คอลัมนิสต์

เปิด “ค่าเล่าเรียน” หลักสูตรพิเศษองค์กรอิสระ

เปิด “ค่าเล่าเรียน” หลักสูตรพิเศษองค์กรอิสระ

07 มี.ค. 2560

เมื่อถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมของหลักสูตรพิเศษที่องค์กรอิสระจัดตั้งขึ้น รวมถึงการใช้งบประมาณเพื่อไปดูงานต่างประเทศ เราจึงมาเช็คค่าเล่าเรียนของหลักสูตรต่างๆ

จากการที่ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) “พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส” ออกมาระบุว่า สตง.กำลังตรวจสอบหลักสูตรขององค์กรอิสระเกี่ยวกับการศึกษาดูงานต่างประเทศ อาทิ หลักสูตรสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม (หลักสูตร บ.ย.ส.) และศาลปกครอง เป็นต้น

โดยให้เหตุผลที่เริ่มตรวจสอบหลักสูตรพิเศษขององค์กรอิสระก่อนนั้น เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายให้ประหยัดงบประมาณจึงไม่อนุญาตให้มีการศึกษาดูงานต่างประเทศ การเดินทางไปต่างประเทศขณะนี้จึงมีเฉพาะหลักสูตรต่างๆ ของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรอิสระเท่านั้น

 

นอกจากนี้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดย “ชาติชาย ณ เชียงใหม่” ยังออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาเตรียมการร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญห้ามองค์กรอิสระใช้งบประมาณรัฐไปจัดหลักสูตรการอบรมพิเศษ เพื่อป้องกันมิให้ใช้งบประมาณโดยไม่จำเป็นและไม่ให้เป็นการสร้างคอนเนคชั่่นกับคนในองค์กร และหากองค์กรใดต้องการจัดหลักสูตรพิเศษ ก็ต้องใช้วิธีเก็บเงินจากผู้เข้าอบรมเอาเอง รวมถึงห้ามส่งเจ้าหน้าที่ลงรับการอบรมในหลักสูตรนั้นๆด้วย

ทีมข่าว “คมชัดลึกออนไลน์” จึงตามล่าหาข้อมูล เพื่อเปิดดูค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตรของแต่ละองค์กรอิสระที่จัดทำการอบรมขึ้นมา ดังนี้

เปิด “ค่าเล่าเรียน” หลักสูตรพิเศษองค์กรอิสระ

ศาลปกครอง

สำนักงานศาลปกครอง เปิดโครงการ “หลักสูตรกฎหมายปกครองสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กปส.)”  เริ่มคลอดตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน เปิดมาแล้วทั้งหมด 4 รุ่น มีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจในหลักกฎหมายมหาชน กฎหมายปกครอง ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงวิธีพิจารณาคดีปกครอง เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตามหลักนิติธรรม อีกด้วย

 

โดยหลักสูตรกปส.นี้ เป็นการเปิดอบรมแบบสมัครใจ เปิดรับสมัครผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการพลเรือน ข้าราชการครู ข้าราชการส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ของรัฐ ข้าราชการทหารตำรวจและบุคลากรจากหน่วยงานอื่น เช่น รัฐวิสากิจ เอกชนและสื่อมวลชนที่สนใจเข้าร่วมอบรม ต้องยื่นเอกสารสมัครเข้ารับอบรมกับสำนักงานศาลปกครอง

 

หลักสูตรกปส.นี้ มีระยะเวลาอบรมประมาณ 7-8 เดือน นักศึกษาที่เข้ารับการอบรมต้องเสียค่าเล่าเรียนเองประมาน 175,000 บาทด้วย เนื่องจากทางสำนักงานศาลปกครองจะไม่มีการสนับค่าใช้จ่ายในการอบรมตามหลักสูตรนี้แต่อย่างใด

คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)

 

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิด หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง(พตส.) วัตถุประสงค์หลักเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และพัฒนาบุคลากรทางการเมืองให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกันเกี่ยวกับระบบเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหลักสูตรพตส.นี้ เริ่มคลอดตั้งแต่ปี 2552 จนถึงปัจจุบัน มีนักศึกษารวมทั้งสิ้น 8 รุ่น แต่ละรุ่นจะมีนักศึกษา พตส.ประมาณ 80-100 คน ประกอบด้วยตัวแทนจากพรรคการเมือง หน่วยงานข้าราชการ และภาคเอกชนไม่เกินร้อยละ 15

