คอลัมนิสต์

จากใจ "ลูก" ถึง "พ่อ"

จากใจ "ลูก" ถึง "พ่อ"

23 ต.ค. 2559

คำสอนของ “พ่อ”, “พ่อหลวง” ไม่ได้ไปไหน, ลุงเคยรับเสด็จ 3 ครั้ง, “พระองค์ท่าน” คือแรงบันดาลใจ (ตีพิมพ์ใน นสพ.คมชัดลึก ฉบับ 23 ต.ค. 59)

 

คำสอนของ “พ่อ”

            ตอนเด็กๆเวลาที่รู้สึกใกล้ชิดพระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ 9 มากที่สุด คือตอนวิ่งออกไปรับเสด็จริมถนนเพชรเกษม ย่านภาษีเจริญ ในยามที่พระองค์เสด็จผ่าน พอโตคงเป็นทุกๆวันที่ 4 ธันวาคมของทุกๆปี ที่จะเห็นพระองค์ทางโทรทัศน์เสด็จออกมาให้พระบรมราโชวาทในวันเฉลิมพระชนม์พรรษา

            หลังๆมานี้ผมใช้วิธีขี่จักรยานรอบวังสวนจิตรลดาเสมือนมาเคารพพระองค์ แต่หลังจากข่าวการสวรรคตความรูสึกเวลาขี่จักรยานรอบสวนจิตรลดามันเปลี่ยนไป จะขี่ด้วยการมีสมาธินึกถึงพระองค์ท่าน นึกถึงคำสอนที่พระองค์ท่านตรัสไว้ แล้วทบทวนว่าเรานั้นได้ทำตามคำสอนแล้วหรือยัง ถ้ายังจงกลับไปเริ่ม ถ้าได้ทำแล้วจงทำต่อไป เพื่อเป็นมงคลต่อชีวิต

            ผมไม่สามารถลืมภาพเหตุการณ์เมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้เลย ในคืนที่พระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่9 มีรับสั่งให้ พลเอก สุจินดา คราประยูร และพลตรี จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้า เพื่อคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ด้วยพระบารมีของพระองค์จึงทำให้เหตุการณ์ที่ดูเลวร้ายกลับมาสู่สภาพที่ดีขึ้น ไม่มีคนไทยคนใดบาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าที่เกิดขึ้น และทำให้บ้านเมืองสงบสุขในเวลาต่อมา

            เชื่อว่าหลายคนคงเคยตั้งคำถามเหมือนผมว่า ทำไมพระองค์ถึงมีพระบารมีมากมายมหาศาลขนาดนี้ คำตอบคงหนีไม่พ้นว่า พระองค์คือผู้ให้ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ได้ ไม่ว่าทรัพย์สินส่วนพระองค์ ให้ความรู้ ให้ความเมตตา แม้กระทั่งให้อภัยและให้อย่างไม่มีข้อแม้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร

            วันนี้ไม่แปลกใจที่ประชาชนชาวไทยจะเสียใจ เสียน้ำตา ต่อข่าวการสวรรคตของพระเจ้าแผ่นดิน รัชกาลที่ 9  แต่อย่าให้เสียแรงที่พระองค์ท่านทรงงานหนักมาตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์ ต่อจากนี้เราทุกๆคนต้องร่วมมือร่วมใจกันพาแผ่นดินไทยของทุกๆคนไปสู่แผ่นดินแห่งความสุข โดยใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพื่อความสุขของคนไทยทุกคน เป็นความสุขที่ไม่มีเงื่อนไข และเป็นความสุขที่พระองค์คงอยากให้เกิดกับประชาชนของพระองค์ตลอดไป ไม่ว่าพระองค์จะประทับอยู่ ณ สววรค์ชั้นใด

จากใจ \"ลูก\" ถึง \"พ่อ\"

นายมรกต โกมลบุตร

อายุ 46 ปี

อาชีพนักจัดรายการวิทยุ

+++++

“พ่อหลวง” ไม่ได้ไปไหน

            ยากเหลือเกินที่ข้าพเจ้าจะยอมรับให้ได้ว่า พ่อหลวงของพสกนิกรชาวไทย ได้สวรรคตแล้ว ทั้งๆที่บอกตัวเองตลอดเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บและตาย 

            ตั้งแต่จำความได้ พ่อหลวงของปวงชนชาวไทยรัชกาลที่ 9 ก็ได้อยู่ในใจของข้าพเจ้า เพราะได้ฟังและรับรู้เรื่องราวดีๆของพระองค์ตลอดเวลา และอยากได้ใกล้ชิด และเข้าเฝ้าพระองค์ท่านเหลือเกิน 

