คอลัมนิสต์

บูรณาการแก้รถติด

บูรณาการแก้รถติด

02 ก.ย. 2559

บูรณาการแก้รถติด : บทบรรณาธิการประจำวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2559

            มีความเคลื่อนไหวจากหลายภาคส่วน ที่กำลังผลักดันให้การแก้ไขปัญหาจราจรในกรุงเทพมหานครและในเมืองใหญ่เป็นวาระแห่งชาติ โดยได้เสนอแผนงานต่างๆ ทั้งในระยะต้น ระยะกลาง และในระยะยาวปี 2559-2565 ตั้งแต่มาตรการสถานเบาจนถึงหนักในระดับจำกัดสิทธิการใช้รถใช้ถนน และโครงการต่างๆ อีกจำนวนมาก ทั้งนี้นอกจากคนเมืองสามารถสัมผัสปัญหาได้ด้วยตนเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่า ทุกวันนี้ปัญหารถติดอยู่ในขั้นสาหัสสากรรจ์แล้ว ยังมีตัวเลขสถิติยืนยันด้วยว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่รถติดเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยเมื่อปีที่แล้วมีรถยนต์ที่จดทะเบียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 9 ล้านคัน มีถนนรองรับได้เพียง 1.5 ล้านคัน การสำรวจยังพบว่า ปัญหารถติดทำให้สูญเสียเชื้อเพลิงไปวันละ 97 ล้านบาท หรือปีละ 35,000 ล้านบาท

            สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ มีข้อสรุปเอาไว้อย่างหลากหลาย ทั้งในเชิงสถิติ การสำรวจที่อ้างอิงได้ รวมทั้งความเห็นจากทุกฝ่าย ซึ่งจะว่าไปแล้ว ทุกๆ ชีวิตในเมืองหลวง ล้วนต้องเกี่ยวข้องกับการจราจรไม่น้อย ในความเห็นของคนโดยสารรถประจำทางหรือระบบขนส่งมวลชนอื่น ก็ย่อมจะเห็นด้วยที่รัฐจะใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ขณะคนที่มีรถยนต์ก็มองไปว่า ปัญหาเกิดจากการทำงานอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่รัฐย่อหย่อนและไม่บูรณาการ แต่ถ้าจะถามว่าจะใช้มาตรการใช้รถยนต์ได้เฉพาะวันเลขคู่-เลขคี่ที่ตรงกับตัวเลขท้ายทะเบียน หรือแม้แต่การเก็บเงินค่าธรรมเนียมสำหรับเส้นทางจราจรหนาแน่นในย่านธุรกิจ ย่อมจะมีเสียงปฏิเสธเสียเป็นส่วนใหญ่

            สำหรับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจราจรก็มีอยู่ไม่น้อย เริ่มจากถนนหนทางทั้งเส้นทางหลักและในตรอกซอกซอย ไฟฟ้าส่องสว่าง ไฟสัญญาณจราจร การรายงานสภาพอากาศ การระบายน้ำจากผิวจราจร ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ถนนของกรมทางหลวง ทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) การดูแลกวดขันวินัยจราจรและอำนวยความสะดวกเป็นหน้าที่ของกองบังคับการตำรวจจราจร ขณะที่กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมก็มีหน้าที่ดูแลตรวจสอบการใช้รถยนต์ให้เป็นไปตามกฎหมาย เช่น การออกใบอนุญาตขับขี่ การต่อทะเบียน กวดขันให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ในส่วนของภาพรวมก็ยังมีสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) คอยกำกับอยู่ ขณะที่การสร้างเครือข่ายระบบขนส่งมวลชนอยู่ในความรับผิดชอบขององค์การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ(รฟม.) กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และรถไฟฟ้าบีทีเอส

            จะเห็นได้ว่า สภาพการจราจรที่กำลังวิกฤติอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ มีความสลับซับซ้อนทั้งในตัวของมันเอง และที่ไปผูกโยงอยู่กับหน่วยงานต่างๆ จำนวนมากมายแทบนับไม่ถ้วน ถ้าหากแต่ละหน่วยงานต่างคนต่างทำ หรือบางหน่วยเกียร์ว่าง ขาด "กรรมการกลาง” คอยสั่งการ ทุกครั้งที่เกิดปัญหาขึ้น ผู้ที่ตกเป็นจำเลยของสังคมระดับต้นๆ คือ ตำรวจ กับกทม. โดยเฉพาะระยะหลังมานี้เกิดกรณีน้ำขังรอระบายทำให้รถติดวินาศสันตะโรด้วยแล้ว กทม.ยิ่งเป็นเป้านิ่ง หากแต่ในข้อเท็จจริง ขณะนี้มีข้อเสนอให้ทุกหน่วยงานได้บูรณาการแก้ปัญหาแบบสอดประสานตลอด 24 ชั่วโมง ก็ถือเป็นแนวทางที่ดี โดยเฉพาะในระยะแรกที่ต้องลงมือโดยด่วนก็คือ การระดมบุคลากรลงพื้นที่แก้ไขสถานการณ์ทันที เช่นเมื่อเกิดรถติดไม่ว่าจุดใดก็ตาม คนใช้ทางก็จะเห็นตำรวจจราจร อาสาสมัคร มูลนิธิ เทศกิจ ข้าราชการจากกรมการขนส่งทางบก มาช่วยระบายรถ แจ้งทางเลี่ยง เปิดช่องทางพิเศษ ฯลฯ ลองแก้ไขด้วยบุคลากรเหล่านี้ ก่อนที่จะให้ยาแรง ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง