คอลัมนิสต์

โกงที่ดินพังงา-ภูเก็ตปมสั่งตาย ‘ธวัชชัย’? (1)

โกงที่ดินพังงา-ภูเก็ตปมสั่งตาย ‘ธวัชชัย’? (1)

10 ก.ย. 2559

โกงที่ดินพังงา-ภูเก็ตปมสั่งตาย ‘ธวัชชัย’? (1) : เรื่องเล่าข่าวดัง

              คงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจของเครือญาติกับการจากไปของนายธวัชชัย อนุกูล วัย 66 ปี อดีตเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน จ.พังงา ผู้ต้องหาคดีออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบหลายแปลงใน จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต เพราะหลังจากถูกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จับกุมไม่ทันข้ามคืน ผู้เสียหายรายนี้ก็เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ

              เจ้าหน้าที่ดีเอสไออ้างว่า ผู้ต้องหาใช้ถุงเท้าผูกโยงกับบ้านพับประตูภายในห้องควบคุมบนชั้น 6 อาคารดีเอสไอ ซึ่งได้ชื่อว่ามีความทันสมัยและมีระบบรักษาความปลอดภัยดีที่สุดอาคารหนึ่ง เพราะอาคารแห่งนี้นอกจากจะมีการติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีแล้ว ยังไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกขึ้นไปบนอาคาร เว้นเสียแต่มีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบพิจารณาอนุญาตเป็นรายกรณี แต่การเข้าไปในพื้นที่นั้น จะต้องอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัดไม่คลาดสายตา พื้นที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาถูกจัดให้เป็นพื้นที่พิเศษ ซึ่งบุคคลภายนอกหรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเองที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานควบคุม ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยังพื้นที่นั้นเช่นกัน 

              จากสภาพพื้นที่เกิดเหตุคงเป็นการยากที่บุคคลภายนอกจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำที่นำมาสู่การปลิดชีพนายธวัชชัย แต่จะเป็นการกระทำของตัวผู้ตายเองหรือถูกคนอื่นกระทำ เป็นเรื่องที่ต้องรอการพิสูจน์

              ผลชันสูตรศพนายธวัชชัย เป็นชนวนแห่งความสงสัยถึงสาเหตุการตาย เพราะปรากฏมีเลือดออกในช่องท้อง ตับแตกเนื่องจากถูกของแข็งไม่มีคมกระแทกและขาดอากาศหายใจ ซึ่งการใช้ถุงเท้าผูกคอตายไม่น่าจะทำให้พบร่องรอยเช่นนี้ในศพได้

              คำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ขัดแย้งกับคำแถลงของหัวหน้าผู้ควบคุมผู้ต้องขัง กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำมาสู่ข้อสงสัยของเครือญาติ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้างว่า ผู้ตายฉีกชายเสื้อของตัวเองนำมาผูกเข้ากับบานพับประตู ขณะที่หัวหน้าผู้ควบคุมผู้ต้องขังระบุผู้ตายใช้ถุงเท้าในการผูกคอตัวเองเสียชีวิต ซึ่งข้อระบุนี้ยังไม่สอดคล้องกับร่องรอยที่ลำคอของผู้ตายนัก เพราะลักษณะร่องรอยที่พบน่าจะเข้ากับรอยรัดของเชือกมากกว่า

              กรณีพบเลือดออกที่ช่องท้องและตับแตก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกิดจากการปั๊มหัวใจช่วยเหลือชีวิตของทีมแพทย์โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่ง พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ตั้งโต๊ะชี้แจงทันทีว่า การปั๊มหัวใจนั้นไม่ได้ทำให้ตับแตก

