คอลัมนิสต์

เปิดใจ“อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. ยุคเปลี่ยนผ่าน

เปิดใจ“อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. ยุคเปลี่ยนผ่าน

25 พ.ย. 2559

“ผมยืนยัน ผมไม่ใช่คนดี แต่ผมเลวไม่เยอะแล้วกัน” 

          ธนัชพงศ์ คงสาย สำนักข่าวเนชั่น @tanatpong_nna

          พลันที่ประกาศราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2559 เรื่อง การให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พ้นจากตําแหน่ง ได้สะเทือนม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯกทม.คนที่ 15 ทันที พร้อมแต่งตั้งให้ “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รับตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงเก้าอี้พ่อเมืองเสาชิงช้าสายฟ้าแลบ ท่ามกลางการตรวจสอบหน่วยงานกทม. ไม่ต่างกับ “ตำบลกระสุนตก”

           ชื่อ“อัศวิน” ถูกเลือกรับภารกิจดูแลประชาชนที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง นอกเหนือจากงานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้ชาวกรุงเทพฯ ด้วยความคาดหวังจากสังคม ต่อการทำงาน“ไร้รอยต่อ” ระหว่างรัฐบาล-กทม. มาวันนี้ “อัศวิน”ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวเนชั่น” ถึงตัวตนผู้ว่าฯกทม.ผ่าน 38 วัน ในยุคบ้านเมืองกำลังเปลี่ยนผ่านจากนี้

             เปิดใจ“อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. ยุคเปลี่ยนผ่าน

          คสช.เลือกมาเป็นผู้ว่าฯกทม.อย่างไร

          ก่อนเป็นผู้ว่าฯกทม. ก็เป็นรองผู้ว่าฯกทม.มา 3 ปีครึ่งในสมัยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็มีเหตุที่ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่คณะผู้บริหารคนอื่นยังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป โดยคุณผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. รักษาราชการผู้ว่าฯกทม.ได้ประมาณ 1 เดือน แต่ก็มีคำสั่งคสช.วันที่ 18 ตุลาคม หลังจากที่พ่อหลวงสวรรณคตได้ 4-5 วัน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกผมไปพบแล้วบอกว่า จำเป็นต้องให้มาปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าฯกทม. ผมก็รู้จากตรงนั้น ไม่เคยทราบมาก่อนหน้านี้ ซึ่งการแต่งตั้งคงไม่ใช่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคสช. เพราะท่านนายกฯคงจะมองเรื่องเนื้องานเกี่ยวกับการจัดการดูแลประชาชน ที่มาถวายสักการะพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

          เลือกคุณสมบัติทีมงานรองผู้ว่าฯกทม. และคณะที่ปรึกษาอย่างไร

                ในวันนั้นท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านบอกว่าให้หาคนที่จะมาช่วยงานได้ แต่ไม่ได้ระบุมาว่าจะเลือกผู้หนึ่งผู้ใด เพียงแต่บอกว่าให้ไปคัดคนดีที่จะมาช่วยงานผม ให้ผมไปคัดสรรเอง ซึ่งรองผู้ว่าฯกทม. อย่างพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผมก็ต้องการให้มาสานงานต่อจากในช่วงที่ผมเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ในเรื่องการจัดระเบียบทางเท้า เรื่องการจราจร เรื่องผู้ค้า ผู้ขาย เรื่องผู้บุกรุกที่สาธารณะ คลองโอ่งอ่าง สนามหลวง คลองหลอด ป้อมมหากาฬ สยามสแควร์ ประตูน้ำ กทม.ก็พยายามให้ผู้ค้าออกไป พร้อมกับสร้างความเข้าใจ เพราะถ้ามีผู้ค้ากลับมาสิ่งที่กทม.ทำไปจะสูญเปล่า

                ส่วนรองผู้ว่าฯกทม.อีก 3 คน ผมเลือกจากอดีตข้าราชการ อย่างคุณวรรณวิไล พรหมลักขโณ ก็ลาออกจากตำแหน่งรองปลัดกทม.ตั้งแต่ปี 2553 มีประสบการณ์มากมาย เคยเป็นผู้อำนวยการสำนักคลัง มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงิน อีกคนนายจักพันธุ์ ผิวงาม เพิ่งจะเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายนเพียง  10 กว่าวัน ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้มาช่วยงาน ผมก็คัดสรรจากที่ผมมองแล้วว่าเขาเป็นคนดี คนเก่ง จะเน้นคนที่ไม่มีเรื่องการติฉิน นินทาเกี่ยวกับเรื่องการทุจริต

           กระแสส่วนหนึ่งที่คสช.ไว้วางใจมาเป็นผู้ว่าฯกทม. เกี่ยวกับวันที่ได้ลงนามงบประมาณปี 2560 แทนผู้บริหารชุดที่แล้วหรือไม่

           คงจะประกอบกันหลายส่วน แต่ในเรื่องการตัดสินใจ ผมเป็นคนที่มาจากโรงเรียนเหล่า คำสั่งจากผู้บังคับบัญชา หรือความสะดวกสบายของประชาชน ผมจะมองเรื่องนี้เป็นอันดับแรก ท่านนายกรัฐมนตรีคงเห็นตรงจุดนี้ด้วย อีกอย่างเรื่องการดูแลประชาชนที่จะหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศทั่วประเทศ มาสักการะพระบรมศพ ก็จะมีคนมามากมาย ผมจะไปอยู่ดูแลประชาชนที่สนามหลวงทุกวัน ไม่ได้ขาดเลย

           ภารกิจแก้ปัญหาน้ำท่วม จัดระเบียบ ข้อพิพาทชุมชนป้อมมหากาฬ วางบริบทในฐานะผู้ว่าฯกทม.อย่างไร

          ที่ผ่านมาเรื่องการจัดระเบียบผู้ค้าได้ทำความเข้าใจ แต่กทม.ก็มีอำนาจการบังคับใช้กฎหมาย แต่กทม.จะพยายามใช้เรื่องรัฐศาสตร์ให้มาก คือมีการพูดคุย เพราะกทม.คงไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นทีเดียว ทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ผมมีความเชื่ออยู่อย่างว่า เราค่อยๆพูด ค่อยๆจาจะรู้เรื่องกันมากกว่า ขอให้ทำความเข้าใจกัน ซึ่งกทม.ได้หาที่รองรับไว้ให้ตลอด เคยให้เวลาผู้ค้าเตรียมตัวมากที่สุดถึง 5 เดือน ผมจึงเชื่อว่าถ้าเราสร้างความเข้าใจกันแล้วผู้ค้าก็จะยอม

          อย่างชุมชนป้อมมหากาฬก็เป็นโบราณสถาน ที่ดิน 21 แปลงนั้นตั้งแต่ปี 2503 กทม.ก็ซื้อจากเจ้าของที่ดินทั้งหมด ที่ผ่านมามีการเยียวยาโดยสมัครใจ ชาวบ้านบางส่วนรับเงินไปแล้ว 75 เปอร์เซ็นต์บางส่วน บางส่วนก็รับไป 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ชาวชุมชนมหากาฬบางส่วนไม่อยากจะย้ายออก ผมได้ไปที่ป้อมมหากาฬแต่เขาก็ไม่ยอมให้กทม.เข้าไป ผมก็บอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่แล้ว คุณจะใช้กฎหมู่มาเหนือกฎหมายไม่ได้ ผมก็จะไม่ยอมแน่ ที่นี่ประเทศไทย ไม่ใช่สำนักวาติกัน ผมก็สอบถามชาวบ้านไปว่าใครต้องการย้ายออกให้มาลงชื่อที่กทม. แล้วผมก็พากลุ่มที่ต้องการย้ายออกไปแจ้งความที่สถานีตำรวจสำราญราษฎร์ ก็มีประมาณ 10 กว่าหลังจาก 50 หลัง กทม.ก็ช่วยขนย้ายสิ่งของ ตอนนี้ก็มีคนมายื่นความจำนงค์จะย้ายออกอีก 11 ราย ทำให้เหลืออีก 30 กว่าหลัง ซึ่งผมจะมอบให้รองผู้ว่าฯอำนวยไปสานต่อ เพื่อทำความเข้าใจประชาชน

