
ใช่เลย "สมเกียรติ ศรลัมพ์" เพื่อไทยสายธรรมกาย
เปิดตัวตน สมเกียรติ ศรลัมพ์ เพื่อไทยสายธรรมกาย
ในปฏิบัติการตามล่า พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จากคดีฟอกเงินและรับของโจร แต่วันนี้ กลายมาเป็นเรื่องราวใหญ่โต จน คสช.ต้องประกาศใช้มาตรา 44 กระชับพื้นที่วัดพระธรรมกายหลายวันมาแล้วนั้น
น่าสนใจที่แม้แต่เงาของพระธัมมชโย ทุกคนก็ยังไม่ได้เห็น ผิดกับข่าวคราวของใครหลายที่ปรากฏเข้ามาเกี่ยวข้อง และที่น่าใจมากขึ้นไปอีกคือ พวกเขามีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย
อย่างก่อนหน้านี้ กับพล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวไปไม่นานมานี้ เพราะไปเจอว่ามาทำลับๆ ล่อๆ อยู่แถวบริเวณที่รกร้างใกล้สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในพื้นที่ ต.คลอง 4 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางอันส่อพิรุธ
ล่าสุดยังมีชื่อของ สมเกียรติ ศรลัมพ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ปรากฏออกมาให้ดีเอสไอจับตาดูความเคลื่อนไหว หลังมีกระแสว่า เขานั้นออกมามาเคลื่อนไหวร่วมกับศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ในพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง ในลักษณะที่พยายามนำประเด็นการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ไปขยายผลเชื่อมโยงกับเรื่องการเมืองระดับประเทศ
ว่าแล้วมาเช็คประวัติกันดู ว่าสมเกียรติคนนี้เป็นมายังไง
ปรากฏว่าผู้ชายคนนี้ พื้นเพเดิมเขาเป็นคนอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ เกิดเมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2499 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท สาขาพัฒนาสังคม จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และหลักสูตรสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
ในส่วนของประวัติการทำงาน เขาเคยรับราชการเป็นปลัดอำเภอ แล้วย้ายไปปฏิบัติราชการพิเศษเป็นผู้ประสานงานประจำราชสำนัก จากนั้นออกไปเป็นที่ปรึกษาโครงการ กรรมการบริษัท ศรีนครแอ๊กโกรเอ็กซ์เชนจ์ จำกัด ควบคู่กับอาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัย
เขาเคยได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดนครสวรรค์ ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543 ต่อมาได้ลาออกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2549 และเข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อแผ่นดิน โดยลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบสัดส่วน กลุ่มที่ 2 ลำดับที่ 1 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยแรก
ต่อมา เขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 75 และได้รับเลือกตั้ง โดยเลื่อนขึ้นมาแทนถิรชัย วุฒิธรรม ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 80
และสืบไปสืบมาก็พบว่า เขาเคยเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทีมเดียวกับ พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันทน์ เลยก็ว่าได้
หลักฐานที่ปรากฏชัด สมัยที่สมเกียรติ เป็น ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน และได้เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ ศิลปะ ศาสนาและวัฒนธรรม เขาเดินทางไปร่วมเปิดวัดพระธรรมกาย สาขาประเทศแอฟริกาใต้ ร่วมกับ ดร.ประกอบ จิรกิตติ ครั้งที่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี รัฐบาลอภิสิทธิ์
สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เขาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ไปปรากฏตัวร่วมโปรยกลีบดอกกุหลาบ เมื่อ 6 เมษายน 2555 ในวันประวัติศาสตร์ อัญเชิญหลวงปู่ สด จันทสโร หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ กลับบ้านคือที่วัดปากน้ำ
วันที่ 13 ธันวาคม 2555 สมเกียรติในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จัดแถลงข่าวเปิดตัวโครงการเดินธุดงค์ธรรมชัย เส้นทางมหาปูชะนียาจารย์ (สด จนฺทสโร) ปีที่ 2 ถวายเป็นพุทธบูชา สืบสานวัฒนธรรมชาวพุทธ ฟื้นฟูจิตใจ สร้างบุญใหญ่ให้แผ่นดิน ในระหว่างวันที่ 2-27 มกราคม 2556 โดยครัังนั้น เขากล่าวออกไมค์ว่า
“หลายคนบอกว่าทำไมไม่ไปธุดงค์ในป่า ถือว่าง่าย ร่มเย็น แต่การเดินในเมืองข้างถนน ถือว่ายากมาก ต้องใช้ขันติบารมี เดินเพื่อเป็นต้นแบบของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโปรดญาติโยม หากทำต่อเนื่องทุกปีบ้านเมืองของเราจะสงบขึ้นมาก อยากให้สิ่งดีๆเกิดขึ้น และปลาบปลื้มใจว่า พระพุทธศาสนาที่อยู่ในประเทศไทยเข้มแข็งเจริญรุ่งเรืองที่สุด”
เป็นอันว่าเรื่องราวของ สมเกียรติคร่าวๆ ตามนี้ แต่ที่ลึกซึ้งมากกว่านี้ต้องติดตามกันต่อไป