            จนกระทั่งได้มีโอกาสเขียนจดหมายกราบบังคมทูลเชิญของโรงเรียนที่ได้ศึกษาอยู่ ซึ่งขณะนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์พิมม์ จึงตั้งใจเขียนภาษาไทยให้สวยที่สุดเพื่อถวายพระองค์ท่าน ถึงแม้จะเป็นเพียงสารจากกระดาษเท่านั้น ก็ได้รู้สึกถึงสัมผัสและภูมิใจที่ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่าน 

            ตราบจนได้มีโอกาสเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร  ตั้งใจมั่นหมายเหลือเกินว่าจะขอมองพระองค์ท่านให้เต็มตา เต็มหัวใจ แต่ถึงเวลาเข้าจริง ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ได้แต่ก้มหน้าน้อมรับปริญญาบัตรด้วยความปลื้มปิติเป็นล้นพ้น 

            จวบจนมีชีวิตครอบครัว ทุกครั้งที่มีสุขหรือทุกข์ ข้าพเจ้าจะคิดถึงพระองค์ท่านเสมอ เปรียบประหนึ่งบุพการีผู้ให้กำเนิด  พระองค์ท่านอยู่ในใจข้าพเจ้าตลอดเวลา และช่วยให้ข้าพเจ้าได้ผ่านพ้นอุปสรรค ปัญหาต่างๆมาโดยตลอด เพราะได้เห็นว่าแม้พระองค์ท่านจะเป็นกษัตริย์ พระองค์ท่านยังทรงแบกปัญหาต่างๆด้วยรอยแย้มพระสรวล และหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆจนลุล่วง 

            พระองค์ท่านสอนให้ข้าพเจ้ารู้จัก "การให้ " อย่างแท้จริง ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนแต่อย่างใด ไม่ต้องหวังว่าจะต้องมีใครรู้  ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า "การให้ " ที่แท้จริงนั้น มีความสุขในชีวิตมากเพียงใด 

            ผ่านมาแล้ว 6 วัน ข้าพเจ้าคิดเสมอมาว่าพระองค์ท่านไม่ได้ไปไหน แต่ยังคงสถิตอยู่เหนือหัวของข้าพเจ้า เป็นพระอรหันต์ และอยู่ในหัวใจของข้าพเจ้าตลอดมา และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปตราบจนสิ้นลมหายใจ และจะทำตามคำสอนของพระองค์ท่านให้อย่างดีที่สุด 

จากใจ \"ลูก\" ถึง \"พ่อ\"

พัชรินทร์ จิตตวรวานิช

อายุ 52 ปี

18 ตุลาคม 2559

++++

ลุงเคยรับเสด็จ ครั้ง 

            “ลุง” เกิดในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ชั่วชีวิตเคยเข้าเฝ้ารับเสด็จ 3 ครั้ง ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิด 2 ครั้ง ครั้งแรกก็ปี พ.ศ.2501 ตอนนั้นลุง ยังเป็นเด็กนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6พระองค์เสด็จเยี่ยมชาวจอมทอง ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ครูก็ให้เด็กนักเรียนตั้งแถวรับเสด็จเวลาบ่ายโมง พร้อมกับพสกนิกร ทั้งชาวเขาหลายเผ่า และชาวจีนที่อยู่ทำมาค้าขายในอำเภอจอมทอง ที่มารอรับเสด็จอย่างเนืองแน่นตั้งแต่เก้าโมงเช้า

            กระทั่งเวลาบ่ายสามโมง พระองค์เสด็จถึงประตูวัดพระธาตุฯ ก็มีชาวเขาเผ่าม้ง ดักรออยู่ก่อน สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ มีพระราชปฏิสันถาร กับชาวเขาเผ่าม้ง อยู่นานมากอย่างไม่ถือพระองค์ วันนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงฉลองพระองค์สีแดงทั้งชุด พระหัตถ์ขวาทรงถือร่ม ทรงพระสิริโฉมงดงามมาก ลุงไม่เคยเห็นคนสวยอย่างนี้มาก่อน ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ประทับยืนอยู่อย่างสนพระทัย เหล่าเด็กนักเรียนก็รอเฝ้าพอทั้งสองพระองค์เสด็จเข้ามาใกล้ ลุงถึงกับตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะจ้องมอง กระทั่งทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินผ่านไป แม้วันนั้นจะผ่านไป แต่พวกเราชาวจอมทอง ยังอิ่มเอมใจนานแสนนาน ซึ่งยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะบรรยายได้ 

            ครั้งที่ 2 เมื่อลุง โตเป็นผู้ใหญ่ และรับราชการแล้ว ช่วงนั้นพระองค์เสด็จไปยัง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ เป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งต้องผ่าน อ.จอมทอง ชาวบ้านก็ตั้งโต๊ะถวายช่อดอกไม้ 

            ที่ ถ.เชียงใหม่ – ฮอด หน้าวัดพระธาตุฯ ซึ่งลุงบังเอิญขี่รถมอเตอร์ไซด์อยู่ พอเห็นเข้าก็ดีใจมากที่จะได้ร่วมรับเสด็จด้วย จึงหยุดรถมอเตอร์ไซด์แล้วรีบลงไปสมทบกับชาวบ้านยืนรอรับเสด็จ

            ครั้นรถพระที่นั่ง มาหยุดที่โต๊ะดอกไม้ของชาวบ้าน พระองค์เสด็จลงจากรถ มารับช่อดอกไม้ที่พสกนิกรทูลเกล้าถวาย ซึ่งก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นรถพระที่นั่ง พระองค์ทรงตรัส “ ขอบใจ ” ส่วนลุง ยืนตัวแข็งตามเคย...

            ครั้งที่ 3 เสด็จพระราชทานพระพุทธรูปที่ทรงสร้างขึ้นด้วยกลีบดอกไม้นานาชนิด ที่พสกนิกรในที่ต่างๆ ทูลเกล้าถวายพระองค์ แล้วทรงเก็บตากแห้งไว้และนำไปบดเป็นผง หล่อเป็นพระพุทธรูปรวมกับโลหะอื่น พระราชทานนามว่า “พระพุทธนวราบพิตร”ซึ่งสถานที่รับเสด็จคราวนั้น ก็เป็นที่สนาม หน้าคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ลุงก็เฝ้าฯ รับเสด็จอยู่ห่างสักร้อยเมตรได้ คนก็เยอะจริงๆ ท่านผู้ว่าฯ ก็จัดให้มีการฟ้อนเล็บถวายให้ทอดพระเนตร โดยพระองค์ประทับบนพระแท่นที่จัดถวาย 

            ถึงแม้ ลุงจะได้มีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จ เพียงแค่ 3 ครั้ง แต่เป็นสามครั้งที่ลุงภาคภูมิใจ และจดจำ มิเคยลืมเลือนตลอดมา ”

จากใจ \"ลูก\" ถึง \"พ่อ\"

นายกมล  แสนใจบาล 

อายุ 72 ปี 

อดีตข้าราชครู 

อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ 

+++++

“พระองค์ท่าน” คือแรงบันดาลใจ

            การที่คนๆหนึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับอีกคนหนึ่งได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเรากลับเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแม้แต่ในระดับผู้นำ โดยแรงบันดาลใจนี้ไม่ได้มาจากแค่เพียงคำพูด แต่เป็นการกระทำที่พระองค์ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พวกเรา โดยเฉพาะปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ทรงแสดงให้เห็นว่าแม้พระองค์จะมีล้นฟ้าแต่กลับอยู่อย่างสมถะเรียบง่าย

            อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเห็นมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต คือการที่พระองค์ท่านเสด็จไปเยี่ยมราษฏรในทุกๆที่แม้จะเป็นถิ่นทุรกันดารแค่ไหน และทุกครั้งที่พระองค์เสด็จไปความเจริญก็จะตามไปที่แห่งนั้นเสมอ ทั้งที่เป็นถึงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินที่จะอยู่สบายๆไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ แต่ตลอดชีวิตของพระองค์ทั้งก่อนและช่วงที่ทรงครองราชย์ ท่านกลับทรงงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อพสกนิกรทั้ง 70 ล้านคนของพระองค์โดยไม่เคยหยุดพักเลยแม้แต่วันเดียว

            สำหรับผมแล้วพระองค์ทรงเป็นทุกอย่าง เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นนักพัฒนา เป็นปราชญ์ เป็นนักดนตรี เป็นศิลปิน เป็นพ่อที่เป็นตัวอย่างที่ดีในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิต หรือแม้กระทั่งการอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ และยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาเป็นครู

            ทุกครั้งที่รู้สึกเหนื่อยก็จะบอกกับตัวเองตลอดว่า “ท้อไม่ได้นะ เราเป็นครู หากเราหยุดก็จะมีผลกระทบกับเด็กๆอีกหลายคน” ให้ดูสิ่งที่พ่อทำแล้วถามตัวเองว่า “เราทำแค่ไหนที่จะมาบ่นว่าเหนื่อยว่าท้อ”

            ในวันนี้ วันที่พ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่ความดีของพ่อ สิ่งที่พ่อทำ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพ่อจะอยู่ในใจของผมตลอดไป ผมให้สัญญากับตัวเองว่า “ผมจะดูแลบ้านของพ่อให้ดี จะสืบสานงานของพ่อต่อและจะมีส่วนร่วมพัฒนาประเทศในส่วนที่ตัวเองจะทำได้”

จากใจ \"ลูก\" ถึง \"พ่อ\"

ณัฐพล ทวีวัฒน์

อาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์

มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ

19 ตุลาคม 2559

+++++