            ส่วนการแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้น ในช่วงเดือนแรกที่ผมมาทำงานวันที่ 18 ตุลาคม ยังเป็นช่วงฤดูฝน มีฝนตกหนักแถวซอยแบริ่ง ศูนย์ราชการ รัชโยธิน ซึ่งจุดน้ำท่วมที่เป็นแอ่งกระทะในกรุงเทพฯมีทั้งหมด 21 จุด สิ่งที่กทม.ทำเฉพาะหน้าในขณะนั้น เช่น จุดไหนมีเครื่องสูบน้ำ 4 เครื่อง กทม.จะเพิ่มไปอีก 1 เท่าตัว บางจุดเคยท่วม 2 ชั่วโมง ก็ท่วมไม่ถึง 1 ชั่วโมงแล้ว และขณะนี้ผมได้เชิญดร.รอยล จิตรดอน (ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศน้ำและการเกษตร) มาเป็นที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิผู้ว่าฯกทม. โดยเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ผมได้เชิญดร.รอยล มาคุยที่ศาลากทม. เพื่อหารือว่าวิธีการป้องกันน้ำท่วมว่าจะต้องทำอย่างไร ในช่วงเดือนกรกฎาคม และสิงหาคมปี 2560 แต่สิ่งแรกต้องเร่งบุคคลากรกทม.ให้ทำงานให้เต็มที่ หากจุดไหนท่วมผมจะเอาน้ำออกให้เร็วที่สุด ถ้าน้ำจะท่วม 4-5 ชั่วโมงผมยืนยันว่าคงไม่มีแล้ว

เปิดใจ“อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. ยุคเปลี่ยนผ่าน

             วิสัยทัศน์เมื่อเข้ามาทำงาน อยากเห็นกรุงเทพฯเป็นอย่างไร

              จะต้องสัมผัสได้ แตะต้องได้ ผมไม่ต้องการให้เลิกทีเดียว เหมือนหักด้ามพร้าด้วยเข่า เหมือนหักดิบคนติดยา คนเสพยาบอกให้เลิกวันนี้ก็ลงแดงตาย ผมอยากให้ลดกับละ ไม่ต้องถึงกับเลิก ผมยืนยันผมไม่ใช่คนดี แต่ผมเลวไม่เยอะแล้วกัน ผมยืนยันว่าผมเลวไม่มาก

            ภารกิจกทม. 1 ปีหลังจากนี้

           เรื่องน้ำจะท่วมอย่างไรต้องเอาออกให้เร็วที่สุด จะเป็นดร.ปราโมทย์ ไม้กลัด ดร.รอยัล หรือใครต่อใครผมเชิญมาหมดเลย เพราะผมไม่มีประสบการณ์เรื่องน้ำท่วม จึงต้องไปหาคนเก่งๆมาช่วย ส่วนเรื่องการจราจรให้รองอำนวยดูแล อย่างถนนจรัญสนิทวงศ์ สร้างรถไฟฟ้ามีการตั้งวัสดุก่อสร้างถนนหายไปบางเลน รถก็วิ่งได้น้อยลง ก็บอกให้เอาออกไป โดยเรียกผู้รับเหมา เรียกสำนักงานเขตมาคุย หรือประสานตำรวจจราจร ไม่ใช่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่รถฝั่งนู้นไม่มีเลนแต่ไฟก็ยังเขียวอยู่ พออีกฝั่งรถแน่นแต่กลับเป็นไฟแดง ก็จะมีการประชุมร่วมระหว่างตำรวจจราจร กทม. สำนักงานเขต