 

หลักสูตรพตส.ใช้งบประมาณสนับสนุการอบรมจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองของสำนักงานกกต. ประมาน 10.5 ล้านบาทต่อ 1 รุ่น ประกอบด้วย 1.ค่าอาหาร 2.ค่าวิทยากร 3.ค่าดูงานภายในประเทศ 3 ครั้ง 4.ค่าสังเกตการณ์การเลือกตั้งในช่วงที่ประเทศมีการจัดเลือกตั้ง โดยจะเป็นการส่งนักศึกษาเข้าร่วมสังเกตการณ์ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง วันลงคะแนนเสียงและการนับคะแนน เพื่อนำมาถึงการสรุปผล ซึ่งส่วนนี้เองจะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของที่พักค่าอาหารและค่าเดินทางร่วมอยู่ด้วย และ 5.ค่าศึกษาดูงานที่เกี่ยวข้อกับการเลือกตั้งในต่างประเทศอีก 1 ครั้ง

 

สำหรับการดูงานในต่างประเทศ กองทุนพัฒนาพรรคการเมือง จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายคนละ 50,000 บาท หากนักศึกพตส.คนใดใช้งบเกินก็ต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายด้วยตนเอง แต่ทั้งนี้ สำหรับนักศึกษา พตส.ที่เป็นเจ้าหน้าที่กกต. หากใช้เกินงบทางสำนักงานกกต.ก็จะเป็นผู้จ่ายส่วนต่างให้ทั้งหมด ส่วนกกต.ที่เดินทางไปด้วยนั้นสำนักงาน กกต.จะผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดตลอดการเดินทาง

 

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมานักศึกษาพตส. ในแต่ละรุ่น ได้มีการเดินทางไปดูงานการเลือกตั้ง และพรรคการเมือง ในต่างประเทศหลายแห่ง อาทิ สหรัฐอเมริกา สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย ญี่ปุ่น เป็นต้น

 

นอกจากนี้ สำนักงานกกต. ยังได้เปิดอบรมหลักสูตรการบริหารงานสำหรับผู้บริหารระดับสูง (กบส.) ซึ่งเป็นหลักสูตรการอบรมผู้บริหารระดับกลางของสำนักงานกกต.ที่จะขึ้นเป็นผู้บริหารระดับสูง ซึ่งหลักสูตรนี้ เริ่มคลอดตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน หลักสูตรกบส.อบรมมาเป็นรุ่นที่ 2 แล้ว มีนักศึกษาประมานรุ่นละ 70 คน ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงกกต. จากส่วนกลางและภูมิภาคเข้าอบรม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในฐานะนักบริหาร นำไปสู่ผู้บริหารระดับสูงในการขับเคลื่อนนโยบายของ กกต.

 

สำหรับหลักสูตรกบส. ทางกกต. ได้ทำข้อตกลงกับทางมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช(มสท.) เพื่อเป็นผู้จัดอบรมหลักสูตรนี้ โดยสำนักงานกกต.จะจ่ายค่าจ้างให้ทางมสท.ครั้งเดียว และให้ทางมสท. ไปจัดสรรค่าจ่ายทั้งหมดเอง ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าวิทยากร หรือค่าอบรมต่างๆ และค่าศึกษาดูงานต่างประเทศด้วย

ซึ่งล่าสุด นักศึกษากบส.รุ่นที่ 2 รวมถึง 5 เสือกกต. ก็ได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ Japan Election Commission หรือ JEC. ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-5 มี.ค. และที่ The Association of World Election Bodies.หรือ (A-Web) สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 1-5มี.ค.ที่ผ่านมาด้วย

ศาลรัฐธรรมนูญ(ศาลรธน.)