              พล.ต.นพ.เหรียญทองระบุว่า คืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 01.15 น. เจ้าหน้าที่แพทย์ฉุกเฉินได้รับแจ้งว่ามีคนไข้อาการคล้ายเป็นลม ความดันสูง จึงได้เร่งเดินทางเข้าช่วยเหลือ พบนายธวัชชัยอยู่ในสภาพไม่หายใจ ไม่มีชีพจร จึงได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ หรือซีพีอาร์ เบื้องต้นเป็นเวลา 15 นาที ก่อนเคลื่อนย้ายมายังโรงพยาบาลทันที ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำซีพีอาร์ให้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นทีมแพทย์ได้ต่อท่อ ให้ยากระตุ้นหัวใจ ร่วมกับการช็อตไฟฟ้าทำให้อาการกระเตื้องขึ้นมา แต่ยังคงอยู่ในภาวะวิกฤติ จึงเคลื่อนย้ายเข้าห้องดูแลคนไข้วิกฤติ (ซีซียู) ซึ่งพยาบาลพยายามใช้มือคลำชีพจรที่ขาหนีบคนไข้ แต่ไม่พบชีพจร ในระหว่างนั้นได้ให้ยากระตุ้นหัวใจทุกๆ 3 นาทีควบคู่กับการทำซีพีอาร์

              ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ แถลงด้วยว่า ทีมแพทย์ได้ชี้แจงญาติว่า ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ ญาติจึงได้รับรู้และเซ็นยินยอม โดยนายธวัชชัยเสียชีวิตในเวลา 04.45 น. วันที่ 30 สิงหาคม 2559 รวมทั้งก่อนการส่งร่างนายธวัชชัยไปให้แพทย์นิติเวชชันสูตรศพ ทางโรงพยาบาลได้สรุปการเสียชีวิตว่าผู้ตายเสียชีวิตในโรงพยาบาลโดยไม่ทราบสาเหตุ อย่างไรก็ดี ใบบันทึกของพยาบาลในห้องซีซียูได้ระบุถึงรอยช้ำเป็นแนวยาวบริเวณคอของผู้เสียชีวิตด้วย แต่รพ.มงกุฎวัฒนะมีหน้าที่เพียงการกู้ชีพคนไข้ไม่มีหน้าที่ในการชันสูตรถึงสาเหตุการเสียชีวิต ต้องไปสอบถามกับแพทย์นิติเวช เพราะผลชันสูตรจะสามารถให้คำตอบได้ว่าสาเหตุตับแตกเกิดจากอะไร นอกจากนี้ในทางการแพทย์อาการตับแตกจะไม่ทำให้เสียชีวิตโดยทันที แต่หากเลือดออกจากตับเป็นจำนวนมากอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้

              ขณะเดียวกันทางทีมแพทย์ที่ทำการช่วยเหลือเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตได้ใส่เสื้อผ้าชุดเดิมมาโดยไม่มีการเปลี่ยนเสื้อผ้า จนกระทั่งเข้าห้องซีซียูเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของโรงพยาบาลให้ และยืนยันว่าไม่พบรอยฉีกของเสื้อผ้า รวมทั้งตั้งแต่เริ่มรับตัวนายธวัชชัยมารักษาจากดีเอสไอจนมาถึงโรงพยาบาล ทางทีมแพทย์ไม่ได้รับแจ้งว่าผู้ป่วยผูกคอตัวเอง ส่วนที่มีการตั้งขอสังเกตว่าทีมแพทย์เห็นร่องรอยฟกช้ำบนร่างกายของคนไข้หรือไม่ ทางแพทย์ไม่ได้สังเกตในรายละเอียดตรงจุดนั้น เพราะต้องเร่งช่วยเหลือคนไข้ก่อน นอกจากนี้ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมายังไม่เคยมีกรณีการทำซีพีอาร์ และทำให้คนไข้ตับแตก ซึ่งผลที่อาจจะเกิดขึ้นมีแค่ซี่โครงหักเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถส่งผลอันตรายต่อชีวิตได้

