ผลหมากรากไม้ เครื่องมือในการหมัก)
ปี 2556 บริเวณตลาดป้าเช็ง เคยเป็นสำนักงาน “พรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต” ที่ป้าเช็งบริจาคเงินเข้าพรรค 1 ล้านบาท ซึ่งพรรคนี้มี วินัย ตุลยภักดิ์ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญา เป็นหัวหน้าพรรค
พรรคพัฒนาคุณภาพชีวิต เกิดจาก “เครือข่ายชาวหมัก” ที่เป็นแฟนคลับของป้าเช็ง จากทีวีดาวเทียมช่องซูเปอร์เช็ง ที่มีคอนเซ็ปต์ทีวีสีเขียว เพื่อลดสภาวะโลกร้อน
6-7 ปีที่แล้ว ป้าเช็ง เจ้าของบุคลิกโผงผาง จัดรายการทีวีพูดแต่เรื่องน้ำหมักชีวภาพ มีชาวบ้านร้านตลาดติดตามชมกันมากมาย พร้อมกับพากันทำน้ำหมักตามที่ป้าแกแนะนำ
ช่วงเวลาหนึ่ง ป้าเช็งต้องไปชดใช้กรรมเก่า เพราะคดีความเกี่ยวกับขายยาหยอดตาน้ำหมัก สิริรวม 5 คดี โดยศาลตัดสินแล้ว 2 คดีในช่องทีวีดาวเทียมของป้าเช็ง ยังมีรายการเกี่ยวกับการเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระธัมมชโย และกิจกรรมตักบาตรของชาวธรรมกาย
เมื่อปี 2556 ป้าเช็งจัดงานตักบาตรครั้งใหญ่ ร่วมกับชาววัดพระธรรมกาย ภายในตลาดป้าเช็ง คลองสอง จุดเดียวกับที่พระและฆราวาส เตรียมการจะจัดตั้งเวทีชุมนุมแห่งใหม่
วิถีคนจริง “ป้าเช็ง”
ป้าเช็ง มีบ้านหลังใหญ่โต เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ อยู่ที่คลองสอง ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งกองทัพถังน้ำหมักชีวภาพ ขนาด 2 ตัน ร่วม 500 ถัง อันเป็นงานอดิเรกที่ป้าเช็งบอกว่ามีคุณค่ายิ่ง ทั้งกินทั้งใช้ ได้ประโยชน์ครบวงจร
ต้นตระกูลป้าเช็ง ขายกาแฟข้างโรงยาฝิ่นเก่า ตรงบางนา สมัยสาวๆ ป้าขายก๋วยเตี๋ยว จากนั้นก็เปิดร้านตัดเสื้อ โดยให้ลูกน้องไปเรียนชื่อโรงเรียนศิริวรรณ อยู่หน้าธานินทร์ ซอยอุดมสุข แล้วก็เปิดร้านฮาร์ดแวร์ และเป็นเอเย่นต์แก๊สหุงต้ม ที่ปู่เจ้าสมิงพราย
จากนั้น ป้าเช็งก็ออกจากบ้านย่านปากน้ำ มาปักหลักที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
"เวลารวย บุญมันหล่นทับ ความรวยเราวิ่งหนี มันยังตามเราเลย” ป้าเช็งจับธุรกิจที่ดิน เงินทองก็ไหลมาเทมา
คนแถวๆ ชลบุรี จึงรู้จักป้าดีในนามของเศรษฐินีที่ดิน ผู้น่าเกรงขาม เพราะไล่ตั้งแต่ระหว่างกรุงเทพฯ-สมุทรปราการ กว่า 100 ไร่ รวมกับที่จังหวัดชลบุรี ระยอง กว่า 2,000 ไร่ ทั้งหมดเป็นชื่อของ น.ส.ศรวรรณ ศิริสุนทรินท์ แต่เพียงผู้เดียว
ไม่น่าเชื่อว่า ป้าเช็งเป็นคนแรกๆ ที่ลงทุนประกอบธุรกิจ “เคเบิลทีวี” ที่ศรีราชา
“ป้าเริ่มทำทีวี ตั้งแต่จานดาวเทียมแพงๆ ปี 2534 ตอนนั้นมีตังค์แล้ว เหลือเฟือ เงินหาง่าย ก็เลยอยากทำ”
ที่สุดกลายเป็นบริษัท พีทีวี แหลมฉบัง และพีทีวี ชลบุรี กระทั่งมาถึงทีวีดาวเทียมซูเปอร์เช็ง
ปัจจุบันป้ายังมีธุรกิจที่เปิดอยู่ 9 บริษัท คือ 1.บริษัท ศรีราชาเฟอร์รี่ จำกัด 2.บริษัท พี.ที.วี.แหลมฉบัง จำกัด 3.บริษัท เช็งบ้าน แอนด์ เคเบิล จำกัด 4.บริษัท พี.ที.วี.ชลบุรี จำกัด 5.บริษัท ไบโอติค จำกัด 6.บริษัท บ้านศิริสุนทรินท์ จำกัด 7.บริษัท ซูเปอร์เช็ง โปรดักชั่น จำกัด 8.บริษัท ดิจิแซท เทคโนโลยี จำกัด และ 9.บริษัท เชง เชง แซทเทลไลท์ จำกัด
โดยทั้งหมดมีชื่อป้าเช็ง เป็นเจ้าของ แต่ให้หลานชายทั้งสี่ แบ่งกันไปบริหารงาน