           จะแก้ปัญหาร่วมกันไม่ใช่ว่าพื้นที่สถานีตำรวจพญาไทจะระบายรถ เพื่อโยกรถติดไปให้พื้นที่อื่น ถ้าจะแก้ปัญหาตัวเองให้เป็นปัญหาของคนอื่น ผมก็บอกไปว่าอย่าทำ เพราะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน หรือเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อย่างกล้องวงจรปิดพยายามจะแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพียงแต่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น

          ข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตซึ่งกทม.เป็นตำบลกระสุนตก จะวางนโยบายอย่างไร

         เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาช่วงวันที่ 9 หรือ 10 ตุลาคม ทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ขอเข้าพบผม ผมบอกเชิญเลย เขาบอกขอทำหนังสือขอเข้าพบก่อน ผมบอกไม่ต้องทำหนังสือให้มาได้เลย สตง.ก็มาทั้งหมด 6 คน ตั้งแต่ผู้ตรวจ รองผู้ว่าสตง.ฯลฯ ก็นั่งคุยกันในห้องอมรินทร์ ผมก็เชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องของกทม. ผมบอกว่าเรื่องที่ผ่านมาอย่าเพิ่งพูดถึง ขอให้เป็นเรื่องตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จากนี้สตง.ไม่ต้องทำหนังสือมาสอบถามว่าตรงนี้ผิดถูกอย่างไร หรือตรงไหนทำท่าไม่ชอบมาพากล ขอให้สตง.ยกหูโทรศัพท์มาหาผมได้เลย แล้วมาช่วยกันแก้ ผมจะเชิญสตง.เข้ามาคุย มาตรวจสอบได้ ผมยืนยันว่าสตง.จะดูได้ทุกอย่างทุกเรื่อง หากมีเรื่องเร่งด่วนที่ผมจะทำ ผมก็จะถามไปกับสตง.ว่าผมทำตรงนั้นตรงนี้ได้หรือไม่

           สิ่งที่กทม.ถูกตรวจสอบอยู่ จะดำเนินการอย่างไร

          ขณะนี้เรื่องเลยไปจากกทม.อยู่มือของสตง. และป.ป.ช.(คณะกรรมการป้องกันการทุจริตแห่งชาติ) แล้ว จึงต้องให้องค์กรอิสระเขาว่าไป ผมมาอยู่วันนี้วันที่ 38 สิ่งไหนที่ไม่เหมาะไม่ควร อย่างกรณีงบสร้างประตูระบายน้ำที่เขตสายไหมจำนวน 300 กว่าล้าน แต่คามาตั้งแต่ปี 2555 และปีนี้ก็ยังมาขอเลื่อนการใช้งบประมาณอีก ทั้งที่ตั้งแต่ปี 2555-2559 ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง ผมก็เรียกมาประชุมบอกว่า คุณไม่ทำมา 5 ปีแล้วขอยกเลิก เอาเงินเข้างบกลางมาเลย ถ้าอยากจะทำไปตั้งงบประมาณใหม่

          กรณีที่ 2 มีการของบกลางเพื่อไปซื้อรถเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าส่องสว่าง ผมถามไปว่าเป็นหน้าที่กทม.หรือเปล่า เพราะการเปลี่ยนหลอดไฟบนถนนสาธารณะเป็นหน้าที่ของการไฟฟ้านครหลวง ไม่ใช่หน้าที่ของกทม.  ดังนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อ ผมก็ตัดงบไป 200 กว่าล้าน หรือการของบประมาณรถปูทางเท้า ผมยังไม่เห็นที่ไหนในโลกใช้รถปูทางเท้า เห็นส่วนใหญ่ทำจากมือทั้งหมด ผมก็ไม่ให้ซื้อตัดงบตรงนี้ไป 100 กว่าล้าน

