
จากใจ"ลูก" ถึง "พ่อ"
“ผมสัญญา จะเป็นคนดีใต้ร่มพระบารมีปกเกล้า”, "ในหลวง" พระผู้สถิตในจิตใจของข้าพเจ้า, เกศก้มบังคมกราบ...(ตีพิมพ์ใน นสพ.คมชัดลึก ฉบับ 25 ต.ค.59)
“ผมสัญญา จะเป็นคนดีใต้ร่มพระบารมีปกเกล้า”
ผม ผู้เกิดมาได้ศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๙ พระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ในการก่อสร้างโรงเรียน และพระราชทานนามโรงเรียนว่า “ราชวินิต” ซึ่งแปลว่า สถานที่อบรมสั่งสอนกุลบุตร กุลธิดา ให้เป็นคนดีแห่งพระบารมีปกเกล้า
ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ได้ศึกษาเล่าเรียนในสถาบันการศึกษาที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมานั้น นับว่าเป็น 12 ปีในใต้ร่มพระบารมีปกเกล้า ทำให้ผมได้มีวิชาความรู้ มีประสบการณ์จากการทำกิจกรรมต่างๆ และได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจ ความรักความห่วงใยที่พระองค์มีต่อพสกนิกรชาวไทย การทรงงานของพระองค์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยย่อท้อ ทำให้ผมและครอบครัวสำนึกในพระมหากรุณธิคุณของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้
หากมีกิจกรรมใดที่ทางโรงเรียนต้องการให้ช่วยเหลือสนับสนุน ผมและครอบครัวยินดีที่จะให้ความร่วมมือ และส่งเสริมสนับสนุนอยู่สม่ำเสมอ จึงได้มีโอกาสเข้ารับพระราชทานเข็มจากพระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ระดับชั้นประถม จนถึงระดับชั้นมัธยม
สูงสุดในชีวิตหนึ่งของผมคือการได้รับคัดเลือกให้เป็นประธานนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม ได้สนับสนุนงานของครู-อาจารย์ และได้ดูแลพี่ เพื่อน และน้อง จนมีโอกาสได้รับพระราชทานเข็มนักเรียนผู้มีความประพฤติดี ซึ่งนับว่าเป็นกำลังใจสำคัญให้เด็กนักเรียนคนหนึ่งในการทำสิ่งดีๆต่อไปในอนาคต
ขณะที่ผมศึกษาเล่าเรียนในสถานศึกษาของพระองค์นั้น ทุกๆวันผมก็จะเห็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียน ผมตั้งใจโค้งถวายคำนับทุกวัน และทุกครั้งที่เดินผ่าน ผมไม่ได้สนใจว่านักเรียนคนอื่นปฏิบัติเช่นผมหรือไม่ ไม่ทราบว่าจะมีใครที่เผลอลืมถวายคำนับ หรือมิได้ถวายคำนับทุกครั้งที่เดินผ่านเช่นผมหรือไม่ แต่สำหรับผม ผมไม่รอให้ครูอาจารย์บอก ไม่เดินผ่านไปเฉยๆ ผมจะตั้งใจถวายคำนับทุกครั้งด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อลูกๆชาวราชวินิต เป็นล้นพ้น และสำนึกในสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงทำให้แก่พสกนิกรชาวไทยจากการที่ครูอาจารย์สอนผม
เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ ผมก็นำไปตั้งไว้ในหอพักนักศึกษาด้วย ผมตั้งไว้และยกมือไหว้ถวายความเคารพพระองค์ทุกวันเมื่อจะออกจากหอพักไปเรียน และกลับจากเรียนมาที่หอพัก
ครั้งหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสฝึกภาคปฏิบัติงานสังคมสงเคราะห์ในชุมชน ผมได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาเรียนรู้ และเสริมศักยภาพให้แก่ชุมชนแออัดริมทางรถไฟแห่งหนึ่ง ในจังหวัดขอนแก่น สิ่งที่ผมสังเกตคือ แทบทุกบ้านจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ประดับอยู่ และมีอยู่วันหนึ่งเมื่อผมปฏิบัติงานและเกิดความท้อแท้ ต้องการกำลังใจ ผมได้มองไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่ประดับอยู่ในบ้านของชาวบ้านนั้น ทำให้ผมเกิดความเข้าใจในเนื้อเพลง “รูปที่มีทุกบ้าน” อย่างถ่องแท้