              ข้อสงสัยสำคัญคือ ที่มาของถุงเท้าที่ผู้ตายใช้ก่อเหตุ ซึ่ง พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ อ้างว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่นายธวัชชัยไม่ได้สวมถุงเท้าเข้ามา แต่มีญาตินำมาฝากให้ และช่วงกลางดึกผู้ตายได้ร้องขอเอาจากผู้ควบคุม เพราะห้องควบคุมตัวเปิดแอร์เย็นมาก และถุงเท้าคู่นั้นถูกนำไปมัดเข้ากันสองข้างเป็นวงกลมคล้องกับบานพับก่อนสอดศีรษะเข้าไป ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบห้องควบคุมที่เกิดเหตุพบว่าบานพับประตูที่ถูกอ้างถึงเกี่ยวได้กับถุงเท้า

              แต่ข้อพิรุธกลับเกิดขึ้นอีก เมื่อ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) ระบุถึงผลตรวจดีเอ็นเอที่เก็บได้จากถุงเท้า พบดีเอ็นเอของบุคคลอื่นนอกจากของผู้ตายรวมอยู่ด้วย 

              “ตรวจสอบพบว่ามีดีเอ็นเอของผู้ตายติดอยู่ที่ถุงเท้าอย่างชัดเจน เชื่อได้ว่าเป็นถุงเท้าของผู้ตาย แต่ในถุงเท้าพบดีเอ็นเอของคนอื่นด้วย ซึ่งต้องประมวลให้ครบว่าดีเอ็นเอนั้นเป็นของใคร ส่วนการจำลองเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานครั้งล่าสุด โดยการนำถุงเท้าชนิดที่ใกล้เคียงกับที่พบในที่เกิดเหตุมาทดสอบ ยืนยันว่า ถุงเท้าสามารถเกี่ยวบานพับประตูที่รับน้ำหนักของการผูกคอได้ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการผูกคอตัวเสียชีวิต หรือมีบุคคลอื่นทำให้เสียชีวิต ซึ่งหากเป็นการผูกคอด้วยตัวเองจะไม่มีร่องรอย หรือบาดแผลภายนอก แต่หากเป็นฝีมือบุคคลอื่นกระทำจะต้องมีร่องรอยการต่อสู้ และขัดขืน ทำให้เกิดบาดแผล ในส่วนของร่องรอยที่บริเวณลำคอที่มีขนาดเล็กกว่าความหนาของถุงเท้านั้น จากการจำลองเหตุการณ์เป็นไปได้ว่า ถุงเท้ามีความยืดหยุ่นจากการรับน้ำหนัก” พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าว

              ข้อพิรุธเหล่านี้จะมีคำตอบในตัวของมันเองหากมีภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ ซึ่งอาคารดีเอสไอได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ในหลายจุด

              อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่า กล้องวงจรปิดยังใช้งานได้ตามปกติมีเพียงระบบบันทึกภาพที่ผิดปกติ บันทึกได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เพราะเป็นระบบที่ใช้งานตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งตรวจสอบพบความผิดปกติมาตั้งแต่เดือนเมษายน มีการบันทึกรายงานและขอซ่อมแซมโดยมีสัญญาว่าจ้างติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดใหม่ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม กำหนดเสร็จ 27 ตุลาคม ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งระบบใหม่ แต่ระบบเดิมก็ยังสามารถดูภาพในระบบเรียลไทม์ได้ตามปกติ

              ข้อสังเกตในคดีทุจริตการออกเอกสารสิทธิที่ดินใน จ.พังงา และจ.ภูเก็ต ลำพังข้าราชการกรมที่ดินตำแหน่งไม่สูงนักอย่างผู้ตายเพียงคนเดียว คงไม่สามารถกระทำให้สำเร็จลุล่วงได้ การเสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน และตายอย่างผิดธรรมชาติ นำมาสู่ข้อสงสัยว่า อะไรที่อดีตข้าราชการกรมที่ดินผู้อื้อชาวรายนี้ จะฆ่าตัวตายเอง หรือมีใครสั่งฆ่าหรือไม่ เงื่อนปมมาจากสาเหตุใด ติดตามต่อตอนหน้า