          “อย่างนโยบาย 10+6 (นโยบายม.ร.ว.สุขุมพันธุ์) สิ่งไหนที่ดีๆ จะสานต่อไป สิ่งไหนที่ดูว่ายังไม่เหมาะสมก็จะหยุด ซึ่งผมก็ได้โทรไปคุยกับคุณชายสุขุมพันธุ์ เขาก็บอกว่าเป็นกำลังใจให้ ผมก็ขอบคุณคุณชาย เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุไม่มีใครคาดคิด ตัวผมก็ยังไม่คิดเลย คุณชายก็ไม่ได้คิดว่าจะไป ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะมา ถามว่าอุบัติเหตุเกิดจากใครก็ต้องไปถามรัฐบาล ผมก็ไม่รู้”

            เปิดใจ“อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. ยุคเปลี่ยนผ่าน

          ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างหนัก จะรับแรงกดดันอย่างไร

         ตัวผมก็สบายๆนะ ขณะนี้ผมถือว่าเป็นคนของสาธารณะ ก็ต้องถูกวิจารณ์ได้ จะไปบอกว่าห้ามคนนั้นคนนี้วิจารณ์ก็เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งไหนที่เขาวิจารณ์ก็ต้องแก้ไข ถ้าเขาวิจารณ์ในสิ่งที่ไม่ดี ไม่เหมาะ ไม่ควรผมก็จะแก้ไข เอาอย่างนี้ผมจะไม่พูดถึงอดีต จะพูดถึงปัจจุบันกับอนาคตเท่านั้น ในอดีตกทม.เป็นอย่างไรไม่ต้องมาถามผม ไปศึกษาเอาเอง แต่ปัจจุบันถ้าผมบกพร่องตรงไหนบอกผม(เน้นเสียง) ผมจะไปแก้ไข

         “สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุด กลัวว่าผมจะทำได้ไม่ดีตามที่เขาคาดหวัง แต่ผมจะทำเต็มที่ จะพยายามสุดความสามารถ ทุกคนบอกให้ไปทำเลยเอกเทศ มีอะไรผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ผมตัดสินใจเองได้ทุกเรื่อง แต่กทม.ขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย มีอะไรผมก็จะเรียนพล.อ.อนุพงษ์ ว่าตรงนี้ควรเป็นอย่างไร ตรงนั้นควรเป็นอย่างไร ถ้าตรงไหนท่านแนะนำหรือปรับปรุงท่านจะโทรมาบอก ท่านก็เหมือนเป็นพี่เลี้ยงให้ ผมก็ทำงานด้วยความสบายใจ”

           ผมต้องการความไว ความเด็ดขาด ตรงนี้ผมถูกสะสมมาตั้งแต่เป็นนักเรียนแล้ว เรามาจากโรงเรียนเหล่า ทั้งความเข้มแข็ง ความเด็ดขาด วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำ ความซื่อสัตย์ ไม่ต้องห่วง ส่วนจุดอ่อนจริงๆไม่มี เราก็ต้องยอมรับสภาพ เหมือนเป็นนักการเมือง ทั้งที่ในชีวิตก็ไม่อยากมาเป็นนักการเมืองหรอก แต่ตอนนี้เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว ผมยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ เมื่อก่อนใครมาว่าผมก็จะเริ่มไม่พอใจ เคืองเหมือนกัน แต่ถ้าตอนนี้เขาว่าเราแสดงว่า เราต้องแก้ไข ซึ่งผมมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงด้วย สิ่งที่ผมทำผมคิดว่าถูก ถ้าคิดว่าผิดผมก็คงไม่ทำ

เปิดใจ“อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. ยุคเปลี่ยนผ่าน

การที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งถือเป็นจุดอ่อนหรือไม่

                ถ้าระบอบประชาธิปไตยก็บอกว่าเป็นจุดอ่อน เมืองไทยมาจากการเลือกตั้งถามว่าดีหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าดีเพราะเป็นประชาธิปไตย แต่ว่าบางครั้งอะไรที่ชาชินจนเกินไปผมว่าน่าจะมีการเปลี่ยนภาพลักษณ์กันบ้าง เหมือนรัฐบาลถ้าเขาไม่ยึดอำนาจบ้านเมืองจะไปตรงจุดไหน ช่วงที่ผมเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ผมยังจำได้วันที่ 3 ธันวาคม 2556 วันนั้นถ้าผมไม่ไปห้ามทัพอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ผมไม่รู้ว่ากรุงเทพฯยังมีอยู่หรือเปล่าเลย ตั้งท่าใส่กัน คนจะตายกันเป็นร้อยเป็นพัน ผมก็พยายามไปยื้อทั้งคืนจนถึงเช้า พยายามทำความเข้าใจกันทั้งผู้ชุมนุม ตำรวจ ทหาร