ในเนื้อความท่อนหนึ่งที่ว่า “เมื่อไรเราทำอะไรที่เกิดท้อ แค่มองดูรูปบนข้างฝาจะได้กำลังใจจากรูปนั้น” ทำให้ผมมีกำลังใจในการปฏิบัติงาน และกลับมามีแรงกายแรงใจปฏิบัติงาน ด้วยคิดว่าพระองค์ทรงเหนื่อยกว่าเราหลายเท่า สิ่งที่เราทำอยู่นั้น เทียบไม่ได้กับสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้ประชาชนแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว
เมื่อผมเข้าสู่วัยทำงาน พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ผมก็ยังคงนำมาไว้ที่โต๊ะทำงาน เพื่อเป็นสิริมงคล และแน่นอนว่าเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผมในการปฏิบัติงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ผมยกมือไหว้ และถวายพวงมาลัยเฉกเช่นเดียวกับที่ยกมือไหว้และถวายพวงมาลัยแด่พระพุทธรูปที่บูชาบนโต๊ะทำงาน
เมื่อทราบข่าวพระอาการประชวรของพระองค์ การถวายพวงมาลัยเพื่อบูชาพระบรมฉายาลักษณ์ในวันนั้น มิใช่การขอพรให้แก่ตนเอง แต่เป็นการขอพรให้พระองค์หายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน
แต่ในวันเดียวกันนั้น วันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ สิ่งที่ไม่คาดคิด สิ่งที่ผมและคนไทยไม่ประสงค์จะให้เกิดขึ้นก็มาถึง วันที่ผมและคนไทยหัวใจสลาย วันที่กำลังใจและหลักชัยของพสกนิกรชาวไทยเสด็จสู่สวรรคาลัย คงไม่ต้องเอ่ยว่าน้ำตาจะท่วมท้นใบหน้า และแผ่นดินมากเพียงใด เพราะพวกเราทุกคนได้ผ่านคืนวันอันโหดร้ายนั้นมาด้วยกัน และยังอยากที่จะให้คืนวันที่ผันผ่านแม้แต่ปัจจุบันที่ประสบอยู่เป็นเพียงฝันร้ายที่คนไทยยังมิตื่นจากฝัน ช่างน่าเสียใจที่เราไม่สามารถตื่นจากฝันร้ายนี้ได้เลย
ผมอยากจะบอกว่าผมรักพระองค์สุดหัวใจ ผมรักพระองค์โดยไม่มีใครมาบอกให้รัก ผมรักพระองค์จากสิ่งที่พระองค์ทรงทำให้กับพสกนิกรชาวไทย และสิ่งที่ใกล้ตัวผมที่สุดคือ สิ่งที่พระองค์พระราชทานให้กับลูกๆชาวราชวินิต ผมดีใจและภูมิใจที่ได้เกิดมาอยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์ และได้ศึกษาเล่าเรียนใต้ร่มพระบารมีปกเกล้า
สิ่งที่พระองค์ทรงทำให้แก่คนไทยจะไม่สูญเปล่า พระองค์จะสถิตอยู่กลางใจผมและคนไทยไปตราบนานเท่านานจนกว่าชีวิจจะหาไม่ และผมจะตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างสุดความสามารถ แม้ไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่พระองค์ทรงทำ แต่จะน้อมนำมาปฏิบัติและเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพียงเศษเสี้ยวธุรีก็จะทำ เพื่อถวายความจงรักภักดี และตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ผมรักพระองค์สุดหัวใจ
นายเมธวิน ขำหาญ
อายุ 26 ปี
นักวิชาการยุติธรรมปฏิบัติการ
สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
++++
"ในหลวง" พระผู้สถิตในจิตใจของข้าพเจ้า
ตั้งแต่จำความได้ เมื่ออยู่ชั้นประถม ที่โรงเรียนบ้านท่านาง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ทุกภาคเรียนจะได้รับสมุดสีน้ำตาล สมุดเล่มใหญ่กว่าสมุดปกติทั่วไป ภาพด้านหน้าเป็นรูปในหลวง ปกด้านในเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ ส่วนปกหลังเป็นสูตรคูณ สมุดอะไรหนอ ชอบจังเลย กระดาษดีมากๆ แล้วยังได้ดินสอสีน้ำตาลหัวมียางลบมาด้วย ยังคงจำได้จนถึงทุกวันนี้ว่าเป็น "สมุดพระราชทานจากในหลวง"