 

สำหรับ “หลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย”  ของศาลรัฐธรรมนูญนั้น   ทีมข่าวของเราพยายามสอบถามข้อมูลจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งวัตถุประสงค์การจัดอบรม รายละเอียดผู้เข้าอบรม รวมถึงการจ้างวิทยากร ค่าอาหาร ค่าการศึกษาดูงานภายในประเทศและต่างประเทศ ค่าที่พัก และค่าเดินทาง  แต่ก็ติดต่อไม่ได้

 

หลังจากนั้นจึงได้โทรศัพท์สอบถามจากทีมโฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่มีคำตอบชี้แจง บอกแต่เพียงว่าให้โทรไปสอบถามผู้อำนวยการกลุ่มงานวิทยาลัยรัฐธรรมนูญ ผู้รับผิดชอบโครงการอบรมหลักสูตรนปธ.นี้ จะรู้รายละเอียดดีที่สุด

 เ

มื่อผู้สื่อข่าวโทรไปสอบถามผู้อำนวยการกลุ่มงานวิทยาลัยรัฐธรรมนูญ ก็บอกปฏิเสธว่า ตนไม่เป็นผอ. และขอเข้าประชุมก่อน ก่อนรีบตัดบทวางโทรศัพท์ทันที

 

สำหรับโครงการอบรมหลักสูตรหลักนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย(นธป.) เปิดอบรมตั้งแต่ปี 2556 ในสมัยนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาให้ความรู้ในเรื่องหลักนิติธรรม การเมือง การปกครอง หลักประชาธิปไตย และหลักสิทธิมนุษยชนที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และการดำเนินงานของหน่วยงานและสร้างองค์ความรู้ให้กับประชาชนเพื่อประโยชน์ของชาติต่อไป

  ทั้งนี้จากการสอบถามผู้ที่เคยเข้ารับการอบรมหลักสูตรดังกล่าว ระบุว่า ทางผู้เข้ารับการอบรมไม่ทราบว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้สนับสนุนค่ใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศด้วย

 

อย่างไรก็ตามหากผู้เข้าร่วมหลักสูตรประสงค์ที่จะอัพเกรดการเดินทางเช่น อัพเกรดจากชั้นประหยัด เป็นชั้นธุรกิจ หรือชั้นหนึ่ง และ อัพเกรดโรงแรมให้ดีขึ้น ก็สามารถทำได้ แต่ต้องจ่ายค่าส่วนต่างเอง

 

สำหรับการรับเข้าอบรมจะเป็นการพิจารณา เพื่อเลือกบุคคลตามแต่ละหน่วยงาน โดยจะมีการส่งจดหมายเชิญ และระบุว่าใครจะเข้าร่วม

 

ซึ่งหลักสูตรนปธ.เปิดอบรมนักศึกษามาแล้วทั้งสิ้น 5 รุ่นจนถึงปัจจุบัน มีนักศึกษาเข้ารับการอบรมประมาน 52 คนต่อรุ่น ประกอบด้วย ข้าราชการและผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน องค์กรอิสระ และนักวิชาการ โดยหลักสูตรนปธ.จะไม่เปิดให้นักการเมืองเข้ารับการอบรมเหมือนเช่นหลักสูตรอื่นๆ

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

เปิดหลักสูตร ชื่อว่า หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง(นยปส.) วัตถุประสงค์ เพื่อสร้างผู้นำในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต และสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติงานที่โปร่งใส รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในภารกิจสำคัญ คือ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่เป็นรูปธรรม

 

หลักสูตรนยปส. นี้เปิดมาแล้ว 8 รุ่นจนถึงปัจจุบัน มีงบสนับสนุนจากสำนักงานป.ป.ช. รุ่นละประมาน 10 ล้านบาท โดยทางผู้รับการอบรม ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ทั้งค่าอบรมหรือแม้แต่ค่าดูงานต่างประเทศก็ตาม ซึ่งตลอดหลักสูตรจะใช้เวลาเรียนประมาน 8 เดือน มีนักศึกษา อบรมประมาณ 50 - 60 คนต่อรุ่น ดังนั้นจะเฉลี่ยเป็นค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 200,000 บาท ผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่มาจาก ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในหน่วยงาน อธิบดีขึ้นไปหรือเทียบเท่า ตำรวจและทหาร ส.ส.หรือ ส.ว. เป็นต้น

---------