                ผมจะใช้ความรู้ ความสามารถที่มีอยู่ ถึงตอนนี้ผมแก่แล้วนะอายุ 60 กว่าแล้ว ชื่อเสียงผมก็มีพอสมควรในช่วงที่ผมรับราชการตำรวจ ไม่แพ้ใครในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมก็ไม่ได้โม้ แต่ผมจะไม่เอาชื่อเสียงมาละลายกับตรงนี้ ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้คงสภาพ ถ้าดีผมก็เท่าทุน แต่ถ้าไม่ดีผมเจ๊ง ผมไม่ต้องการให้บวกขึ้นหรอก ให้เสมอตัวกับอย่าให้ลบพอ

                “ผมจะอยู่นานแค่ไหน ผมตอบไม่ได้ ต้องแล้วแต่หัวหน้าคสช. แต่ในคำสั่งบอกว่าจนกว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผมก็เลยตอบไม่ได้ว่าจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อไหร่ ตามหลักแล้วต้องเลือกตั้งใหญ่ก่อน เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ยังทำไม่ได้ เพราะต้องมีกฎหมายลูก จะต้องมีรัฐบาลก่อน แล้วถึงจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น”

              คิดจะลงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หรือไม่

              ยังไม่มีความคิดเลย  คือผมไม่ได้อยู่กับการเมืองมาทั้งชีวิตนะ บางคนหาว่าผมอยู่กับการเมือง ไปตรวจประวัติผมดู ผมไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น

              ภารกิจสำคัญที่ท้องสนามหลวง จะต้องเตรียมพื้นที่ดูแลประชาชนตรงไหนเป็นพิเศษหรือไม่

              ที่ท้องสนามหลวงเป็นงานที่มีเกียรติของกทม.ที่จะได้รับใช้พระองค์ท่าน กทม.จะประสานงานกับทหาร กองทัพภาคที่ 1 กระทรวงมหาดไทย ส่วนกทม.ก็มีเทศกิจ มีพนักงานทำความสะอาด และโชคดีที่มีจิตอาสาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มาช่วยกัน เด็กหนุ่มๆสาวๆเดี๋ยวนี้ก็ดีนะ ไม่ไปขี่รถแว็นซ์ เป็นสก๊อย มาถือถุงขยะโดยไม่อายแล้ว หรือประชาชนก็แยกขยะเป็นแล้ว ผมว่าประเทศไทยเจริญขึ้นเยอะ

               5 ธันวาคมเป็นวันสำคัญที่คาดว่าคนไทยทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมาที่ท้องสนามหลวง กทม.เตรียมพร้อมอย่างไร

                ขณะนี้วันธรรมดาคนเข้าสนามหลวงเฉลี่ย 150,000 คน แต่เข้าไปกราบพระบรมศพได้เต็มที่ได้ไม่เกิน 4 หมื่นคน แต่ถ้าวันเสาร์และอาทิตย์คนจะมาสนามหลวง 2 แสนคนขึ้นไป ซึ่งการบริหารจัดการจะมีพัดลม มีเต็นท์ มีเก้าอี้รองรับประชาชนที่จะมาเข้าคิว 15,000 ตัว ทำให้ประชาชนที่มาไม่ต้องยืนเพราะจะมีเก้าอี้รองรับได้ และจะแบ่งโซนผู้แจกอาหาร แจกน้ำในแต่ละเต็นท์ ยืนยันผมดูแลประชาชนให้ดีที่สุด