
“มาดามเปิ้ล” ผู้หญิงแกร่ง “สมยศ” ยังเกรง?
“มาดามเปิ้ล” คนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของ “ซิโก้” เฮดโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยคนนี้
ถึงจะจบดราม่าเรื่องต่อสัญญากันไปแล้ว เพราะที่สุด “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ตัดสินใจจรดปากกาเซ็นสัญญากับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ด้วยสัญญา 1 ปี ทำให้ติ่งซิโก้หลายคนโล่งใจไปตามๆ กัน
แต่ยังมีเรื่องราวหลังฉากที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือ คนที่เป็นทุกอย่างในชีวิตของเฮดโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยคนนี้
ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจาก “มาดามเปิ้ล” หรือ อัสราภา ผู้ที่อยู่เคียงข้างความสำเร็จของซิโก้มาตั้งแต่ยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง เพราะนอกจากจะเป็นภรรยาและแม่ของสามใบเถาสุดสวย อธิชา, มุกตาภา และกฤตยาแล้ว
เธอยังถือเป็นคู่หูที่ร่วมเป็นร่วมตายกับการทำงานของสามี ทั้งก่อร่างสร้างตัว ล้มคลุก ลุกยืน และกล้าแกร่งมาด้วยกัน
สำหรับมาดามเปิ้ลนั้น มีนามสกุลเดิม คือ “วุฒิเวทย์” ก่อนมาเจอเนื้อคู่จอมตีลังกาคนนี้ช่วงปี 2542 มาดามเปิ้ลทำงานอยู่ในสมาคมกรีฑา และต้องทำข้อมูล ประวัติ ของฝ่ายชายลงเว็บไซต์
จึงเป็นเหตุว่าทั้งคู่ได้พบเจอและคุ้นเคยกันจากครั้งนั้น
แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเห็นจะเป็นตอนที่ซิโก้ต้องไปเล่นฟุตบอลที่อังกฤษ เขาจึงชวนมาดามเปิ้ลให้ไปเป็นล่ามให้ เพราะเธอเคยเรียนอยู่ที่อังกฤษมา 7 ปี
กอปรกับที่ฝ่ายหญิงกำลังทำงานเป็นไกด์ช่วยกิจการของกแม่พอดี ซึ่งลักษณะงานจะพานักศึกษาไปดูงานเรียนต่อต่างประเทศจึงไม่ใช่เรื่องหนักหนาที่จะตอบตกลง
หลังจากนั้นด้วยการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมืองด้วยกัน ช่วยเหลือกันทุกเรื่อง มาดามเปิ้ลจึงกลายเป็นมากกว่าล่ามแปลภาษา แต่ต้องทำหน้าที่กึ่งเอเย่นต์ส่วนตัวให้ซิโก้ไปในตัว
ซึ่งแม้ว่าซิโก้จะไม่ประสบความสำเร็จในอังกฤษ หรือเมื่อกลับมาเล่นลีกอาชีพที่สิงคโปร์ก็ยังถูกยกเลิกสัญญา
แต่ดูเหมือนว่าความรักของทั้งคู่กลับงอกเงย จนตัดสินใจแต่งงานกัน โดยซิโก้เคยให้สัมภาษณ์ว่า
"มาคิดว่าคนที่อยู่กับเราตอนลำบากที่สุดคือใคร ที่สวยๆ นางงาม ดารา ก็มีนะ แต่รู้สึกว่ามันเป็นหน้ากาก ไม่ได้คบเพราะความรู้ใจ คิดแบบนี้ก็ไม่ต้องเลือกมากแล้วล่ะ"
ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากนั้นชีวิตการงานของซิโก้ก็ดีขึ้น เพราะสโมสรฮองอัน ยาลาย เวียดนาม ก็ติดต่อมาให้ซิโก้ไปค้าแข้งที่เวียดนามจนโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง
แถมทั้งคู่ยังหันมาเอาดีในการทำธุรกิิจ โดยมีมาดามเปิ้ลคนนี้ที่เป็นกำลังหลักในการทำธุรกิจของครอบครัว 2 บริษัท ประกอบด้วย
บริษัท สปอร์ตฮีโร่ จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยอัสราภา ถือ 52% เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองถือ 48% และเป็นกรรมการ เพื่อประกอบกิจการ จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด รวมทั้งประกอบกิจการผลิต จำหน่าย นายหน้าและตัวแทนสื่อโฆษณาทุกชนิด
ส่วนอีกที่คือ บริษัท นายสิบสาม จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยมาดามเปิ้ล ถือ 9,499 หุ้น (94.99%) ตะวัน ศรีปาน อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย 500 หุ้น (5%) และน.ส.พิสมัย พรมนาก 1 หุ้น ประกอบธุรกิจ ประกอบกิจการจัดการ จัดการแข่งขันกีฬาทุกชนิด
และแน่นอนว่ามาดามเปิ้ลก็ดูแลทุกอย่างจนเติบโตรุ่งเรืองชนิดที่หลายคนร้อง “ว้าว”
อย่างไรก็ตาม ทำงานใหญ่ทั้งทีจะหน่อมแน้มก็ใช่ที่ ว่ากันว่า มาดามเปิ้ลคนนี้ เก่งรอบตัวมากกว่าที่ทุกคนคิด
งานหลังบ้านก็ทำได้ดี งานหน้าร้านก็เจ๋ง ส่วนงานตลาดก็ยิ่งเด็ด เพราะในโลกโซเชียลที่มาดามเปิ้ลโลดแล่นเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายของสามี เจ้าตัวจะมีความเคลื่อนไหวทางอินสตาแกรมที่ร้อนแรงออกมาเสมอ
โดยเฉพาะหากมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสามีในทางลบ เธอคนนี้จะขอลุยทันที เช่นเคยออกมาตัดพ้อคราที่บอลไทย พ่าย ยูเออี รอบ 12 ทีมสุดท้ายว่า
“สักวัน คนก็คงลืมว่า พ่อเคยพาทีมผ่านเข้ารอบที่ 3 นี้มา.. สักวัน คนก็คงจะลืมไปเช่นกันว่า พ่อเคยทำให้เค้ากระโดดกอดกัน ดีใจจนน้ำตาไหลตอนได้แชมป์ซูซูกิ สักวัน คนก็คงจะลืมไปด้วยว่าพ่อ เคยเป็นโค้ชทีมชาติไทย”
หรือให้แซบเข้าไปอีก เช่น "สำหรับคนทำนา เมล็ดพันธุ์ คือสิ่งที่มีค่า ทุกเมล็ดถูกหว่านออกจากกำมือ .. ทุกเมล็ด “คือหัวใจ” ถ้าใครเค้าบอกว่าข้าวมันนิ่มไป ข้าวมันแข็งไป กินแล้วชอบหรือกินแล้วไม่อร่อย แนะนำว่าเข้า supermarket แล้วก็หาซื้อข้าวถุงได้ตามชอบ ง่ายและสบายกว่าเยอะค่ะ เพราะอย่างไรซะคุณก็ไม่ใช่ “คนดำนา”
นี่แหละลีลาของหลังบ้านเฮดโค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยที่หลายคนบอกเลย เธอคนนี้ไม่ธรรมดา!