คอลัมนิสต์

จบแล้ว “เจ๋ง” ? บทเรียน “ตลกการเมือง”

จบแล้ว “เจ๋ง” ? บทเรียน “ตลกการเมือง”

07 มี.ค. 2560

การกระทำของจำเลยได้กระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กระทบต่อจิตใจของประชาชนทั่วไปที่มีความจงรักภักดี และไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง


               ชีวิตไม่ใช่เรื่องตลกเสียแล้ว สำหรับ ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เมื่อศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยยืนให้จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา เหตุจากขึ้นเวที นปช. ปราศรัย ในปี 2553

               “การกระทำของจำเลยได้กระทำต่อสถาบันพระมหากษัตริย์กระทบต่อจิตใจของประชาชนทั่วไปที่มีความจงรักภักดี และไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง”

               ส่งผลให้ ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช.ต้องไปใช้ชีวิตผ่าน 59 ปีเต็มได้เพียง 3 วันในคุกต่อไป ส่วนภาพ “ตลก” นั้น อาจเป็นเพียงแค่อดีต

               เจ๋ง ดอกจิก ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ด้วยความรักความชอบและฝึกฝนมาอย่างหนักตั้งแต่สมัยเรียน ม.รามคำแหง มี “ความจน” เป็นแรงผลักดันชีวิตมาตั้งแต่เด็ก เพียงแค่อายุ 16 ปี ตัดสินใจจากบ้านเกิด จ.สุราษฏร์ธานี เข้าสู่กรุงเทพฯ หลังจากจบ มศ.5 มาเป็นเด็กวัดที่วัดนก จรัญสนิทวงศ์ 13

               เจ๋ง ดอกจิก เป็นเด็กวัดที่รักความก้าวหน้า ไม่ทิ้งการเรียน สามารถสอบติดโรงเรียนนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานได้ตามที่วาดหวัง แต่กลับไม่ได้เรียนเพราะไม่มีเงินมากพอจ่ายค่าเล่าเรียน สุดท้ายจึงหันเหชีวิตไปเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงแทน

               ชีวิตเด็กรามฯ ดีกว่าที่คิด ได้ค้นพบสิ่งที่ชอบ หลังจากเห็นว่า ม.รามคำแหง มีเพียงวงดนตรีลูกทุ่งเพียง 2 วงแต่ยังไม่มีคณะตลก ที่สุดเขาจึงรวมตัวกับเพื่อนอีก 3 คน ตั้งคณะตลกขึ้นมาในชื่อ “คณะ 4 ดอกจิก” หลังเรียนจบ ปริญญาตรีแล้วก็เข้าสู่เส้นทางตลกคาเฟ่เต็มตัว โดยเน้นล้อเลียนการเมืองเป็นแนว จึงถูกใจบรรดาลูกค้าหน่วยราชการ ทหาร ตำรวจและนักการเมืองต่างๆ เป็นอย่างดี พร้อมๆ กับ รู้จัก “คน” ไปด้วย ขณะเสียงหัวเราะมุกฮาจบไป แต่สายสัมพันธ์ยืดยาว

               นอกจากเล่นตลกจนได้รับตำแหน่ง “เลขาธิการสมาคมตลก” แล้ว เจ๋ง ดอกจิก มีอีกอาชีพหนึ่งคือพนักงานที่ “ไปรษณีย์ไทย” ด้วย

               จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญช่วงรัฐบาล บรรหาร ศิลปอาชานั้นเอง เมื่อมีการยืมตัวไปช่วยราชการ โดยเป็นหน้าห้องของ ร.ต.ท.เชาวริน ลัทธศักดิ์ศิริ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ จากนั้นก็ฉุดไม่อยู่ มีตำแหน่งอีกหลายรัฐมนตรี หลายรัฐบาล ทั้ง ยิ่งพันธ์ มนะสิการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และ ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กระทั่งตัดสินใจเข้าสู่ถนนสายการเมืองเต็มตัว ด้วยการสมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.ที่บ้านเกิด ในสังกัดพรรคชาติไทย ทั้งๆ ที่หัวใจอยู่กับ “พรรคไทยรักไทย” ตั้งแต่ต้น

               แต่ท้ายสุดก็เป็น “ส.ต.” สอบตกอกหักกลับมา จึงกลับเข้าวงการตลกอีกครั้ง พร้อมทำกิจกรรมกับพรรคไทยรักไทยเต็มที่ กระทั่งเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหาร ‘19 กันยายน 2549’ จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาเดินหน้าหา วีระ มุสิกพงศ์ หรือ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนำ นปก.รุ่นใหญ่เต็มตัว งานครั้งสำคัญคือ “ม็อบพีทีวี” ของ ขบวน “แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปก.)” ตั้งแต่ปี 2550 ยาวไปจนกระทั่งถึงเหตุการณ์การปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในปี 2552

               ช่วงที่การปราศรัยทางการเมืองกันอย่างเข้มข้นนั้นเอง เขาได้ฟื้นความเป็นตลกคาเฟ่ขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนำตลกคณะเจ๋ง ดอกจิก มาขึ้นเวทีแล้ว ยังได้ทำหน้าที่หลังเวทีด้วย จึงเป็นที่รู้จักในนาม “เจ๋ง เสื้อแดง” มากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะบนเวทีการปราศรัยชุมนุมคนเสื้อแดงปี 2553 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในแกนนำผู้ปราศัยบนเวทีด้วย

               จากความเป็นตลกคาเฟ่และความรู้ทางการเมืองจึงครองใจชาวเสื้อแดงได้ไม่ยาก ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นเรื่อง “ใจ” ที่ทุ่มสุดแรงด้วย เมื่อมีการเคลื่อนพลเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน เขาถึงกับหันหลังให้กับงานตลกเพื่อมาทำงานการเคลื่อนขบวนคนเสื้อแดงตามที่ได้รับมอบหมาย โดยงานใหญ่ในชีวิตที่เขาภูมิใจที่สุดคือ ผลงานการรวมพลคนเสื้อแดงเข้ามาสมทบเมื่อ 12 มีนาคม 2553 ถึงแม้ภายหลังการสลายการชุมนุม 19 พฤษภาคม 2553 เขาถูกตั้งข้อหาไม่น้อยก็ตาม

               แต่ก็ไม่ผิดหวังภายหลังที่ไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้รับการปูนบำเหน็จแต่งตั้งให้เป็นถึง “ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย” ฐานิสร์ เทียนทอง ด้วยความภาคภูมิใจ หลังได้รับตำแหน่งเป็นอำมาตย์

               ถึงแม้มีตำแหน่ง แต่ความผิดอันเนื่องมาจากการต่อสู้บนเวทีเสื้อแดงยังคงอยู่ รวมถึงตำแหน่ง “แกนนำเสื้อแดง” ที่ไม่เคยเลือนลางไปตามกาลเวลา