ตามประสาเด็ก ดีใจว่าพระเจ้าอยู่หัวผู้อยู่สูงสุดในแผ่นดินนี้ท่านมีของมาแจกให้เด็กตัวเล็กตัวน้อยในต่างจังหวัดไกลๆแบบนี้ด้วย จำได้ว่าจะไม่ค่อยอยากใช้อยากเก็บไว้ ถ้ามีสมุดอื่นอยู่ก็จะใช้สมุดเล่มอื่น (สมุดลายไทย เพื่อนๆหลายคนคงจำได้)
นอกจากนี้นานๆทีที่โรงเรียนของเรายังได้รับนมวัวถุงๆมาแจกด้วย แม้จะไม่ได้บ่อยๆ แต่ก็จำได้ว่าเป็น "นมพระราชทานจากในหลวง" ที่จำได้เพราะว่าอยู่บ้านต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็จะได้กินแต่น้ำเต้าหู้ ไม่ค่อยได้กินนมวัว ยิ่งเป็นนมสดที่เก็บไว้ได้ไม่กี่วันยิ่งไม่ค่อยจะได้กินเลย สิ่งที่จับต้องได้ด้วยมือก็เพียงเท่านี้แต่ทำให้หัวใจของเด็กหญิงตัวเล็กๆพองโต ตื้นตันใจมาจนถึงทุกวันนี้ว่า แม้บ้านของเราจะอยู่ต่างจังหวัดห่างไกล แต่ก็ไม่ไกลเกินพระเมตตาจากในหลวงที่ส่งไปถึง
แต่ความดีใจจากสิ่งของพระราชทานที่จับต้องได้มานั้น ยังไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจที่ยิ่งใหญ่เกินจะร้อยออกมาเป็นคำพูด คงเป็นความรู้สึกเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน เพราะตลอดชีวิตที่เรารับรู้และได้เห็นพระองค์ฯทรงงานหนักเพื่อประชาชน
ในวันที่เยาว์วัยบ้านต่างจังหวัดที่เพิ่งจะมีทีวีเป็นของตัวเอง วันไหนได้เปิดดู (เด็กๆไม่ได้ดูทีวีบ่อยนักเพราะสัญญานไม่ดี ต้องมีคนลงไปหมุนเสาก้างปลานอกบ้าน) แต่ก็ยังจำได้ว่าทุกครั้งที่เปิดมาเป็นข่าวในพระราชสำนักก็อยากจะเห็นในหลวงออกทีวี โตมาหน่อยก็จะตั้งใจรอฟังในหลวงทุกๆวันที่ 4 ธันวาคม ก่อนถึงวันพ่อหนึ่งวัน
เปิดทีวีนั่งดูกับแม่ทุกปีอยากรู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินท่านจะพูดถึงเรื่องอะไร เวลาท่านมีพระอารมณ์ขันแม่ก็หัวเราะดูไปยิ้มไปเราก็สุขใจไปด้วย และอีก1วันที่จะต้องเปิดทีวีดูก็คือวันพืชมงคลซึ่งจะตรงกับช่วงปิดเทอม ทุกครั้งนอกจากความอยากรู้ว่าพระโคจะกินอะไรแล้ว ยังจำอยู่ในใจเสมอว่าวันนี้จะได้เห็นพ่อหลวง เมื่อมองย้อนกลับไปก็รู้สึกได้เลยว่าในหลวงอยู่ในความคิดอยู่ในจิตใจของเรามาโดยตลอด เมื่อยังเด็กก็คิดได้แค่นั้น
เมื่อโตขึ้นได้อ่าน ได้รู้ ได้ดู ได้เห็น ทุกอย่างยิ่งชัดเจนขึ้น บ้านเมืองของเราได้อยู่เย็นเป็นสุขผ่านช่วงที่ยากลำบากมาได้ถึงทุกวันนี้ ใครคือผู้ที่เหนื่อยยากและทุ่มเทที่สุดบนแผ่นดิน ในฐานะที่เป็นลูกหลานไทยคนหนึ่งย่อมรู้ดี
ในวันที่เศร้าเสียใจจากความสูญเสียใหญ่หลวงในครั้งนี้ ขอยึดเอาคำสอนของพระองค์ฯเตือนสติตัวเองในทุกสถานการณ์ของชีวิตที่ก้าวต่อไป และสิ่งที่ทำได้ในหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองนั้นคืองานที่จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับประชาชนของพระองค์ให้มากที่สุด
นางสาวพัชรินทร์ ธรรมรส
อายุ 37 ปี
ผู้สื่อข่าว
++++
เกศก้มบังคมกราบ...
ชาวเราและชาวโลก
ล้วนเศร้าโศกโลกเศร้าซม
ท้นท่วมร่วมระทม
ทุกข์สะท้านเหลือทานทน
เมื่อพระเสด็จพราก
เพียงกระชากใจจากชน
รอนรอนแลร้อนรน
ราษฎร์อ่อนล้าเหลืออาลัย
เกินคำจะร่ำขาน
พระกิติการอันเกริกไกร
เจ็ดทศวรรษไทย
ใต้พระบาทชาติเบิกบาน
เกศก้มบังคมกราบ
ศิโรราบโดยร้าวราน
ส่งเสด็จทรงเสร็จงาน
กลับทิพยสถานพิมานทอง
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันหาที่สุดมิได้
ข้าพระพุทธเจ้า นายไพศาล หาญบุญตรง
อายุ 65 ปี
อดีตพนักงาน ธกส.
++++